เห็นการเลือกตั้งครั้งนี้แล้วนึกถึงหนังอยู่ 3 -4 เรื่องครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนึ่งครับ มีภาพประกอบ


ปกติเคยแต่แต่งภาพรถอยู่ในห้องรัชดานะครับ ไม่เคยแต่งภาพกับคนแบบนี้ ไม่เคยสนใจการเมืองเท่าครั้งนี้
โดยส่วนตัวแล้ว การเมืองในไทยสำหรับผมนั้นดูตลกมาโดยตลอด แต่เป็นตลกที่ถึงตายนะครับ
ในการแก่งแย่งชิงอำนาจกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน และในส่วนที่ดูตลกก็คือ
คำพูด/ความคิด/วิชั่น/การเถียงกันไปมา ต่างๆ ที่นักการเมืองในยุคที่ผ่านมาทำตัวเหมือนเด็กกำลังทะเลาะกัน
และแต่ละคนมีเหตุผลที่ดูน้อยมาก น้อยจริงๆ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงดูตลก

และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องตลก เพราะพรรคนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า
ในบ้านเมืองเรา ยังสามารถมีคนที่ยังมีเหตุผลเข้ามาสู่การเมืองที่ตลกของประเทศนี้ได้อยู่ 
หลังจากที่ผ่านมา ถ้าไม่ตลก ไม่ดูไร้เหตุผล แล้วถูกมองว่าอยู่ในฝั่งการเมืองที่ดี ก็จะดีตรงที่ดูดีมีมาดเสียมากกว่า 
บ้านเมืองเราอยู่ในบรรยากาศที่คนมีมาดของความนิ่งสงบคือคนดี ซึ่งก็ทำให้เราใจชื่นขึ้น
ไม่ว่าใครก็คงเป็นแบบนั้น ผมก็เช่นกัน

แต่พรรคนี้เป็นพรรคแรกที่ไม่มีมาดอะไร เป็นพรรคแรกที่ทุกคำพูด คือถ่อยคำที่ฟังดูจริงที่สุด
มองเห็นได้ว่าจริง แค่ก้าวออกจากบ้าน ก็จะเห็นสิ่งที่เขาพูดแบบนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็อยู่ในหัว
ของเรามาโดยตลอด แต่มันถูกฝังไว้ และให้ยอมรับกับสิ่งที่มันเป็นอยู่แบบนั้น 

โลกของคนมีอำนาจ มีฐานะ มีความร่ำรวม มี connection เป็นยังไงนั้น สวยงามขนาดไหน
สำหรับการอยู่ในประเทศนี้ ณ ปัจจุบันนั้น ก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ถ้าเป็นคนปกติทั่วไป เมื่อมอง
ดูไปรอบๆ ก็จะเห็นภาพที่เอน็ดอนาถอยู่เรื่อยๆ ในประเทศนี้ ตามท้องถนน คนยากจน คนที่น่าสงเคราะห์
ข่าวที่น่าสังเวช เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสังคม และที่เด่นชัดก็คือ คำว่า ชาวบ้าน, รากหญ้า ที่หมายถึง
คนส่วนใหญ่ในประเทศ ซึ่งดูภาพลักษณ์แล้ว บ้านเรามันน่าจะด้อยไม่ต่างจากประเทศด้อยพัฒนาเลยด้วยซ้ำ
แต่ที่พวกเรายกระดับขึ้นมาเป็นประเทศกำลังพัฒนาได้ ก็เพราะกลุ่มชนชั้นสูงที่มีรายได้ฉีกขาดหนีจากคนธรรมดา
ร่วม 10 ร่วม 100 เท่ากลุ่มนั้นต่างหาก ที่ทำให้พอหารเฉลี่ยออกมาแล้ว เหมือนประเทศนี้จะรวยนะ ? 

แต่ความจริงก็คือ ตาเรามองเห็นสิ่งรอบๆ อยู่ตลอดอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะปิดตาข้างหนึ่ง หรือสองข้างอยู่ตลอดรึเปล่า
หรือว่าเราโทษไปที่ชนชั้นที่แย่กว่าเหล่านั้น ว่าขี้เกียจ ไม่ขยัน ไม่พยายาม ไม่ตั้งใจเรียน โง่ ไม่ฉลาด รวมไปถึง
โทษว่าพวกเขาโง่ให้หลอกในการซื้อสิทธิ์ขายเสียงจนทำให้คนไม่ดีขึ้นมามีอำนาจในระบบรัฐสภา

พรรคนี้เป็นพรรคแรกที่พูดชัดเจนว่า "อย่ามองว่าคนส่วนใหญ่โง่ แต่พวกเราเป็นคนฉลาด"
และอีกคำที่ชอบก็คือ "อย่าคิดแทนคนอื่น" จริงๆ แล้วมันมีเพียงแค่คนที่มีโอกาส กับคนที่ไปไม่ถึงโอกาสมากกว่า
นี่เป็นแนวคิดหลักของความเท่าเทียม ถ้าไม่มีหลักความคิดแบบนี้ สังคมก็จะแตกแยกออกจากกันได้ง่ายมาก
การที่อีกคนไม่เข้าใจเรา ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นคนโง่ แต่ตัวเราต่างหากที่จะต้องสื่อสารกับพวกเขาให้ดีกว่านั้น
นี่เป็นหลักของพรรคนี้ ซึ่งสำหรับผมการแยกว่าใครจะดีจะชั่วนั้นไม่จำเป็น เท่ากับการเห็นวิธีคิด 
ความคิดที่สะอาด สว่าง และมีปัญญา คือเครื่องแบ่งระหว่างคนไม่ดีและคนดีอยู่แล้วในศาสนาพุทธ ไม่ใช่เรื่อง
ของภาพลักษณ์ ท่าทางกริยา รสนิยมว่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ซึ่งเรื่องความชอบเป็นความแตกต่าง
ระหว่างบุคคลที่สวยงามอยู่แล้ว คนเราไม่ควรคิดหรือชอบเหมือนๆ กัน

ทั้งสามคนคือจีเนียส เพราะมีความคิดที่ดี มีทั้งข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เฉียบคม มีเหตุผลที่สูงมาก
มองภาพอย่างเป็นกลาง ไม่หันเห ไม่เบี่ยงเบน ไม่รวนเร มีเป้าหมายและอุดมคติที่ชัดเจน 
ถ้าหากมีประเทศใหม่เกิดขึ้นอีกครั้งแบบประเทศอเมริกา คนลักษณะแบบนี้จะพาไปสู่เป้าหมายที่ดีและชัดเจน
นี่จึงเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่าที่ผมสัมผัสเห็นคนในประเทศนี้มา 40 ปี 
ไม่ใช่ว่าตัวผมไม่เคยชอบใครในสื่อ ที่ผ่านมาผมชอบหลายคนมากๆ จริงๆ แล้วชอบมาหมดแล้วทุกคน
ในทุกวงการ แต่ด้วยว่าสมัยนั้นเราอาจจะยังเด็ก เราก็ชอบในสิ่งที่เรารู้สึกเอนเตอร์เทน ใช่ครับ
ที่ผ่านมาก นักการเมือง ผู้ที่ออกสื่อ และสื่อสารมวลชน จะฮิตได้ก็ต้องมีอะไรที่ทำให้คนรู้สึกสนุก
ชื่นชอบไปกับพวกเขา แต่ก็เพียงแค่นั้น อย่างที่ผมเห็นล่าสุดคือคุณกนก และดร.เสรี ทั้งคู่ก็
เคยทำให้ผมรู้สึกเอนเตอร์เทน ทำให้ชอบ แล้วก็คิดว่าพวกเขามีกึ๋น ฉลาด น่าเชื่อถือ 
แต่มาในตอนนี้ เมื่ออ่านสิ่งที่พวกเขาคิด กระบวนการคิดอะไรต่างๆ มันไม่น่าจะใช่

จริงๆ แล้วจะอยู่ฝั่งไหน ก็ต่างเป็นสิทธิ์และเป็นความแตกต่างที่เราต้องยอมรับได้ทั้งนั้น
แม้ว่าจะอยู่ข้างลุงตู่ก็ตาม แต่ทว่า กระบวนการคิดที่เรามองเห็นนั้น มันยังไม่ผ่าน

การเมือง ณ วันนี้ มันวัดการที่กระบวนการคิดไปแล้ว ซึ่งพรรคอนาคตใหม่นำเข้ามา 
มันไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นหน้าใหม่ที่ขาดประสบการณ์ แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาเข้ามาสอน
ให้คนที่อยู่เก่ารู้ว่า การคิดแบบมีกระบวนการคิดนั้นเขาต้องทำกันอย่างไร 

มีการรณรงค์หลังจากหมดยุคทักษิณว่า เราต้องเชิดชูคนดีและอย่าเน้นคนเก่ง นี่เป็นคนพูดที่
ดูมีมิติน้อยที่สุด และอันที่จริงนั้นเราก็บอกไม่ได้ด้วยว่าทักษิณนั้นเก่งได้เต็มปากเต็มคำด้วยซ้ำ

เพราะความเก่งความฉลาดนั้น ต้องมาคู่กับปัญญา การมีปัญญาก็คือคนดีในความหมายของ
พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นคำสอนที่มีมิติและจับต้องได้มากที่สุด คนที่ทำผิดก็คือคนที่โง่เขลา ไม่ว่า
พวกเขาจะจบด็อกเตอร์ หรือเป็นปรมาจารย์มาจากที่ใดก็ตาม 

ดังนั้นสิ่งที่สังคมเราต้องการคือคนที่มีปัญญา และพรรคอนาคตใหม่คือพรรคที่รวมกลุ่มคนที่มี
ปัญญามากที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา และถ้าพวกเขาจะไปแข่งในการแข่งขันทางการเมืองที่ใด
ในโลก ผมเชื่อว่าพวกเขาสู้ที่ไหนก็ได้ พวกเขาสามารถอยู่ในประเทศที่เต็มไปด้วยปัญญาชนได้
และคนทุกชนชั้นจะฟังพวกเขา 

นี่คือภาพที่หลุดไปการจากเมืองตลกๆ ที่ผมเคยเห็นมาตั้งแต่เกิด ที่ช่วงไหนที่บ้านเมืองนิ่งๆ
ก็จะเกิดมาจากการใช้อำนาจเข้าควบคุม ครอบงำ หรือภาพของนักการเมืองที่เอาเวลาส่วนใหญ่
มาโชว์ฝีปากกัน มันตลกมาก ตลกจนรู้สึกหมดอนาคตไปด้วยพร้อมๆ กัน

****มาเรื่องหนัง****

นี่เป็นหนึ่งในหนังทั้ง 4 เรื่อง ที่ผมพอจะนึกออกในวันนี้ นั่นก็คือ THE MATRIX 
ซึ่งนีโอผู้ที่อยู่ในโลกเสมือนที่ถูกครอบงำโดยเครื่องจักร ที่ทุกคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ถูกขุมขัง
โดยไม่รู้ตัวในระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีคนกลุ่มหนึ่งสามารถหนีออกไปจากระบบได้ มอร์เฟียสผู้นำ
กองกำลังต่อต้าน เข้ามาหานีโอเพื่อบอกความจริงว่าเขาคือ  The One ผู้ที่จะสามารถปลดปล่อย
มวลมนุษยชาติจากการควบคุมของเครื่องจักรได้

นีโอ มอร์เฟียส และทรินิทีเป็นกำลังหลักที่ต่อสู้กับระบบของเครื่องจักร โดยใช้ระบบสู้กับระบบ
โดยการแฮ๊กกลับเข้าไปในเมทริกซ์ โดยทุกคนใช้วิทยายุทธที่อัพโหลดเข้าไปในสมองเพื่อให้มี
กำลังในการต่อสู้กับเอเจ้นท์ทหารองค์รักษ์ของระบบที่นำโดยสมิทธ์

พรรคอนาคตใหม่ก็เหมือนกับตัวเอง คุณธนาธรคือนีโอ ดร.ปิยบุตรคือมอร์เฟียส และคุณช่อคือทรินิที
ทั้งสามเข้าสู่ระบบเมทริกซ์ซึ่งถูกควบคุมเบ็ดเส็ดโดยสถาปนิกหรือเดอะอาคิเทคท์ ซึ่งเป็นการเข้าไปสู้ใน
เกมที่ถูก set up โดยศัตรูที่เป็นคนสร้างเกม โอกาสชนะน้อยมาก เพราะกลโกงทุกอย่าง แผนการต่างๆ
ก็เข้าทางของฝั่งเครื่องจักรอยู่แล้ว และท้ายที่สุดก็ปรากฏว่า การกระทำทั้งหมดของพวกนีโอนั้น วน
เวียนมาแล้วหลายรอบ และตามแผนของฝั่งเครื่องจักร ก็คือให้วนเวียนไปไม่มีที่สิ้นสุด 

นีโอคือโปรแกรมหนึ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ และวงจรแบบนี้เท่านั้นที่จะทำให้เครื่องจักรสามารถ
อยู่รอดได้ และในที่สุด จุดจบของหนังทั้งสามภาค ก็ไม่ใช่ว่ามนุษย์จะทำลายเครื่องจักรลงได้ เพียง
แต่มนุษย์เหมือนได้สัญญาสงบศึกชั่วคราว ซึ่งการกระทำของนีโอถือว่าเป็นผลสำเร็จที่ทำให้เครื่องจักร
ฆ่ามนุษย์เหล่านั้นทิ้งไปทั้งหมด นี่เป็นความเข้าใจของผม ซึ่งอาจจะตีความหนังไม่เก่งเท่าแฟนตัวจริง
แต่โดยสรุปแล้วก็คือ มันคือการต่อสู้ ที่อาจจะมองได้ว่าไม่มีทางชนะ เพราะการสู้กับระบบ ก็คือความเสีย
เปรียบตั้งแต่ต้น

เพียงแต่ว่าในโลกของการเลือกตั้งที่ไม่ใช่หนัง เราเคยเห็นผลที่หลากหลายมาแล้ว ไม่ว่าฝั่งประชาชน
สามารถล้มอีกฝั่งด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายอย่างเป็นเอกฉันท์ หรือแบบที่ว่าประชาชนไม่มีทางชนะ
จากการวางแผนที่สมบูรณ์แบบของระบบ 

การต่อสู้ของพรรคอนาคตใหม่จึงเหมือนหนังเรื่อง THE MATRIX ในมุมมองนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่