สวัสดีค่ะ เพื่อนๆพี่ๆในพันทิป ทุกๆคน
วันนี้ขออนุญาตมาแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองและครอบครัวในการนำตัวพี่ชายเข้ารักษาบำบัดเรื่องยาเสพติดที่ รพ.ธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานีนะคะ
ครอบครัวของเรา มี 4 คนคือ พ่อแม่ เราและพี่ชาย ครอบครัวเราเป็นครอบครัวฐานะปานกลางค่ะ เป็นครอบครัวที่มีความสุขดี อยากได้อะไรถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง อยากได้อะไรพ่อแม่ก็ให้ค่ะ พ่อค่อนข้างจะตามใจพี่ชายมาก ตั้งแต่เด็ก คืออยากได้อะไรก็ได้หมด จนพี่เราเริ่มเกเรตั้งแต่อายุ 14 ค่ะ ปัจจุบันพี่ชายของเราอายุ 37 ปีแล้วค่ะ ใช้ยาเสพติด มาประมาณ 20 ปี ฟังเวลาดูก็น่าตกใจใช่มั้ยคะ เพราะเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากก จิงๆก็นานมากๆค่ะ ครอบครัวพยายามช่วยเหลือ และ พาไปรักษาตัวพบหมอหลายๆครั้ง แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น คือ พอไปหาหมอ (เข้าบำบัดที่รพ.พระมงกุฏ ในระยะเวลาสั้นๆ ) หลังจากบำบัด เค้าก็จะกลับมาเจอเพื่อนเก่าๆและกลับไปใช้ยาเหมือนเดิมค่ะ สรุปคือการหาหมอก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเค้าเท่าไหร่ ต้องบอกก่อนว่า ถึงแม้ว่าที่บ้านจะจับได้ว่าเค้าใช้ยา แต่ว่าเจ้าตัวก็จะไม่เคยยอมรับนะคะ จะอ้างว่าเลิกแล้วบ้าง หรือไม่ติดบ้าง และที่วางใจกันเพราะลักษณะกายภาพภายนอกของพี่ชายเราคืออ้วนท้วนสมบูรณ์ เป็นคนอารมณ์ดี ดูภายนอกจะไม่รู้ว่าเค้าใช้ยาเสพติดค่ะ จนมาช่วง 2-3 ปีมานี้ เค้ามีปัญหาชีวิตส่วนตัว หาทางออกไม่ได้ก็ใช้ยาเสพติดในการแก้ปัญหา รอบนี้คือใช้เยอะมากและใช้หลายประเภท บวกกับไปเจอเพื่อนๆที่มีความชอบเดียวกัน ก็เลยพากันลงนรกเลยค่ะ ไม่มีใครเตือนใคร เค้าหายจากบ้านไปเลย จนครอบครัวไม่สามารถเตือนได้ หรือพูดคุยอะไรเค้าก็ไม่ฟังแล้วค่ะ เหตุการณ์ก็แย่ลงๆเรื่อยๆ เวลานั้นเค้าน่าจะใช้ยาทุกวัน มั่วสุมกับเพื่อนจนไม่มีความรับชอบใดๆ ไม่ไปทำงาน เหตุการณ์แย่ลงมากๆ จนสุดท้ายที่บ้านก็ตัดสินใจต้องไปนำตัวเค้าเข้ารักษาจริงจัง เราศึกษามาหลายที่ จนสุดท้ายก็มาสรุปได้ที่ รพ.ธัญญารักษ์ค่ะ
สำหรับคอร์ส เต็มๆ ของการรักษา รพ.ธัญญารักษ์นั้น เป็นคอร์สทั้งหมด 5 เดือนค่ะ คือบำบัดด้วยยา 1 เดือน และ เรียกว่า คอร์สฟื้นฟูอีก 4 เดือนค่ะ
เดือนแรกนั้น บำบัดด้วยยา การเป็นอยู่ก็จะอยู่ในตึกห้องรวมๆ เหมือน รพ.ทั่วไป พยาบาลก็จะมาให้ยา หมอ มาตรวจอาการ กินยาแล้วก็นอนแบบนี้เป็นระยะเวลา 1 เดือนค่ะ เราไปเยี่ยมพี่เราช่วงแรกๆเค้าจะขอกลับบ้านตลอดค่ะ แต่ครอบครัวก็ต้องใจแข็ง พยายามให้กำลังใจเค้า พยาบาลที่นี่ดูแลดีมากค่ะ และมีจิตใจเมตตา คือเราสังเกตุการพูดคุยของพยาบาลกับคนไข้ คือ เค้าพูดจาดีกับคนไข้ ปลอบประโลมและให้ความเข้าใจเป็นอย่างดีค่ะ อาการของพี่เราตอนรักษาด้วยยาเดือนแรก ก็จะมีอาการภาพหลอน พูดคนเดียว อยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก พยาบาลแจ้งว่า เกิดจากผลของตัวยาที่หมอให้ไป เพราะเค้าใช้ยาเสพติดมาหลายขนานมาก แต่อาการภาพหลอนก็จะหายไปในอาทิตย์ที่ 3-4 ของการรักษานะคะ
ก่อนเข้าการรักษา พี่ชายเรา จะมีลักษณะอาการตาขวาง หงุดหงิดง่าย พูดจากับครอบครัวไม่ดี ผ่านไป 1 เดือน เหมือนได้ล้างพิษยาออกไป
อาการตาขวางดีขึ้น แต่ยังพูดจากวน โวยวายเหมือนเดิมค่ะ 55
สำหรับเดือนที่ 2 - 4 พี่เราโดนย้ายไปตึกหยก ซึ่งเรียกว่าเป็นคอร์สฟื้นฟู จริงๆแล้วตามคอร์สเต็ม ควรอยู่ฟื้นฟู 4 เดือนนะคะ แต่พี่เราขออยู่แค่ 3 เดือน ก็เลยยอมๆไปค่ะ สำหรับคอร์สการฟื้นฟูสำหรับเรา ประเมิณจากการไปเยี่ยมแต่ละครั้ง เราให้คะแนนเต็มเลยค่ะ พี่ชายเรามีลักษณะที่เปลี่ยนไป คือพูดจากับครอบครัวดีขึ้น มีความเอื้ออาทร ถามไถ่ ใส่ใจครอบครัวมากขึ้น เราสอบถามจากพี่ชายเราก็ทราบว่า คอร์สนี้จะมีการเเบ่งกลุ่มกันทำงาน เช่น กลุ่มทำสวน , ทำงานช่างไม้, ทำงานครัว ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 มาออกกำลังกาย ตอนกลางคืนก็จะต้องสวดมนต์ทุกคืน วันอาทิตย์ก็จะเป็นวันพักผ่อนค่ะ
ครอบครัวสามารถไปเยี่ยมได้ทุกวันตั้งแต่ 10 โมง ถึง บ่ายสามนะคะ อยู่กับคนป่วยได้แค่ ครึ่งชั่วโมงค่ะ จะมีกิจกรรมกลุ่มพูดคุยกับพยาบาล หรือนักจิตวิทยาทุกวันพุธ และได้ร่วมรับประทานอาหารร่วมกันกับผู้ป่วยด้วยค่ะ เอาจริงๆนะคะ การรับประทานอาหารร่วมกันกับพี่ชายเราในนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีและอบอุ่นมากค่ะ 55 เพราะก่อนหน้านี้ พี่ชายเราจะไม่ยอมไปไหนกับครอบครัว ไม่เคยคุยกันได้นาน เพราะแม่ก็จะบ่นพี่ ส่วนพ่อเราออกเเนวเอือมระอากับพฤติกรรมพี่ชาย ก็จะไม่คุยไปเลยค่ะ แต่พอได้นำเค้ามารักษาตัว คือบรรยากาศการพูดคุยกันก็เริ่มดีขึ้นนะคะ คือก็ให้กำลังใจกันและกัน บอกให้เค้ารับรู้ว่าเราอยากให้เค้าหายกลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติ เค้าก็รับฟังมากขึ้นนะคะ และที่สำคัญอารมณ์ของเค้าก็ไม่ฉุนเฉียว ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ถ้าเทียบกับตอนที่เข้ามารักษาตอนแรกค่ะ ในช่วงฟื้นฟูนี้ ทางหมอก็จะมีสั่งยาให้ตามปกติ หลังจากครบ 4 เดือน ก็จะมีการนัดเข้าไปรักษาเป็นผู้ป่วยนอก อีกทุกเดือนค่ะ เดือนละครั้งค่ะ
สรุปนะคะ การรักษาที่นี่ เราและครอบครัวประทับใจมากค่ะ ประทับใจทั้งการดูแลของพยาบาลและสถานที่ คือเรารู้สึกได้เลยว่า ที่นี่พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยากเลิกยาเสพติดจริงๆค่ะ ปัจจุบันนี้พี่เรากลับมาอยู่บ้าน ทุกคนในบ้านก็มีความสุขขึ้น บรรกาศในบ้านดีขึ้นค่ะ แต่ที่ต้องคอยดูและประคับประคองต่อไปคือ เราไม่รู้จริงๆว่าจิตใจพี่เราเข้มแข็งแค่ไหน ถ้าเจอเพื่อนเก่าๆ เค้าจะกลับไปใช้ยาอีกมั้ย อันนี้ก็ต้องดูและให้กำลังใจเค้ากันต่อไปค่ะ
อยากบอกว่า สำหรับการรักษาคนใช้ยาเสพติดนั้น หมอบอกว่า ครอบครัวสำคัญมากๆนะคะ การพูดคุย การให้ความเข้าใจ และการให้กำลังใจสำคัญที่สุดค่ะ
อยากให้ครอบครัวทำให้เต็มที่ ให้เค้ารับรู้ถึงความรักของเราที่มีให้เค้า แต่ก็อย่าไปหวังผลมากนะคะ ว่าเค้าจะกลับมาเป็นคนใหม่แบบ 100% ก็คงต้องใช้เวลาช่วยขัดเกลาเค้ากันไปค่ะ เราจะคอยบอกแม่เสมอว่า ก็เหมือนมีลูกชายป่วยคนนึง ก็ต้องดูแลกันไปและรักษาเค้าให้หาย อย่าไปโกรธหรือเกลียดเค้าเลยค่ะ
เราและครอบครัวผ่านเรื่องราวเลวร้าย และความเจ็บปวดจากพฤติกรรมของพี่ชายมาเยอะมากค่ะ จนถึงวันนี้ก็ใช้เรื่องการทำบุญและภาวนาหวังให้เค้าเห็นทางสว่าง ทางที่ดี ในการใช้ชีวิต เราและครอบครัวคงมีหน้าที่แค่ไกด์ทางดีๆให้เค้า แต่สุดท้ายเค้าจะเลือกเดินทางไหน เราก็คงไม่สามารถห้ามเค้าได้ หรือ ช่วยเหลือเค้าไปตลอดชีวิตค่ะ บอกตัวเองและครอบครัวเสมอว่า เราได้ทำดีที่สุดแล้ว และทุกคนก็มีกรรมเป็นของตัวเองค่ะ
สำหรับครอบครัวของใครที่มีปัญหาคล้ายๆกับเรา เราขอเป็นกำลังใจให้นะคะมันจะผ่านไปได้แน่ๆค่ะ ขอให้มองมุมบวกไว้นะคะ อย่าเพิ่งท้อ และขอแนะนำรพ.ธัญญารักษ์นะคะ หากกำลังหาสถานที่สำหรับการรักษาผู้ป่วยเรื่องยาเสพติด เราอาจจะเขียนไม่ได้ละเอียดมากเรื่องคอร์ส แต่ถ้าเพื่อนๆอยากได้คำแนะนำ สามารถหลังไมค์มาสอบถามได้นะคะ
ขอจบการเล่าประสบการณ์แต่เพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่า จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
***เข้ามาแก้ไข ชื่อรพ.ให้ถูกต้องนะคะ ขออภัยด้วยค่ะ ชื่อที่ถูกต้องคือ รพ.ธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานี นะคะ ชื่อตรงหัวข้อกระทู้แก้ไม่ได้ค่ะ
แบ่งปันประสบการณ์การพาพี่ชายเข้ารักษาตัวที่ รพ.ธัญญาลักษณ์
วันนี้ขออนุญาตมาแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองและครอบครัวในการนำตัวพี่ชายเข้ารักษาบำบัดเรื่องยาเสพติดที่ รพ.ธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานีนะคะ
ครอบครัวของเรา มี 4 คนคือ พ่อแม่ เราและพี่ชาย ครอบครัวเราเป็นครอบครัวฐานะปานกลางค่ะ เป็นครอบครัวที่มีความสุขดี อยากได้อะไรถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง อยากได้อะไรพ่อแม่ก็ให้ค่ะ พ่อค่อนข้างจะตามใจพี่ชายมาก ตั้งแต่เด็ก คืออยากได้อะไรก็ได้หมด จนพี่เราเริ่มเกเรตั้งแต่อายุ 14 ค่ะ ปัจจุบันพี่ชายของเราอายุ 37 ปีแล้วค่ะ ใช้ยาเสพติด มาประมาณ 20 ปี ฟังเวลาดูก็น่าตกใจใช่มั้ยคะ เพราะเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากก จิงๆก็นานมากๆค่ะ ครอบครัวพยายามช่วยเหลือ และ พาไปรักษาตัวพบหมอหลายๆครั้ง แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น คือ พอไปหาหมอ (เข้าบำบัดที่รพ.พระมงกุฏ ในระยะเวลาสั้นๆ ) หลังจากบำบัด เค้าก็จะกลับมาเจอเพื่อนเก่าๆและกลับไปใช้ยาเหมือนเดิมค่ะ สรุปคือการหาหมอก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเค้าเท่าไหร่ ต้องบอกก่อนว่า ถึงแม้ว่าที่บ้านจะจับได้ว่าเค้าใช้ยา แต่ว่าเจ้าตัวก็จะไม่เคยยอมรับนะคะ จะอ้างว่าเลิกแล้วบ้าง หรือไม่ติดบ้าง และที่วางใจกันเพราะลักษณะกายภาพภายนอกของพี่ชายเราคืออ้วนท้วนสมบูรณ์ เป็นคนอารมณ์ดี ดูภายนอกจะไม่รู้ว่าเค้าใช้ยาเสพติดค่ะ จนมาช่วง 2-3 ปีมานี้ เค้ามีปัญหาชีวิตส่วนตัว หาทางออกไม่ได้ก็ใช้ยาเสพติดในการแก้ปัญหา รอบนี้คือใช้เยอะมากและใช้หลายประเภท บวกกับไปเจอเพื่อนๆที่มีความชอบเดียวกัน ก็เลยพากันลงนรกเลยค่ะ ไม่มีใครเตือนใคร เค้าหายจากบ้านไปเลย จนครอบครัวไม่สามารถเตือนได้ หรือพูดคุยอะไรเค้าก็ไม่ฟังแล้วค่ะ เหตุการณ์ก็แย่ลงๆเรื่อยๆ เวลานั้นเค้าน่าจะใช้ยาทุกวัน มั่วสุมกับเพื่อนจนไม่มีความรับชอบใดๆ ไม่ไปทำงาน เหตุการณ์แย่ลงมากๆ จนสุดท้ายที่บ้านก็ตัดสินใจต้องไปนำตัวเค้าเข้ารักษาจริงจัง เราศึกษามาหลายที่ จนสุดท้ายก็มาสรุปได้ที่ รพ.ธัญญารักษ์ค่ะ
สำหรับคอร์ส เต็มๆ ของการรักษา รพ.ธัญญารักษ์นั้น เป็นคอร์สทั้งหมด 5 เดือนค่ะ คือบำบัดด้วยยา 1 เดือน และ เรียกว่า คอร์สฟื้นฟูอีก 4 เดือนค่ะ
เดือนแรกนั้น บำบัดด้วยยา การเป็นอยู่ก็จะอยู่ในตึกห้องรวมๆ เหมือน รพ.ทั่วไป พยาบาลก็จะมาให้ยา หมอ มาตรวจอาการ กินยาแล้วก็นอนแบบนี้เป็นระยะเวลา 1 เดือนค่ะ เราไปเยี่ยมพี่เราช่วงแรกๆเค้าจะขอกลับบ้านตลอดค่ะ แต่ครอบครัวก็ต้องใจแข็ง พยายามให้กำลังใจเค้า พยาบาลที่นี่ดูแลดีมากค่ะ และมีจิตใจเมตตา คือเราสังเกตุการพูดคุยของพยาบาลกับคนไข้ คือ เค้าพูดจาดีกับคนไข้ ปลอบประโลมและให้ความเข้าใจเป็นอย่างดีค่ะ อาการของพี่เราตอนรักษาด้วยยาเดือนแรก ก็จะมีอาการภาพหลอน พูดคนเดียว อยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก พยาบาลแจ้งว่า เกิดจากผลของตัวยาที่หมอให้ไป เพราะเค้าใช้ยาเสพติดมาหลายขนานมาก แต่อาการภาพหลอนก็จะหายไปในอาทิตย์ที่ 3-4 ของการรักษานะคะ
ก่อนเข้าการรักษา พี่ชายเรา จะมีลักษณะอาการตาขวาง หงุดหงิดง่าย พูดจากับครอบครัวไม่ดี ผ่านไป 1 เดือน เหมือนได้ล้างพิษยาออกไป
อาการตาขวางดีขึ้น แต่ยังพูดจากวน โวยวายเหมือนเดิมค่ะ 55
สำหรับเดือนที่ 2 - 4 พี่เราโดนย้ายไปตึกหยก ซึ่งเรียกว่าเป็นคอร์สฟื้นฟู จริงๆแล้วตามคอร์สเต็ม ควรอยู่ฟื้นฟู 4 เดือนนะคะ แต่พี่เราขออยู่แค่ 3 เดือน ก็เลยยอมๆไปค่ะ สำหรับคอร์สการฟื้นฟูสำหรับเรา ประเมิณจากการไปเยี่ยมแต่ละครั้ง เราให้คะแนนเต็มเลยค่ะ พี่ชายเรามีลักษณะที่เปลี่ยนไป คือพูดจากับครอบครัวดีขึ้น มีความเอื้ออาทร ถามไถ่ ใส่ใจครอบครัวมากขึ้น เราสอบถามจากพี่ชายเราก็ทราบว่า คอร์สนี้จะมีการเเบ่งกลุ่มกันทำงาน เช่น กลุ่มทำสวน , ทำงานช่างไม้, ทำงานครัว ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 มาออกกำลังกาย ตอนกลางคืนก็จะต้องสวดมนต์ทุกคืน วันอาทิตย์ก็จะเป็นวันพักผ่อนค่ะ
ครอบครัวสามารถไปเยี่ยมได้ทุกวันตั้งแต่ 10 โมง ถึง บ่ายสามนะคะ อยู่กับคนป่วยได้แค่ ครึ่งชั่วโมงค่ะ จะมีกิจกรรมกลุ่มพูดคุยกับพยาบาล หรือนักจิตวิทยาทุกวันพุธ และได้ร่วมรับประทานอาหารร่วมกันกับผู้ป่วยด้วยค่ะ เอาจริงๆนะคะ การรับประทานอาหารร่วมกันกับพี่ชายเราในนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีและอบอุ่นมากค่ะ 55 เพราะก่อนหน้านี้ พี่ชายเราจะไม่ยอมไปไหนกับครอบครัว ไม่เคยคุยกันได้นาน เพราะแม่ก็จะบ่นพี่ ส่วนพ่อเราออกเเนวเอือมระอากับพฤติกรรมพี่ชาย ก็จะไม่คุยไปเลยค่ะ แต่พอได้นำเค้ามารักษาตัว คือบรรยากาศการพูดคุยกันก็เริ่มดีขึ้นนะคะ คือก็ให้กำลังใจกันและกัน บอกให้เค้ารับรู้ว่าเราอยากให้เค้าหายกลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติ เค้าก็รับฟังมากขึ้นนะคะ และที่สำคัญอารมณ์ของเค้าก็ไม่ฉุนเฉียว ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ถ้าเทียบกับตอนที่เข้ามารักษาตอนแรกค่ะ ในช่วงฟื้นฟูนี้ ทางหมอก็จะมีสั่งยาให้ตามปกติ หลังจากครบ 4 เดือน ก็จะมีการนัดเข้าไปรักษาเป็นผู้ป่วยนอก อีกทุกเดือนค่ะ เดือนละครั้งค่ะ
สรุปนะคะ การรักษาที่นี่ เราและครอบครัวประทับใจมากค่ะ ประทับใจทั้งการดูแลของพยาบาลและสถานที่ คือเรารู้สึกได้เลยว่า ที่นี่พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยากเลิกยาเสพติดจริงๆค่ะ ปัจจุบันนี้พี่เรากลับมาอยู่บ้าน ทุกคนในบ้านก็มีความสุขขึ้น บรรกาศในบ้านดีขึ้นค่ะ แต่ที่ต้องคอยดูและประคับประคองต่อไปคือ เราไม่รู้จริงๆว่าจิตใจพี่เราเข้มแข็งแค่ไหน ถ้าเจอเพื่อนเก่าๆ เค้าจะกลับไปใช้ยาอีกมั้ย อันนี้ก็ต้องดูและให้กำลังใจเค้ากันต่อไปค่ะ
อยากบอกว่า สำหรับการรักษาคนใช้ยาเสพติดนั้น หมอบอกว่า ครอบครัวสำคัญมากๆนะคะ การพูดคุย การให้ความเข้าใจ และการให้กำลังใจสำคัญที่สุดค่ะ
อยากให้ครอบครัวทำให้เต็มที่ ให้เค้ารับรู้ถึงความรักของเราที่มีให้เค้า แต่ก็อย่าไปหวังผลมากนะคะ ว่าเค้าจะกลับมาเป็นคนใหม่แบบ 100% ก็คงต้องใช้เวลาช่วยขัดเกลาเค้ากันไปค่ะ เราจะคอยบอกแม่เสมอว่า ก็เหมือนมีลูกชายป่วยคนนึง ก็ต้องดูแลกันไปและรักษาเค้าให้หาย อย่าไปโกรธหรือเกลียดเค้าเลยค่ะ
เราและครอบครัวผ่านเรื่องราวเลวร้าย และความเจ็บปวดจากพฤติกรรมของพี่ชายมาเยอะมากค่ะ จนถึงวันนี้ก็ใช้เรื่องการทำบุญและภาวนาหวังให้เค้าเห็นทางสว่าง ทางที่ดี ในการใช้ชีวิต เราและครอบครัวคงมีหน้าที่แค่ไกด์ทางดีๆให้เค้า แต่สุดท้ายเค้าจะเลือกเดินทางไหน เราก็คงไม่สามารถห้ามเค้าได้ หรือ ช่วยเหลือเค้าไปตลอดชีวิตค่ะ บอกตัวเองและครอบครัวเสมอว่า เราได้ทำดีที่สุดแล้ว และทุกคนก็มีกรรมเป็นของตัวเองค่ะ
สำหรับครอบครัวของใครที่มีปัญหาคล้ายๆกับเรา เราขอเป็นกำลังใจให้นะคะมันจะผ่านไปได้แน่ๆค่ะ ขอให้มองมุมบวกไว้นะคะ อย่าเพิ่งท้อ และขอแนะนำรพ.ธัญญารักษ์นะคะ หากกำลังหาสถานที่สำหรับการรักษาผู้ป่วยเรื่องยาเสพติด เราอาจจะเขียนไม่ได้ละเอียดมากเรื่องคอร์ส แต่ถ้าเพื่อนๆอยากได้คำแนะนำ สามารถหลังไมค์มาสอบถามได้นะคะ
ขอจบการเล่าประสบการณ์แต่เพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่า จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
***เข้ามาแก้ไข ชื่อรพ.ให้ถูกต้องนะคะ ขออภัยด้วยค่ะ ชื่อที่ถูกต้องคือ รพ.ธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานี นะคะ ชื่อตรงหัวข้อกระทู้แก้ไม่ได้ค่ะ