ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงบอกคนที่โดนด่า โดนว่า โดนดูถูก ว่าให้นำคำเหล่านั้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนเหมือนๆกันหมด?

  "...ทำไมทำงานไม่ได้เรื่องเลยวะ ทำยังงี้หมาแถวบ้านกูก็ทำได้ "

ผมพยายามหาวิธีที่เราจะสามารถ รับมือกับความเครียดในการทำงาน และปัญหาต่างๆจากเพื่อนร่วมงาน

ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผมเจอ หลายๆคนมักจะให้คำตอบมาในแนวเดียวกัน การให้นำคำเหล่านั้น มาเป็นแรงผลักดัน และแรงขับเคลื่อน เพื่อตอกให้เหล่าคนที่เคยปรามาสเราไว้ ได้เห็นว่าเราไม่ใช่กระจอกนะเฮ้ย

ซึ่งผมว่า มันก็ทำได้จริงสำหรับ "บางคน" คนที่สามารถรับแรงกดดันและคำด่าเหล่านั้น มาเป็นพลังขับเคลื่อนตัวเอง ซึ่งแน่นอน ผมยินดีด้วยที่คุณๆเหล่านั้นสามารถจัดการได้ดี

แต่...

สำหรับบางคน การจะขับเคลื่อนตัวเองได้นั้น มันอาจจะต่างออกไป ถ้าเปรียบเทียบคำด่า/คำชม เป็นแหล่งพลังงาน สำหรับบางคน คำชมคือพลังงานไฟฟ้า
คำด่าอาจจะเป็นน้ำมันดีเซล ซึ่งตัวคนที่ใช้พลังงานนั้น คือรถยนต์ไฟฟ้า

ถ้ามองแบบนี้แล้ว การที่เอาดีเซลพยายามเทเข้าไปในรถยนต์ไฟฟ้า ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

ที่ผมพูดแบบนี้ เพราะผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งในบางคนเหล่านั้น ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับผม ผมรู้สึกว่า การได้รับคำชมนั้น ทำให้สามารถทำงานได้ดีกว่าเดิมและตั้งใจกว่าเดิมมาก ทั้งในเรื่องการเรียน การทำงาน และอื่นๆ
แต่ก็เข้าใจได้ว่า คนเราไม่สามารถที่จะมีใครมาชมได้ตลอดเวลา มันง่ายกว่ามากสำหรับคำด่าและคำดูถูก ที่คนเรามักประเคนใส่คนอื่น โดนไม่ได้คิดถึงสิ่งที่ตามมา
นั่นเป็นเพียงความเห็นของผมสำหรับเรื่องนี้

อยากทราบว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คิดอย่างไรกันบ้างกันหัวข้อนี้ ยังไงรบกวนแชร์กันหน่อยนะครับ
ปล.ถ้าใครมีงานวิจัยอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้(สมอง/การทำงานของสมอง/สารสื่อประสาท/สารแห่งความสุข/สารแห่งความเครียด)ขอความกรุณาแปะลิ้งค์ข้อมูลให้หน่อยนะครับอยากศึกษา

Edit I
-ผมไม่ได้โดนด่านะครับ ประโยคข้างบนคือการยกตัวอย่าง แต่เรื่องความเครียด ความกดดันในการทำงาน อันนี้มี
-ผมอยากรู้ในมุมมองของท่านอื่นๆบ้างครับว่าคิดเห็นกันอย่างไร
-ผมเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสารสื่อประสาทในสมองมาบ้าง อยากจะรู้ว่า ในมุมมองทางการแพทย์ คนเราย่อมรับสิ่งเร้ามากน้อยแตกต่างกัน มันเกี่ยวกับหัวกระทู้ที่ผมตั้งไหม
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ในชีวิตจริง โลกจริง เราไม่สามารถทำให้คนอื่นชื่นชมเราได้ไปตลอด
ชมน้อยกว่าด้วย บ่อยครั้ง ที่คนไม่พูดคำชม

คำแนะนำที่ว่า ก็ดีกว่าเอามาเป็นอารมณ์หรือเป็นความคิด negative ฉุด แต่ให้กลับด้านให้รู้จักสู้


พูดจากประสบการณ์จริง ... เหตุการณ์ร้ายๆ ต่างๆ เราไม่อยากให้เกิด แรกๆ ก็แก้ปัญหาตามที่ได้ยินมา คิดตามโลกที่ฝันไว้
แต่ไปเจอจริงๆ มันไม่มีในตำรา
แต่ก้ทำให้ได้ทักษะทีละอย่างสองอย่าง กลายเป็นได้เรียนรู้ลัดหลายอย่างกว่าคนชีวิตราบเรียบ ไม่เคยเจออะไรเลยจริงๆ เหมือนคนบังเอิญเหตุกาาณ์พาไป ให้ไปอยู่กลางวงล้อมอันธพาล ไม่สู้ก็ตาย
ก็มีจริง ที่บางทีสู้ไม่ไหวได้บาดแผล


แต่ชีวิตผ่านมาหลายช่วง ที่โดนอัด โดนบีบ โดนถีบ แล้วทำให้ผมเปลี่ยน จนคนที่ไม่ได้พบเจอนาน จะสงสัย ว่ามันเด็กคนเดิมที่เคยเห็นหรือเปล่า

สู้บ่อยเข้า เริ่มแก่วัด เรียนรู้ว่าโลกนี้ไม่ใช่มีแค่ 1 กับ 0 หาวิธีการเจรจามั่ง เทคนิคการหลอกล่อมั่ง วิธีตรงๆ ไม่ได้ก็วิธีอ้อมๆ ยืมปากคนอื่นพูดแทน ยืมมือคนอื่นทำแทน ฯลฯ .... ไม่เจ็บ แต่จบได้

เป็นการเรียนผ่านประสบการณ์จริง และมีคนเจอเหตุการณ์มากกว่าเรา แข็งกว่าเราก็มี
เล่าไป ก็ไม่สามารถทำให้รู้ได้หมด เพราะมันเป็นนามธรรม แต่คุณเจออะไรบ่อยเข้า จะรู้เอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่