"ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง"หากดูว่าเป็น[ละครมันคือละคร] แต่หากดูแล้วคิดตาม มันคือ[คู่มือในการดูแลชีวิตเราเอง]

2 วันนี้ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า อาจจะมีการออกทะเลไปบ้าง สำหรับเกาหลี
แต่ส่วนหนึ่งผมมองว่า ละครดำเนินเรื่องมาได้ดี โดยไม่ทิ้งแก่นเรื่องเดิมที่เป็น ตัวบทหลัก

ละครพยายามจะสื่อให้เราเห็นว่า สมัยก่อนนั้น โรคระบาด ที่เรายังไม่รู้วิธีรับมือนั้นมันน่ากลัวขนาดใหน
ดูได้จากการ ที่ ทุกคนระวังเนื้อระวังตัวกันมากขึ้น การกลัวความตายที่ใกล้เข้ามา 
เพราะ โรคระบาดที่เกิดขึ้น ก็เปรียบเสมือน ลางมรณะ จากมัจจุราช ที่เราไม่รู้ว่า 
เมื่อไหร่ คนที่ตายต่อไปจะถึงคิวของเรา เราทำได้เพียง ระวังเนื้อระวังตัว 
ทำทุกอย่าง แต่เมื่อเป็นแล้ว ทางเลือกเรามีไม่มาก นั่นคือต้องไปหาหมอ 

ตรงนี้แหละที่เป็นจุดเด่นของละคร ถึงแม้ทองเอก พระเอกของเรา
จะมีความรู้ ความสามารถ มีไหวพริบ ปฎิภาณสูง 
แต่ปฎิเสธไม่ได้ ว่า หมอยา ก็คือ หมอ ไม่ใช่ เทวดามาจากใหน  
สิ่งที่ทำได้ คือทำได้ดีที่สุด สังเกตุได้จาก เหยื่อรายแรก ที่มาหา และตายลง 
เปรียบเสมือน เป็นลางบอกให้ หมอรู้ว่า ถึงแม้จะคาดการณ์ อาการต่างๆ ที่จะเกิด
แต่หมอก็ไม่ใช่ เทวดา ที่จะห้ามความตายตรงหน้าได้ เขาไม่รู้ว่า สิ่งที่เจอนั้น
มีความอันตรายขนาดใหน เพราะไม่รู้ ระยะเวลาการฟักตัวของ โรคที่แน่นอน 
ทำได้แค่ ตรวจสอบอาการ และ จัดยา ตามที่ต้องทำไปแล้ว 

สิ่งนี้เองเป็นการเตือนให้เราและคนดู รู้ว่า ทองเอก แม้จะเป็นหมอ ที่เก่งกาจ
แต่หมอ ก็ห้ามความตายไม่ได้ เพราะผู้ป่วยแต่ละคน กว่าจะมาหาหมอ อาการ ร่อแร่เต็มทน
แม้สมัยนี้เองก็ยังมีให้เห็นอยุ่ถมเถไป ที่กว่าจะไปหาหมอ อาการก็อาจ เลยจุดที่ต่อให้หมอเก่งแค่ใหน ก็ไม่สามารถช่วยได้

สิ่งที่เราเห็น เราได้เห็นว่า ตัวละคร ทองเอก เป็นตัวละคร ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
แม้ว่าจะเป็นแค่หมอธรรมดา แต่ก็พร้อมจะรับรักษา ผู้ไข้ทุกคน แม้แต่แม่หมอมั่น ดังที่ปู่ได้สอนตนและเพื่อนๆ 
"ผู้ไข้ก็เหมือนญาติเรา" จุดนี้เอง เป็นการที่ทำให้เห็นว่า "ยังมีละครที่สะท้อนถึงการทำหน้าที่ของ 
หมอที่ดี ว่ายังมีอยู่ในชีวิตจริง"  แม้อาจจะมีไม่มาก แต่ละครก็เปรียบเสมือนการทำละครเพื่อชื่นชม
หัวใจของหมอ ที่มีใจเด็ดเดี่ยวทำเพื่อคนไข้ และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้ไข้ทุกคนได้หายขาด

และอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ตัวละคร เปียก และ ตุ่น เพื่อนของทองเอก 
ถึงแม้ ทั้ง 3 คน จะเป็นเพื่อนรักกัน มีอะไรช่วยเหลือกัน
แต่เมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า แต่ละคนย่อมมีความคิดเป็นของตนเอง 
เป็นหลักความคิดปกติ ของมนุษย์ทุกคนที่มีไว้เพื่อเอาตัวรอด
การที่ เปียก จากไปไม่ได้หมายความว่า เปียกเป็นคนไม่ดี 
การที่ ตุ่น ไม่จากไป ไม่ได้หมายความว่า ตุ่นไม่อยากเอาตัวรอด

ละครแสดงถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเมื่อยามมีภัยได้สมจริง  ที่จะต้องมีเจตนารมณ์ที่เป็นแง่ลบของตัวละครบ้าง 
เพราะใช่ว่าในชีวิตจริง เราจะเจอแต่คนที่ดี และ คนที่ไม่ดี กับเราเสมอไป 

ผมว่าละครที่ผ่านมา เล่าถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ดี แม้จะมีบางจุดที่ต้องติบ้างเล็กน้อย
แต่โดยรวม ละครเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ทิ้งแก่นเรื่อง "พาร์ทหนักๆ เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของหมอ" และ " ความสนุกสนานเฮฮา เพื่อคลายเครียด "
ให้คนดูสามารถดูละครที่มีประโยชน์ และสามารถเอาไปใช้ในชีวิตได้ 

ในส่วนของสาระความรู้ ละครทำได้ดีตั้งแต่เริ่มเรื่อง สอนอะไรต่างๆ มามากมาย
คงไม่ต้องบอก ว่า สิ่งที่เราได้รับ เราสามารถเอาสิ่งใหนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตเราได้บ้าง

อย่างที่เปิดหัวกระทู้ไปข้างต้นครับ หากคนดูคิดว่ามันเป็นแค่ละครมันก็คือละคร
แต่หากใครดูแล้วนำไปปฎิบัติตาม มันคือการที่เราเรียนรู้ในการดูแลตัวเราเอง
ให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ประทับใจหลายๆ ฉาก เช่น ขนมรสมือแม่ หมอมั่นเป็นผู้ไข้คนนึง ฯลฯ ทองเอกพยายาม
ผ่านความแค้นรักษาคนฆ่าปู่ตัวเองไปให้ได้ เพื่อรักษาหมอมั่น ซึ่งถ้าเป็นแพทย์สมัยปัจจุบัน
ก็แยกแยะเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าโจรผู้ร้ายที่ไปปล้นฆ่าใครมา เมื่อบาดเจ็บ เจ็บป่วย ถึงมือหมอ
หมอก็รักษาทุกคน ไม่ได้ปิดกั้น ปล่อยให้ตายไปตามเวรตามกรรม เรื่องนี้จะประทับในใจเรา
ตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นตลก คอมเมดี้ ฟินนน เศร้า สาระสมุนไพรเพียบ คำสอน คำคมดีๆ
อยู่ในเรื่องนี้ทั้งหมด ขอบคุณค่ายฯ คนเขียนบท พี่ชุผู้กำกับ ทีมงานทุกท่านทุกคน และ
สุดท้าย มาริโอ้ คิมเบอร์ลี่ ขอบคุณที่แสดงได้ดี เก่งมาก จนทำให้เจ้อิน มีความสุขกับการดู
ละครเรื่องนี้ ชีวิตมีสิ่งที่รอคอยทุก พุธ พฤหัสฯ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูเรื่องนี้ รักมากจ๊ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่