เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 51)

กระทู้สนทนา
ความรักที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน กับการต่อสู้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเชือดเฉือนให้ต้องพินาศไป กำลังจะปะทุขึ้นอย่างกับไฟป่าที่เผาลามเกิดมลพิษไปทั่วภาคเหนือ อากาศแปรปรวนรวนเรจนเสี่ยเดาทิศทางของอากาศไม่ได้เลย แต่ถึงอย่างไร เสี่ยก็ยังรักเมืองไทยเสมอ (จบดี๊ดี)

ความรักความแค้นแม้จะเปลี่ยนแปรแค่ไหน แต่ความในใจ (ของตอนที่แล้ว) ยังคงอยู่เสมอมาไม่ไปไหน

เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 50)
https://pantip.com/topic/38594151


+++++++++++++

บทที่ 51 เฉือนคมด้วยคม

          จางหลี่ขับรถออกไปนอกเมือง ทางจันทบุรี เพื่อไป อ.สอยดาว เป็นอีกบ้านพักที่ใช้สำหรับซ่อนตัว จอมถูกพาเข้าไปในบ้านเสื้อที่สวมถูกตัดออกด้วยกรรไกร เพราะแผลที่หลังเริ่มอักเสบ จางหลี่จึงใช้มีดของตนลนไฟก่อนค่อยๆ เฉือนเอาผ้าที่ติดแผ่นเนื้อที่เริ่มเน่าออก จนถึงรุ่งเช้าจึงใช้ทิงเจอร์เช็ดทำความสะอาดให้ โดยมีดรุณียืนดูอย่างเป็นห่วง

          “คงต้องให้หมอมาตรวจดูอีกครั้ง ตอนนี้ทำได้แค่ให้กินยาแก้ปวดกับแก้อักเสบไปก่อน ส่วนเธอเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

ดรุณีพยักหน้าเข้าใจในเรื่องนี้

          “เรื่องเป็นพยานให้พี่บูร์ เกี่ยวกับคดีอาจารย์เหมันต์ใช่ไหมคะ”

จางหลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ายอมรับ แล้วทั้งสองก็เดินออกจากห้อง ในขณะที่จอมนอนหลับตาในห้องเพียงลำพัง เมื่อออกจากห้องจางหลี่จึงเอ่ยถามขึ้น

          “เธอต้องเล่ามาให้ฉันฟังทั้งหมด ว่าเธอไปเกี่ยวข้องอะไรกับไอ้เอก และมาลงเอยกับไอ้จอมได้ยังไง เพราะเรื่องที่เธอจะบอกกับฉัน จะเป็นวิธีช่วยเธอได้จากทุกๆ คนที่จะทำร้ายเธอ ทุกอย่างอยู่ที่เธอแล้วนะ”

ดรุณีก้มหน้า ก่อนจะเอ่ยถามออกมาอย่างแผ่วเบา

          “ตอนนี้ลูกศรปลอดภัยดีใช่ไหม มีเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นระหว่าง…”

จางหลี่จึงตัดบท และเฉลยเรื่องทุกอย่างที่เธอค้างคาใจ

          “คุณลูกศรปลอดภัยทุกอย่าง หัวหน้าไปช่วยเธอได้ทันเวลา ก่อนจะเตะปากจนไอ้เอกต้องไปใส่ฟันทองสามซี่ เธอไม่ต้องกังวลนะ ตอนนี้เหลือแค่เธอจะให้การกับตำรวจแล้วส่งไอ้เอกกับลูกน้องของมันทั้งหมดเข้าคุก ทุกอย่างอยู่ที่เธอว่าจะกล้าเสี่ยง เพื่อเอาไอ้คนชั่วอย่างมันลงมาไหม”

ดรุณีเหลียวไปมองห้องที่จอมนอนรักษาตัวอยู่ เธอถอนลมหายใจแล้วเอ่ยออกมา

           “ถ้าพี่รับปากฉัน ว่าจะดูแลให้พี่จอมให้ปลอดภัย ฉันจะไปสารภาพความผิดทั้งหมดเอง”

จางหลี่อดมองตามไปที่ห้องนอนที่จอมนอนอยู่ไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยเตือนหญิงสาวด้วยความหวังดี

          “เธอคิดดีแล้วหรือที่จะให้ฉันดูแลไอ้จอม ฉันจะบอกเธอให้รู้ ว่าไอ้จอมมันเป็นนักฆ่าที่ฆ่าคนมาเป็นร้อยเป็นพัน อยู่กับจอมก็เหมือนอยู่กับเสือร้าย ที่ไม่รู้ว่าวันใดมันจะมาขย้ำเธอเมื่อไหร่ อย่าถลำลึกมากไปกว่านี้เลย”

ดรุณีได้แต่หลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา ก่อนจะลืมตาออกมา

          “พี่เคยได้ยินคนเขาบอกว่า แต่งกับเสือก็ต้องเป็นเสือ แต่งกับหมาก็ต้องเป็นหมาไหม เมื่อก่อนฉันก็ไม่เคยเข้าใจ แต่ตอนนี้ ฉันเข้าใจอย่างชัดเจน ต่อให้ในวันข้างหน้าฉันอาจต้องตายด้วยมือของพี่จอม ฉันจะไม่มีวันเสียใจ”

จางหลี่มองดวงตาที่แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวในความคิดของตน ก็อดคิดถึงอาเหมยขึ้นมาไม่ได้ ผู้หญิงที่คล้ายจะอ่อนแอกว่าผู้ชายในทุกๆ ด้าน แต่จิตใจของพวกเธอกลับเข้มแข็งมากกว่าที่เห็นจากภายนอกมากนัก

          “ถ้าเธอตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแบบนี้ ฉันจะช่วยดูแลไอ้จอมให้เธอเอง ฉันขอสัญญาด้วยชีวิตของฉัน จะไม่ให้ใครมาทำร้ายไอ้จอมของเธอเด็ดขาด”

ดรุณีก้มลงไหว้จางหลี่ ในขณะที่จอมลืมตามองไปที่ข้างฝา ถึงประสาทรับรู้อาจจะถูกทำรายไปบางส่วน แต่ประสาทการรับฟังยังเหมือนเดิม คำพูดที่ทั้งสองคุยกันมันย่อมได้ยินทุกคำ น้ำตาจากความตื้นตันในความรักของดรุณี ทำให้จิตใจที่ร้อนระอุด้วยไฟแค้นคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ

แม้แค่เพียงระยะสั้นๆ ที่ความรักของทั้งสองจะก่อเกิด แต่มันกลับแน่นแฟ้นยิ่งนัก ในชีวิตจอมก็ไม่เคยคิดฝันว่าตนจะมีผู้หญิงที่ไหนมารักอย่างจริงใจ และยิ่งในตอนนี้เขายิ่งเข้าใจคำว่ารักมากยิ่งขึ้น เธอยอมเสียสละตนเองเพื่อให้คนที่เธอรักปลอดภัย ยิ่งทำให้จอมรู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก

          ‘ณี เธอเป็นผู้หญิงที่ดี ดีเกินกว่าจะมาจมอยู่กับไอ้จอมคนนี้’

ไม่นานนักดรุณีก็เดินเข้ามาในห้อง ส่วนจอมหลับตาลงเมื่อเห็นประตูเปิดออก หญิงสาวมาดูแผลที่กลางหลังที่ถูกถลกหนังออก แผลนั้นลึกจนเห็นเนื้อสีแดงที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลไหม้เธอสัมผัสหน้าผากของจอมก็พบว่าตัวร้อนราวกับนำไฟมาสุม

เธอจึงนำผ้าผืนเล็กชุบน้ำเย็นมาเช็ดที่หน้าผากลำคอเพื่อให้คลายความร้อน จอมคว้ามือของหญิงสาวไว้ก่อนลืมตาขึ้น ดวงตาแดงก่ำจากพิษไข้ และฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปแต่สติของจอมยังเข้มแข็งยิ่งนัก

          “ณี พี่ขออะไรอย่างได้ไหม”

ดรุณีใช้มืออีกข้างลูบศีรษะของจอม แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

          “ได้สิจ้ะ พี่อยากได้อะไรหรอ”

จอมเอ่ยอย่างช้าๆ เต็มไปด้วยความรักในน้ำเสียงที่แหบพร่า

          “พี่อยากให้ณี บอกกับตำรวจว่า ณีถูกคนร้ายชื่อจอมมากักขังไว้ และกำลังจะถูกไอ้จอมฆ่าปิดปาก แต่พอดีมีคนมาช่วยไว้ทัน แล้วให้พี่รับโทษตามกฎหมาย และณีก็จงกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมที่ณีเคยเป็น ลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น พี่จอมยินดีที่จะถูกตำรวจจับเพื่อให้ไอ้เอกมันรับโทษด้วย”

ดรุณีดวงตาค่อยๆ เอ่อล้นด้วยละอองน้ำ เธอเข้าใจความหมายของจอมเป็นอย่างดี ศรีษะของเธอส่ายไปมาอย่างควบคุมไม่ได้

          “พี่พูดอะไรแบบนี้  ณีบอกแบบนั้นไม่ได้ เราเป็นผัวเมียกัน จะให้ณีใส่ร้ายซ้ำเติมพี่ได้ยังไง ณีไม่ยอม พี่ช่วยชีวิตณี จากไอ้คนชั่วนั่น ณี….”

พูดได้เท่านี้ ดรุณีก็เอ่ยอะไรไม่ได้อีก คำพูดมันจุกที่คอเป็นก้อน จอมบีบมือของหญิงสาวที่สั่นไหวด้วยความรักแล้วเอ่ยต่อ

          “ณีต้องทำให้ได้ ถ้าใครรู้ว่าณี เป็นเมียของคนชั่วแบบพี่ คนที่เคยคิดแค้นพี่ก็คงอาจจะมาล้างแค้น หรือถ้าคนทั่วไป ก็คงจะรังเกียจณีไปด้วย อย่าต้องมาแปดเปื้อนเพราะพี่เลยนะ ลืมเรื่องทั้งหมดของเรา จงอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า ทุกอย่างที่พี่สะสมทั้งชีวิต…พี่ยกให้เธอ ดรุณี”

น้ำตาที่ไหลรินพร้อมน้ำมูก เสียงสะอื้นที่ดัง ทำให้จางหลี่ได้ยินคำสนทนาของทั้งสอง จึงเดินมาที่หน้าประตูหยุดยืนอยู่ตรงนั้น ดรุณีเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ติดขัด

          “ณีไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ณีคนเดียวก็สามารถทำให้ไอ้เอกติดคุกได้ ทำไมต้องให้พี่มาสารภาพด้วย ไม่ ณีไม่ยอม”

จอมยื่นมือมาเช็ดน้ำตาทั้งที่มือของตนเองก็สั่นไหวด้วยอาการไข้ และความสะเทือนใจทะสะท้อนออกมา

          “ฟังนะณี ถ้าจะดึงไอ้เอกลงมาในคุก มันมีแค่ทางเดียวคือ ให้พี่เป็นพยานเอาผิด ในชีวิตพี่ไม่เคยทำความดีเลย ขอให้ก่อนตายพี่ได้ทำความดี เถอะนะ ถึงพี่จะต้องถูกประหารชีวิต มันก็คุ้มที่แลกกับจับไอ้ชั่วนั่นให้ลงมารับโทษ”

ดรุณีคว้ามือของสามีเอาไว้แนบแก้มร่ำร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

          “ไม่ ๆๆๆ ณีไม่ยอม”

จางหลี่ที่ฟังอยู่ภายนอก ก็ถอนลมหายใจออกมา ก่อนก้าวเข้ามาในห้อง

          “การทำความดีก่อนตายมันก็ดีอยู่หรอก แต่คิดว่าแค่แกสารภาพความผิดที่ร่วมมือกับไอ้เอก มันจะดึงคนชั่วที่เจ้าเล่ห์อย่างมันเข้าคุกได้จริงหรือ ถ้าคิดแค่นั้นฉันก็จนใจ”

จอมหันมามองจางหลี่ด้วยสายตาเย็นชา เพราะความโกรธแค้นที่คู่แค้นที่ฆ่าพี่ชายของตนมาแสดงความคิด แต่เมื่อมองลึกลงไปมันก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะสายตาของจางหลี่ไม่เหมือนสายตาของหลี่จางแม้แต่น้อย จางหลี่พอจะทราบความคิดของคู่กรณีจึงเอ่ยออกมา

          “อีกอย่างที่ฉันอยากจะอธิบายให้แกเข้าใจ เรื่องความแค้นของฉันกับแก มันมีเรื่องที่แกคงไม่เข้าใจ แต่ฉันอยากให้แกเข้าใจไว้อีกเรื่อง ว่าการตายของพี่กล้าถึงมันจะเป็นฝีมือของฉันอง แต่มันไม่ใช่จางหลี่คนนี้เป็นคนลงมือ”

จอมคิดตาม ก่อนเอ่ยถามออกมา

          “แล้วตกลงว่าแกชื่ออะไรกันแน่ จางหลี่หรือ หลี่จาง”

จางหลี่จ้องมองจอมนิ่ง ก่อนเอ่ยออกมา

          “ตอนนี้ ฉันคือ จางหลี่ และเป็นคนที่สามารถช่วยให้แกรอดได้ อย่างน้อยก็สักระยะหนึ่ง”

จอมพยายามทำความเข้าใจ ก่อนที่จะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีไมตรีมากกว่าทุกครั้ง

          “ถ้าจะช่วยข้าจริงๆ ก็ขอให้เอ็งช่วยดรุณีให้ปลอดภัยจากไอ้เอกก็พอ สำหรับข้าชีวิตมันไม่มีความหมายมากกว่าหมาแค่ตัวหนึ่ง ที่มันกำลังจะตาย”

จางหลี่จึงกล่าวสวนกลับทันควัน

          “ต่อให้มันคนนั้นเป็นยิ่งกว่าหมาฉันก็จะช่วย ถ้ามันจะทำให้ไอ้เอกมันรับกรรมที่มันก่อ”

          “แล้วข้าต้องทำยังไงต่อ”

จางหลี่มองหน้าดรุณี ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากที่สุด

          “ตอนนี้ก็ต้องรักษาตัวเองให้หายเสียก่อน ถ้ามัวมาถอดใจมันจะได้อะไรขึ้นมา คนเรามันมีแค่หนึ่งชีวิต ถ้าไม่รักษาไว้จะเสียทีที่ได้เกิดมา ไม่ใช่แค่ตัวแกเอง แต่คนที่เชื่อมั่นในตัวของแก ที่เธอหวังจะฝากชีวิตไว้กับแก”

จอมหันมามองดรุณี ที่น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอพยายามเช็ดน้ำตาออก แล้วพยักหน้าให้กำลังใจกับสามีตนเอง จอมเอื้อมมือมากุมมือของหญิงสาวไว้สักครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรเช่นเดียวกัน

          “งั้นข้าจะขอให้เอ็งช่วยข้าหาสมุนไพรให้ข้ามารักษาตัว เอ็งทำให้ข้าได้ไหมวะ”

จางหลี่ยิ้มเล็กน้อย

          “ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ พี่จอม”

แล้วทั้งสามก็มองกันไปมา พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยมิตรภาพที่ก้าวข้ามจากอดีตที่เต็มไปด้วยความเป็นตาย โดยฝ่ายหนึ่งคือผู้ที่เคยไล่ล่าหมายเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามให้ดับดิ้น กับอีกฝ่ายที่ต้องการรักษาชีวิตให้รอดพ้น ตอนนี้ทั้งสองต้องมาร่วมมือกันเพื่อโค่นล้ม เอกเดชผู้ที่ได้ชื่อว่า สมิงทมิฬ

++++++++++++++++


          สิทธิชัยไม่ถูกพาไปเข้าเรือนจำ แต่มาอยู่ในห้องสอบสวนของสืบสวนกลาง ภายใต้การดูแลของท่านรองสิงห์โดยตรง หลังจากถูกสอบปากคำอย่างหนักหน่วง เกือบอาทิตย์ที่เขาอยู่ตามลำพังในห้องพัก มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้อาหาร อำนวยความสะดวกให้ ไม่เหมือนผู้ต้องหารายอื่นๆ

เมื่อเขาอยู่ตามลำพังความคิดที่สับสนยุ่งเหยิงก็ค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ จากอาการหมดอาลัยตายอยาก จนหนวดเคราขึ้นครึ้ม สิทธิชัยส่องกระจกมองตนเองอย่างพินิจ แล้วคำตอบในเหตุผลก็เกิดขึ้นโดยไม่ต้องให้ใครมาบอกกล่าว

          ‘ลูกศรไม่ใช่น้องสาวของเรา แต่ที่เธอต้องพูดแบบนั้น อาจมาจากข้อตกลงกับคุณน้า ถ้าจะให้เดาน่าจะเป็นเงื่อนไขที่จะให้คุณน้าช่วยถอนพิษยาสั่งให้พ่อของเธอ เพราะไม่มีทางที่ความลับที่สำคัญขนาดนี้พี่นรีจะใช้การเขียนจดหมายบอกใน สมุดบันทึก เพราะถ้าเธอเป็นลูกของพ่อสมเจตน์จริงๆ เธอต้องรู้ตั้งแต่แรก แล้วไม่มีทางที่เธอจะยินยอมมีอะไรกับเราอย่างแน่นอน’
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่