วันนี้เป็นวันอังคาร ที่จะมีความโหด รุนแรง ดิบ เถื่อน ไร้กฎเกณฑ์ ให้ทุกท่านได้เห็นถึงความร้ายกาจของ... เสี่ยไม่บอกดีกว่าเป็นใคร
ถึงจะโหดแค่ไหน แต่ก็ยังมีรักตั้งสามคู่ ย้อนไปดูตอนที่แล้วได้จ้า
เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 49)
https://pantip.com/topic/38573389
บทที่ 50 กับดักอำมหิต
โชติหยิบปืนสั้นที่ซื้อเก็บไว้แต่ไม่ได้ใช้ มันถูกเก็บอยู่ในกล่องขนมปังกรอบที่กินเหลือ มันอยู่คู่กับปืนที่กล้าซื้อให้ในวันที่เขารับงานของกล้าเป็นครั้งแรก โชตินำปืนทั้งสองกระบอกออกมาทำความสะอาด ในขณะที่ดรุณีกำลังให้อาหารลูกไก่ที่เริ่มโตอยู่หลังบ้าน
เมื่อโชติล้างปืนเสร็จก็ประกอบปืนเข้าอย่างรวดเร็ว พร้อมเช็คระบบการทำงานด้วยการสไลด์แล้วยิง เสียงเข็มแทงชนวนดัง เชี๊ย! เชี๊ย! เชี๊ย! ปืนกระบอกเล็กเป็นวอลเธอร์ ขนาด 9 มม. ส่วนอีกกระบอกเป็นโคลท์จุดสี่ห้าสีเงินแต่งอย่างสวยงาม ประกับปืนทำจากงาช้างที่แกะสลักลายเป็นลายเปลวไฟ ลงสีแดงไว้ในรอยแกะสลัก คล้ายเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผา
เพราะปืนกระบอกนี้ จึงทำให้โชติเกิดความรู้สึกดีๆ กับกล้า และค่อยๆ นับถือเป็นพี่น้องในที่สุด ดังนั้นปืนกระบอกนี้ จึงเป็นเหมือนตัวแทนของกล้า และมันไม่เคยคิดที่จะใช้งานในการสังหาร แต่ตอนนี้โชติเอามาล้างขึ้นลำซ้ำๆ เพื่อดูระบบกลไกว่ายังคงสอดผสานต่อเนื่องกันหรือไม่ เมื่อเช็คเรียบร้อย ก็หาแม็กกาซีนของปืนที่เคยใช้มาลองบรรจุเข้าตัวปืนดู ก็ปรากฎว่าใส่ได้เกือบทุกอัน
เสร็จสรรพโชติก็นำปืนทั้งสองกระบอกรวมทั้ง แม็กกาซีน อย่างละสามอัน กระสุนสี่กล่องแบ่งเป็น 9 มม. กับ 11 มม.อย่างละสองเข้ากระเป๋าสะพาย จากนั้นก็เดินไปหาดรุณีที่กำลังก้มดูลูกไก่เหล่านั้นในคอกคอยเติมอาหารและน้ำให้ลูกไก่พวกนั้นด้วยรอยยิ้ม โชติเห็นภาพนั้นก็หยุดชะงัก แล้วจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาที่อ่อนโยน เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกแบบนี้เรียกว่ารักหรือไม่ มันแตกต่างจากความรู้สึกที่เคยรู้สึกกับศิริศร
ในครั้งแรกที่พบศิริศรเป็นเหมือนหมัดฮุกที่โดยต่อยเข้ากรามจนมึนงงแล้วกองลงกับพื้น แต่สำหรับดรุณี โชติรู้สึกเหมือน โดนหมัดแย็บที่รวดเร็ว แต่น้ำหนักหมัดไม่รุนแรงนัก แต่เมื่อต่อยซ้ำแล้วซ้ำอีกจนนักชกผู้นั้นหมดสภาพไป ตอนนี้ไม่ว่าจะความรู้สึกแบบใด คนที่โดนน็อกคือคนที่พ่ายแพ้
แต่เป็นความพ่ายแพ้ที่โชติรู้สึกมีความสุขที่สุดนับตั้งแต่จำความได้ มันจึงแรงผลักดันให้มันต้องเลือกวิธีนี้ นั่นคือถอนตัวจากเอกเดชนั่นเอง เมื่อคิดเช่นนั้นโชติจึงเดินเข้าไปหาดรุณีแล้วเอ่ยขึ้น
“ณี…พี่อยากให้ณีดูอะไรหน่อย”
ดรุณีลุกขึ้นอย่างว่าง่าย โชติจูงมือพาไปยังภายในป่าละเมาะ จุดที่โชติใช้สำหรับซ้อมยิงปืน เพื่อดูวิถีกระสุนก่อนลงมือนั่นเอง โชตินำปืนออกมาจากกระเป๋าพร้อมด้วยกระสุน แม็กกาซีนของปืนทั้งสองกระบอก
โชติบรรจุกระสุนเข้าแม็กกาซีนปืนวอลเธอร์เป็นอันดับแรก ดรุณีมองดูแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
“พี่ไม่กลัวว่า ถ้าสอนณียิงปืน แล้วถ้ายิงแม่นขึ้นมา พี่จะถูกณียิงเป็นคนแรก”
โชติหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยออกมา
“พี่จอมคนนี้ตายไปตั้งแต่ได้ณีเป็นเมียแล้ว จะถูกเมียยิงตายอีกสักครั้ง มันจะเป็นอะไรไปเหอๆๆ”
ดรุณีตีแขนโชติดังเพลี๊ย ด้วยความเขินโชติจึงยื่นปืนให้ดรุณี แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม
“พี่ขอสัญญาว่าพี่จะไม่ยิงใคร และจะไม่ให้ใครมายิงพี่อีกแล้ว ดังนั้นพี่จึงต้องสอนวิธียิงปืน เพื่อให้น้องณีคอยป้องกันพี่อีกที ดีไหม”
ดรุณีแย้มยิ้มก่อนหยิบปืนที่โชติยื่นให้มาถืออย่างระมัดระวัง ส่วนโชติอ้อมไปยืนด้านหลัง นำจุกไม้ก็อกที่มันตะไบจนเล็กเพื่อใช้อุดหูหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ดรุณีอมยิ้มในการแสดงความรักของโชติที่นุ่มนวลราวกับเป็นสุภาพบุรุษในภาพยนตร์ที่เธอเคยดูในโรงหนัง
“ณีเพิ่งยิงครั้งแรก เสียงปืนอาจทำให้ณีหูอื้อไปหลายวัน ใส่นี่ไว้จะได้หูไม่อื้อนะ”
“ณีใส่เองก็ได้ ไม่ใช่เด็กสักหน่อย”
“พี่อยากทำอะไรให้ณีทุกอย่าง อย่าว่าแต่เรื่องนี้เลย ทุกๆ เรื่องพี่ก็จะทำให้ ถ้าทำให้ณีมีความสุข”
“ปากหวานแบบนี้ พี่จะกินอะไรหรอ เดี๋ยวณีทำให้”
โชติยิ้มกรุ้มกริ่มสายตาหวานเชื่อม ก่อนดึงเอาก็อกอุดหูของหญิงสาวออก แล้วกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา ดรุณีหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกวิบวับ
“พี่จอมก็ ยังไม่ถึงเที่ยงพูดไม่อายปาก”
โชติสวมอุปกรณ์ป้องกันเสียงให้กับเมียรักอีกครั้งก่อนกอดกระชับด้านหลังหอมแก้มอย่างนุ่มนวล เอ่ยออกมา
“ตั้งสติให้มั่น แล้วยกปืนขึ้นมาขึ้นลำกล้อง แล้วเล็งไปที่ศูนย์หน้า ให้ขวดเหล้าอยู่เหนือปลายศูนย์ทั้งหน้าและหลัง กลั้นหายใจแล้วเหนี่ยวไก”
ดรุณีเล็งเป้าด้วยสติตั้งมั่นแล้วยิง เสียงปืนดังสนั่น แต่กระสุนกลับไม่โดนเป้าหมาย ดรุณีกลับเริ่มสนุกในการยิงปืน เพราะแรงรีคอยล์จากปืนนั้นเบากว่าที่คิด เมื่อยิ่งไปได้สี่ห้าแม็กกาซีน ดรุณีก็ยิงแม่นขึ้น แม่นจนโชติอดแปลกใจไม่ได้ เพราะหญิงสาวยิงจนขวดที่เตรียมไว้แตกหมด เธอจึงเอ่ยออกมา
“ณียิงจนเป้าของพี่แตกหมดแล้ว แล้วพี่จะใช้เป้าที่ไหนยิงซ้อมมือละคะ”
โชติยิ้มกวนๆ ก่อนเอ่ยออกมา
“ระดับพี่จอม ไม่ต้องใช้เป้าแบบนี้หรอกหรอก”
ปืนโคลท์ถูกยกขึ้นมาขึ้นลำ แล้วนำปลายปืนมาจรดหน้าผาก สายตาของโชติแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว มันเล็งเป้าหมาย โดยไม่ต้องยกปลายปืนเข้าเล็ง เป้านั้นคือกิ่งดอกกล้วยไม้ที่เล็กบางและเอนไหวไปกับสายลม เพียงพริบตา โชติตวัดปืนขึ้นยิงทันที
เปรี้ยงงงงง!
หัวกระสุนพุ่งเข้าตัดก้านดอกกล้วยไม้จนขาด ดอกไม้ตกลงมาบนพื้นสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น โชติทดสอบยิงอีกหกนัดไปยังต้นกล้วยจนขาดออก สไลด์ค้างกลุ่มควันลอยออกมาจากรังเพลิงและปลายกระบอกปืน พร้อมกดปุ่มปลดแม็กกาซีนให้ไหลตกลงบนโต๊ะ
“เมื่อฝึกถึงระดับหนึ่ง ณีจะไม่ต้องเล็งปืนด้วยปืน ณีจะใช้ใจเล็งและยิงออกมา เพราะปืนที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่ปืนที่เล็งด้วยปืน แต่เล็งด้วยใจ เพราะคู่ต่อสู้จะไม่มีทางรู้ว่า เราเล็งที่ส่วนใดของมัน”
“แล้วปืนของพี่กระบอกนี้ถีบมากไหมจ้ะ”
“สำหรับพี่ไม่ว่าปืนชนิดไหน แรงถีบของปืนไม่เป็นอุปสรรค อุปสรรคอยู่ที่ เรากลัวมันหรือเปล่า ถ้าไม่กลัวมัน มันก็จะเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ถ้ากลัว มันก็เป็นแค่เศษเหล็กที่ใช้ขว้างกับขู่เท่านั้น”
ดรุณีจึงยื่นมือเพื่อขอลองยิงปืนของโชติ มันจึงยื่นให้หญิงสาวค่อยๆ นำแม็กกาซีนใส่เข้ากับปืน โชติจึงสอนให้เธอปลดสไลด์เพื่อป้อนกระสุนเข้ารังเพลิง ดรุณีกระชับด้ามปืนให้มั่นคง ก่อนยิงออกไป
เปรี้ยง!
แรงรีคอยล์ทำให้ปืนสะบัดขึ้นเล็กน้อย ดรุณีมีพรสวรรค์ในการยิงปืนมากกว่าที่โชติคิด หลังจากที่เธอยิงจนกระสุนของโชติจนหมด เธอจึงยอมคืนปืนให้
ทั้งสองเดินจูงมือไปนั่งใต้ต้นไม้มีบ่อน้ำที่ผันน้ำมาจากในคลอง สีของน้ำจึงเป็นสีเขียวอ่อน ดรุณีจึงเอ่ยออกมาหลังจากที่โชติล้มตัวแล้วหนุนศีรษะลงบนตักหญิงสาว
“พี่โชติ เราน่าจะเลี้ยงเป็ดด้วยนะ ณีจะได้เอาไข่เป็ด มาทำไข่เค็มขายไง”
“ณีอยากทำอะไร ก็ทำไปเลย เงินที่พี่ให้มันน่าจะมากพอให้ณีทำอะไรก็ได้ เผื่อวันหนึ่งที่พี่ไม่อยู่”
ดรุณีใจหายวาบ ก่อนก้มลงมามองโชติเต็มตา
“พี่…หมายความว่า พี่จะกลับไปหามันหรอ พี่สัญญากับณีแล้วนะ ว่าจะไม่ไป”
โชติยึดกุมมือของดรุณีไว้ แล้วเอ่ยออกมา
“ณี พี่คงรู้สึกติดค้างมันไปตลอดชีวิต ถ้าพี่ไม่คืนของทั้งหมดให้มัน ทุกอย่างที่มันให้ มันมากมายเหลือเกิน ข้อสำคัญ ก็เพราะไอ้เอก พี่จึงได้รู้จักกับณี ถึงจะเป็นคำสั่งที่จะฆ่าณีก็ตาม พี่อยู่ได้ถึงวันนี้ด้วยสัจจะ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะสู้กับมัน พี่ต้องตัดมันออกก่อน นี่คือสิ่งที่พี่คิด ณีเป็นเมียพี่ เป็นครอบครัวเดียวบนโลกที่พี่มี ขอให้ไว้ใจ และเชื่อใจในการตัดสินใจของพี่ด้วย”
ดรุณีน้ำตาคลอ ก่อนพยักหน้า โชติลุกขึ้นกอดร่างที่สั่นเทิ้มนั้นแนบกับอก เอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ถ้าในตอนเย็นของวันรุ่งขึ้นพี่ยังไม่กลับ ให้ณีออกจากบ้านหลังนี้ ไปที่บ้านที่พี่เคยบอก บ้านหลังนั้นมีเงินทิ้งเอาไว้ น่าจะแสนกว่าบาท ณีเอาเงินก้อนนั้นรวมกับเงินที่พี่ให้ แล้วจงไปในที่ไกลๆ อย่ากลับมาอีก”
ดรุณีจึงเงยหน้าขึ้น
“ทำ…ทำไม พี่พูดแบบนี้ล่ะ พี่รอดมาทุกครั้ง ครั้งนี้ พี่ก็ต้องรอดกลับมา”
โชติจึงถอนลมหายใจ ก่อนเอ่ยออกมา
“ถ้าไอ้เอกมันคิดจะฆ่าพี่จริงๆ มันก็คงมีของสำหรับใช้ฆ่าพี่แล้ว เพราะพี่เคยบอกมันเกี่ยวกับจุดอ่อนของพี่ รวมทั้งสิ่งที่เป็นของแสลงสำหรับพี่ มันก็คงจะใช้วิธีนั้นเล่นงาน แต่พี่มันคนเดนตาย จะไม่ตายด้วยแผนสกปรกของมันแน่ๆ แต่ที่พี่ต้องคิดเผื่อไว้ก่อน เพราะ มันก็อาจมีโอกาสที่พี่จะพลาดท่าเหมือนกัน”
“ถ้าพี่เป็นอะไรไป แล้วณีจะอยู่ยังไง ณีไม่อยากให้พี่ตาย อยากใช้ชีวิตแบบนี้ กับพี่”
“พี่ก็ต้องการแบบนั้น แต่ณีเข้มแข็งมากกว่าที่เป็น ณีเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญ และฉลาดกว่าพี่ ณีต้องมีชีวิตต่อถ้าพี่ต้องตายไปจริงๆ แต่เชื่อเถอะ มันคุ้มที่พี่จะเสี่ยง เสี่ยงเพื่อตัวพี่ และเพื่ออนาคตของเราทั้งสอง”
“พี่จอมต้องกลับมาให้ได้นะ อย่าให้ใครฆ่าพี่ได้นะ พี่ต้องกลับมานะ ต้องกลับมา”
โชติถึงกับน้ำตาไหลลงมา ในชีวิตของมันเคยร้องไห้ไม่กี่ครั้ง ครั้งแรกตอนที่เกือบตายจากการปะทะสารวัตรปกรณ์ ครั้งที่สองก็ข่าวการตายของกล้า ครั้งที่สามคือตอนที่ มันรู้ว่าหลี่จางเป็นคนลงมือฆ่ากล้า และครั้งนี้ก็คือครั้งแรกที่มันหลั่งน้ำตาให้กับความรักที่เอ่อล้นออกมานั่นเอง
+++++++++++++++++++
เอกเดชเดินทางมาพบหมอเวทย์ชื่อเตียนเป็นหมอเวทย์ที่เรียนวิชาอาคมทั้งของไทยและเขมร จึงมีลูกศิษย์มากมายเพราะนอกจากมีอาคมพอตัว แต่ที่สำคัญเขามีความรู้ในเรื่องไสยเวทย์มากมายเหลือคณานับ
นั่นเป็นเพราะเอกเดชต้องการความแน่ชัดในเรื่องการนำของขลังมาจากโชติอย่างแท้จริงเขาจึงเหมาเวลาของหมอเตียนทั้งวันเพื่อขอคำแนะนำจากเขา
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ไอ้ของขลังของไอ้คนที่เอ็งอยากจะได้ มันเป็นอะไร”
เอกเดชจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพนบนอบ
“ผมได้ยินว่า มันมีรอยสักวานรโลหิตเป็นเทพคุ้มครองมัน และมียันต์เกราะเพชรขังเอาไว้อีกชั้น อาจารย์เคยได้ยิน เรื่องพวกนี้ไหมครับ”
หมอเตียนได้ยินเรื่องรอยสักวานรโลหิตก็คิ้วขมวดก่อนเอ่ยออกมา
“ทำไมข้าจะไม่รู้จัก มันเป็นการสักจากน้ำมันเถาวัลย์กับรากที่มีเฉพาะในเขมร บวกด้วยเลือดของสัตว์ แทนสิบสองราศี ผ่านการลงอาคมตามเวลาที่กำหนด คนที่จะสักวานรโลหิตก็ต้องเกิดในปีนักษัตรสอดคล้องนั่นก็คือปีวอก”
เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 50)
ถึงจะโหดแค่ไหน แต่ก็ยังมีรักตั้งสามคู่ ย้อนไปดูตอนที่แล้วได้จ้า
เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 49)
https://pantip.com/topic/38573389
บทที่ 50 กับดักอำมหิต
โชติหยิบปืนสั้นที่ซื้อเก็บไว้แต่ไม่ได้ใช้ มันถูกเก็บอยู่ในกล่องขนมปังกรอบที่กินเหลือ มันอยู่คู่กับปืนที่กล้าซื้อให้ในวันที่เขารับงานของกล้าเป็นครั้งแรก โชตินำปืนทั้งสองกระบอกออกมาทำความสะอาด ในขณะที่ดรุณีกำลังให้อาหารลูกไก่ที่เริ่มโตอยู่หลังบ้าน
เมื่อโชติล้างปืนเสร็จก็ประกอบปืนเข้าอย่างรวดเร็ว พร้อมเช็คระบบการทำงานด้วยการสไลด์แล้วยิง เสียงเข็มแทงชนวนดัง เชี๊ย! เชี๊ย! เชี๊ย! ปืนกระบอกเล็กเป็นวอลเธอร์ ขนาด 9 มม. ส่วนอีกกระบอกเป็นโคลท์จุดสี่ห้าสีเงินแต่งอย่างสวยงาม ประกับปืนทำจากงาช้างที่แกะสลักลายเป็นลายเปลวไฟ ลงสีแดงไว้ในรอยแกะสลัก คล้ายเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผา
เพราะปืนกระบอกนี้ จึงทำให้โชติเกิดความรู้สึกดีๆ กับกล้า และค่อยๆ นับถือเป็นพี่น้องในที่สุด ดังนั้นปืนกระบอกนี้ จึงเป็นเหมือนตัวแทนของกล้า และมันไม่เคยคิดที่จะใช้งานในการสังหาร แต่ตอนนี้โชติเอามาล้างขึ้นลำซ้ำๆ เพื่อดูระบบกลไกว่ายังคงสอดผสานต่อเนื่องกันหรือไม่ เมื่อเช็คเรียบร้อย ก็หาแม็กกาซีนของปืนที่เคยใช้มาลองบรรจุเข้าตัวปืนดู ก็ปรากฎว่าใส่ได้เกือบทุกอัน
เสร็จสรรพโชติก็นำปืนทั้งสองกระบอกรวมทั้ง แม็กกาซีน อย่างละสามอัน กระสุนสี่กล่องแบ่งเป็น 9 มม. กับ 11 มม.อย่างละสองเข้ากระเป๋าสะพาย จากนั้นก็เดินไปหาดรุณีที่กำลังก้มดูลูกไก่เหล่านั้นในคอกคอยเติมอาหารและน้ำให้ลูกไก่พวกนั้นด้วยรอยยิ้ม โชติเห็นภาพนั้นก็หยุดชะงัก แล้วจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาที่อ่อนโยน เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกแบบนี้เรียกว่ารักหรือไม่ มันแตกต่างจากความรู้สึกที่เคยรู้สึกกับศิริศร
ในครั้งแรกที่พบศิริศรเป็นเหมือนหมัดฮุกที่โดยต่อยเข้ากรามจนมึนงงแล้วกองลงกับพื้น แต่สำหรับดรุณี โชติรู้สึกเหมือน โดนหมัดแย็บที่รวดเร็ว แต่น้ำหนักหมัดไม่รุนแรงนัก แต่เมื่อต่อยซ้ำแล้วซ้ำอีกจนนักชกผู้นั้นหมดสภาพไป ตอนนี้ไม่ว่าจะความรู้สึกแบบใด คนที่โดนน็อกคือคนที่พ่ายแพ้
แต่เป็นความพ่ายแพ้ที่โชติรู้สึกมีความสุขที่สุดนับตั้งแต่จำความได้ มันจึงแรงผลักดันให้มันต้องเลือกวิธีนี้ นั่นคือถอนตัวจากเอกเดชนั่นเอง เมื่อคิดเช่นนั้นโชติจึงเดินเข้าไปหาดรุณีแล้วเอ่ยขึ้น
“ณี…พี่อยากให้ณีดูอะไรหน่อย”
ดรุณีลุกขึ้นอย่างว่าง่าย โชติจูงมือพาไปยังภายในป่าละเมาะ จุดที่โชติใช้สำหรับซ้อมยิงปืน เพื่อดูวิถีกระสุนก่อนลงมือนั่นเอง โชตินำปืนออกมาจากกระเป๋าพร้อมด้วยกระสุน แม็กกาซีนของปืนทั้งสองกระบอก
โชติบรรจุกระสุนเข้าแม็กกาซีนปืนวอลเธอร์เป็นอันดับแรก ดรุณีมองดูแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
“พี่ไม่กลัวว่า ถ้าสอนณียิงปืน แล้วถ้ายิงแม่นขึ้นมา พี่จะถูกณียิงเป็นคนแรก”
โชติหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยออกมา
“พี่จอมคนนี้ตายไปตั้งแต่ได้ณีเป็นเมียแล้ว จะถูกเมียยิงตายอีกสักครั้ง มันจะเป็นอะไรไปเหอๆๆ”
ดรุณีตีแขนโชติดังเพลี๊ย ด้วยความเขินโชติจึงยื่นปืนให้ดรุณี แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม
“พี่ขอสัญญาว่าพี่จะไม่ยิงใคร และจะไม่ให้ใครมายิงพี่อีกแล้ว ดังนั้นพี่จึงต้องสอนวิธียิงปืน เพื่อให้น้องณีคอยป้องกันพี่อีกที ดีไหม”
ดรุณีแย้มยิ้มก่อนหยิบปืนที่โชติยื่นให้มาถืออย่างระมัดระวัง ส่วนโชติอ้อมไปยืนด้านหลัง นำจุกไม้ก็อกที่มันตะไบจนเล็กเพื่อใช้อุดหูหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ดรุณีอมยิ้มในการแสดงความรักของโชติที่นุ่มนวลราวกับเป็นสุภาพบุรุษในภาพยนตร์ที่เธอเคยดูในโรงหนัง
“ณีเพิ่งยิงครั้งแรก เสียงปืนอาจทำให้ณีหูอื้อไปหลายวัน ใส่นี่ไว้จะได้หูไม่อื้อนะ”
“ณีใส่เองก็ได้ ไม่ใช่เด็กสักหน่อย”
“พี่อยากทำอะไรให้ณีทุกอย่าง อย่าว่าแต่เรื่องนี้เลย ทุกๆ เรื่องพี่ก็จะทำให้ ถ้าทำให้ณีมีความสุข”
“ปากหวานแบบนี้ พี่จะกินอะไรหรอ เดี๋ยวณีทำให้”
โชติยิ้มกรุ้มกริ่มสายตาหวานเชื่อม ก่อนดึงเอาก็อกอุดหูของหญิงสาวออก แล้วกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา ดรุณีหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกวิบวับ
“พี่จอมก็ ยังไม่ถึงเที่ยงพูดไม่อายปาก”
โชติสวมอุปกรณ์ป้องกันเสียงให้กับเมียรักอีกครั้งก่อนกอดกระชับด้านหลังหอมแก้มอย่างนุ่มนวล เอ่ยออกมา
“ตั้งสติให้มั่น แล้วยกปืนขึ้นมาขึ้นลำกล้อง แล้วเล็งไปที่ศูนย์หน้า ให้ขวดเหล้าอยู่เหนือปลายศูนย์ทั้งหน้าและหลัง กลั้นหายใจแล้วเหนี่ยวไก”
ดรุณีเล็งเป้าด้วยสติตั้งมั่นแล้วยิง เสียงปืนดังสนั่น แต่กระสุนกลับไม่โดนเป้าหมาย ดรุณีกลับเริ่มสนุกในการยิงปืน เพราะแรงรีคอยล์จากปืนนั้นเบากว่าที่คิด เมื่อยิ่งไปได้สี่ห้าแม็กกาซีน ดรุณีก็ยิงแม่นขึ้น แม่นจนโชติอดแปลกใจไม่ได้ เพราะหญิงสาวยิงจนขวดที่เตรียมไว้แตกหมด เธอจึงเอ่ยออกมา
“ณียิงจนเป้าของพี่แตกหมดแล้ว แล้วพี่จะใช้เป้าที่ไหนยิงซ้อมมือละคะ”
โชติยิ้มกวนๆ ก่อนเอ่ยออกมา
“ระดับพี่จอม ไม่ต้องใช้เป้าแบบนี้หรอกหรอก”
ปืนโคลท์ถูกยกขึ้นมาขึ้นลำ แล้วนำปลายปืนมาจรดหน้าผาก สายตาของโชติแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว มันเล็งเป้าหมาย โดยไม่ต้องยกปลายปืนเข้าเล็ง เป้านั้นคือกิ่งดอกกล้วยไม้ที่เล็กบางและเอนไหวไปกับสายลม เพียงพริบตา โชติตวัดปืนขึ้นยิงทันที
เปรี้ยงงงงง!
หัวกระสุนพุ่งเข้าตัดก้านดอกกล้วยไม้จนขาด ดอกไม้ตกลงมาบนพื้นสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น โชติทดสอบยิงอีกหกนัดไปยังต้นกล้วยจนขาดออก สไลด์ค้างกลุ่มควันลอยออกมาจากรังเพลิงและปลายกระบอกปืน พร้อมกดปุ่มปลดแม็กกาซีนให้ไหลตกลงบนโต๊ะ
“เมื่อฝึกถึงระดับหนึ่ง ณีจะไม่ต้องเล็งปืนด้วยปืน ณีจะใช้ใจเล็งและยิงออกมา เพราะปืนที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่ปืนที่เล็งด้วยปืน แต่เล็งด้วยใจ เพราะคู่ต่อสู้จะไม่มีทางรู้ว่า เราเล็งที่ส่วนใดของมัน”
“แล้วปืนของพี่กระบอกนี้ถีบมากไหมจ้ะ”
“สำหรับพี่ไม่ว่าปืนชนิดไหน แรงถีบของปืนไม่เป็นอุปสรรค อุปสรรคอยู่ที่ เรากลัวมันหรือเปล่า ถ้าไม่กลัวมัน มันก็จะเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ถ้ากลัว มันก็เป็นแค่เศษเหล็กที่ใช้ขว้างกับขู่เท่านั้น”
ดรุณีจึงยื่นมือเพื่อขอลองยิงปืนของโชติ มันจึงยื่นให้หญิงสาวค่อยๆ นำแม็กกาซีนใส่เข้ากับปืน โชติจึงสอนให้เธอปลดสไลด์เพื่อป้อนกระสุนเข้ารังเพลิง ดรุณีกระชับด้ามปืนให้มั่นคง ก่อนยิงออกไป
เปรี้ยง!
แรงรีคอยล์ทำให้ปืนสะบัดขึ้นเล็กน้อย ดรุณีมีพรสวรรค์ในการยิงปืนมากกว่าที่โชติคิด หลังจากที่เธอยิงจนกระสุนของโชติจนหมด เธอจึงยอมคืนปืนให้
ทั้งสองเดินจูงมือไปนั่งใต้ต้นไม้มีบ่อน้ำที่ผันน้ำมาจากในคลอง สีของน้ำจึงเป็นสีเขียวอ่อน ดรุณีจึงเอ่ยออกมาหลังจากที่โชติล้มตัวแล้วหนุนศีรษะลงบนตักหญิงสาว
“พี่โชติ เราน่าจะเลี้ยงเป็ดด้วยนะ ณีจะได้เอาไข่เป็ด มาทำไข่เค็มขายไง”
“ณีอยากทำอะไร ก็ทำไปเลย เงินที่พี่ให้มันน่าจะมากพอให้ณีทำอะไรก็ได้ เผื่อวันหนึ่งที่พี่ไม่อยู่”
ดรุณีใจหายวาบ ก่อนก้มลงมามองโชติเต็มตา
“พี่…หมายความว่า พี่จะกลับไปหามันหรอ พี่สัญญากับณีแล้วนะ ว่าจะไม่ไป”
โชติยึดกุมมือของดรุณีไว้ แล้วเอ่ยออกมา
“ณี พี่คงรู้สึกติดค้างมันไปตลอดชีวิต ถ้าพี่ไม่คืนของทั้งหมดให้มัน ทุกอย่างที่มันให้ มันมากมายเหลือเกิน ข้อสำคัญ ก็เพราะไอ้เอก พี่จึงได้รู้จักกับณี ถึงจะเป็นคำสั่งที่จะฆ่าณีก็ตาม พี่อยู่ได้ถึงวันนี้ด้วยสัจจะ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะสู้กับมัน พี่ต้องตัดมันออกก่อน นี่คือสิ่งที่พี่คิด ณีเป็นเมียพี่ เป็นครอบครัวเดียวบนโลกที่พี่มี ขอให้ไว้ใจ และเชื่อใจในการตัดสินใจของพี่ด้วย”
ดรุณีน้ำตาคลอ ก่อนพยักหน้า โชติลุกขึ้นกอดร่างที่สั่นเทิ้มนั้นแนบกับอก เอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ถ้าในตอนเย็นของวันรุ่งขึ้นพี่ยังไม่กลับ ให้ณีออกจากบ้านหลังนี้ ไปที่บ้านที่พี่เคยบอก บ้านหลังนั้นมีเงินทิ้งเอาไว้ น่าจะแสนกว่าบาท ณีเอาเงินก้อนนั้นรวมกับเงินที่พี่ให้ แล้วจงไปในที่ไกลๆ อย่ากลับมาอีก”
ดรุณีจึงเงยหน้าขึ้น
“ทำ…ทำไม พี่พูดแบบนี้ล่ะ พี่รอดมาทุกครั้ง ครั้งนี้ พี่ก็ต้องรอดกลับมา”
โชติจึงถอนลมหายใจ ก่อนเอ่ยออกมา
“ถ้าไอ้เอกมันคิดจะฆ่าพี่จริงๆ มันก็คงมีของสำหรับใช้ฆ่าพี่แล้ว เพราะพี่เคยบอกมันเกี่ยวกับจุดอ่อนของพี่ รวมทั้งสิ่งที่เป็นของแสลงสำหรับพี่ มันก็คงจะใช้วิธีนั้นเล่นงาน แต่พี่มันคนเดนตาย จะไม่ตายด้วยแผนสกปรกของมันแน่ๆ แต่ที่พี่ต้องคิดเผื่อไว้ก่อน เพราะ มันก็อาจมีโอกาสที่พี่จะพลาดท่าเหมือนกัน”
“ถ้าพี่เป็นอะไรไป แล้วณีจะอยู่ยังไง ณีไม่อยากให้พี่ตาย อยากใช้ชีวิตแบบนี้ กับพี่”
“พี่ก็ต้องการแบบนั้น แต่ณีเข้มแข็งมากกว่าที่เป็น ณีเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญ และฉลาดกว่าพี่ ณีต้องมีชีวิตต่อถ้าพี่ต้องตายไปจริงๆ แต่เชื่อเถอะ มันคุ้มที่พี่จะเสี่ยง เสี่ยงเพื่อตัวพี่ และเพื่ออนาคตของเราทั้งสอง”
“พี่จอมต้องกลับมาให้ได้นะ อย่าให้ใครฆ่าพี่ได้นะ พี่ต้องกลับมานะ ต้องกลับมา”
โชติถึงกับน้ำตาไหลลงมา ในชีวิตของมันเคยร้องไห้ไม่กี่ครั้ง ครั้งแรกตอนที่เกือบตายจากการปะทะสารวัตรปกรณ์ ครั้งที่สองก็ข่าวการตายของกล้า ครั้งที่สามคือตอนที่ มันรู้ว่าหลี่จางเป็นคนลงมือฆ่ากล้า และครั้งนี้ก็คือครั้งแรกที่มันหลั่งน้ำตาให้กับความรักที่เอ่อล้นออกมานั่นเอง
+++++++++++++++++++
เอกเดชเดินทางมาพบหมอเวทย์ชื่อเตียนเป็นหมอเวทย์ที่เรียนวิชาอาคมทั้งของไทยและเขมร จึงมีลูกศิษย์มากมายเพราะนอกจากมีอาคมพอตัว แต่ที่สำคัญเขามีความรู้ในเรื่องไสยเวทย์มากมายเหลือคณานับ
นั่นเป็นเพราะเอกเดชต้องการความแน่ชัดในเรื่องการนำของขลังมาจากโชติอย่างแท้จริงเขาจึงเหมาเวลาของหมอเตียนทั้งวันเพื่อขอคำแนะนำจากเขา
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ไอ้ของขลังของไอ้คนที่เอ็งอยากจะได้ มันเป็นอะไร”
เอกเดชจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพนบนอบ
“ผมได้ยินว่า มันมีรอยสักวานรโลหิตเป็นเทพคุ้มครองมัน และมียันต์เกราะเพชรขังเอาไว้อีกชั้น อาจารย์เคยได้ยิน เรื่องพวกนี้ไหมครับ”
หมอเตียนได้ยินเรื่องรอยสักวานรโลหิตก็คิ้วขมวดก่อนเอ่ยออกมา
“ทำไมข้าจะไม่รู้จัก มันเป็นการสักจากน้ำมันเถาวัลย์กับรากที่มีเฉพาะในเขมร บวกด้วยเลือดของสัตว์ แทนสิบสองราศี ผ่านการลงอาคมตามเวลาที่กำหนด คนที่จะสักวานรโลหิตก็ต้องเกิดในปีนักษัตรสอดคล้องนั่นก็คือปีวอก”