ผมมีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง เธออายุ 19 กำลังเรียนมหาวิทยาลัย ปี 1 ครับแกเรียนรัฐศาสตร์
แต่ก่อนคุยกันไม่รู้เรื่อง ปู่ว่าซ้าย แกไปขวา ไม่ได้ขัดกันครับเพียงแต่ แกมีความเห็นคนละทาง
หลังจากที่แกเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ชอบเข้ามาคุยกันเรื่องความเป็นไปของบ้านเมือง
แกบอกแกอึดอัด ถามผมว่าทำไมบ้านเมืองของเรา ไม่เป็นไปตามแบบที่แกคิด พูดถึงเรื่องความถูกต้องไม่ถูกต้อง
ไอ้ผมก็นั่งฟังไป พอได้โอกาศที่จะมีการเลือกตั้งขึ้นอีกไม่กี่วันนี้ แกก็คุยอีก แกบอกไปฟัง พรรคบางพรรคแล้วถูกใจ
แนวคิดของเขา แกบอกผมว่า เพื่อน ๆในมหาวิทยาลัยพอใจกันมากว่า แกว่าพรรคการเมืองที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องเดิมๆ
แจกเงิน แจกโน่น แจกนี่ จะให้มากให้น้อยมันก็แจก แต่พรรคที่แกพอใจ ไม่เห็นเขาจะแจกอะไรเลย ที่จะแจกก็คือ
ความถูกต้องและความเป็นธรรม ทีนี้แหละอธิบายเป็นฉาก ๆเลย ว่าความถูกต้องคืออะไร ความเป็นธรรมคืออะไร
ผมนึกในใจนี่แกมาสอนปู่เหรอ ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร นั่งฟังอย่างสงบ
แกอธิบายเป็นฉาก ๆเลยว่าสี่งที่แกพูดหมายถึงอะไร ผมนั่งฟังแกพูดแล้ว อึ้งครับ เด็กกะโปโลอายุ 19 มีความคิดเห็นเกี่ยวกับบ้านเมือง
ถึงขนาดนี้ แกว่า แรก ๆหนูก็ไม่ค่อยคิดแบบที่คุณปู่คิด แต่พอมาคุยกันกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ก็เลยคิดได้ แกบอกกับเพื่อนว่าคุณปู่
อายุเจ็ดสิบกว่าแล้วยังมีความคิดที่ยอมรับคนรุ่นหนู อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองของเรา อยากให้การเมืองเป็นเรื่องแข่งกัน
ทำให้ชาติเจริญทันสมัย ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบในทุกสังคม เพราะการเมืองที่ดี น่าจะทำให้การอยู่ดีกินดีตามมาด้วย ดังนั้นเรื่องการเมืองต้อง
เป็นเรื่องหลักที่จะทำให้บ้านเมืองเจริญ ผมฟังแล้วก็นึกในใจเด็กพวกนี้เขามีความคิดกับบ้านกับเมือง น่าพอใจ คนรุ่นปู่อย่างเรา
เห็นจะฝากเอาไว้ได้
ครับก็เป็นอย่างที่เด็ก ๆเขาคิดกัน บ้านเมืองจะสงบได้ การเมืองจะต้องสงบ ความสงบต้องอยู่ภายไต้ความเป็นธรรม กฎหมายทุกตัวที่ออกมา
ใช้กับบ้านเมืองต้องเป็นธรรม เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายไม่ให้มีข้อกังขา มีความเท่าเทียมกันในการบังคับใช้ ให้ความยุติธรรมต่อทุกคน
การเลือกตั้งเป็นก้าวแรกของการนำไปสู่สี่งที่เด็ก ๆรุ่นใหม่เขาคิดกัน พรรคการเมืองที่เสนอตัวเข้ามาต้องเห็นคุณค่าของความคิด
ของประชาชนทุกคน ยอมรับในความคิดของประชาชนว่าทุกคนเท่าเทียมกัน นั่นคือหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง ไม่มีใครเหนือกว่าใคร ตั้งแต่เศรษฐี
แสนล้าน ลงไปถึงเศรษฐีเงินร้อย บททดสอบความถูกต้องและเป็นธรรมบทแรก ก็คือการเลือกตั้ง ที่ทุกคนที่มีสิทธิ จะเท่าเทียมกัน
เศรษฐีอย่างที่ว่า กาได้เบอร์เดียว ประชาธิปไตยเบื้องต้นมันอยู่ตรงนี้
ผมนั่งดู คนรุ่นใหม่ที่กำลังตื่นตัวทางการเมือง ออกมาแสดงความคิดทางการเมือง แล้วก็นั่งนึกว่า ต่อไปบ้านเมืองของเราคงมีวิถีทางที่ดีขึ้น
แม้ว่าขณะนี้จะมีการวางแนวทางไว้ตั้งยี่สิบปีจากคนรุ่นปัจจุบัน ซึ่งถึงเวลานั้น คนรุ่นเก่าที่วางแนวทางไว้รวมทั้งผมคงตายไปหมดแล้ว
คงไม่ได้ลุกขึ้นมาดูผลงานที่ตัวเองวางไว้หรือถ้าไปเกิดใหม่ แล้วระลึกชาติได้ก็คง คิดได้เหมือนหลานของผม และอาจอุทานว่า นี่เราทำอะไรลงไป
คนรุ่นใหม่
แต่ก่อนคุยกันไม่รู้เรื่อง ปู่ว่าซ้าย แกไปขวา ไม่ได้ขัดกันครับเพียงแต่ แกมีความเห็นคนละทาง
หลังจากที่แกเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ชอบเข้ามาคุยกันเรื่องความเป็นไปของบ้านเมือง
แกบอกแกอึดอัด ถามผมว่าทำไมบ้านเมืองของเรา ไม่เป็นไปตามแบบที่แกคิด พูดถึงเรื่องความถูกต้องไม่ถูกต้อง
ไอ้ผมก็นั่งฟังไป พอได้โอกาศที่จะมีการเลือกตั้งขึ้นอีกไม่กี่วันนี้ แกก็คุยอีก แกบอกไปฟัง พรรคบางพรรคแล้วถูกใจ
แนวคิดของเขา แกบอกผมว่า เพื่อน ๆในมหาวิทยาลัยพอใจกันมากว่า แกว่าพรรคการเมืองที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องเดิมๆ
แจกเงิน แจกโน่น แจกนี่ จะให้มากให้น้อยมันก็แจก แต่พรรคที่แกพอใจ ไม่เห็นเขาจะแจกอะไรเลย ที่จะแจกก็คือ
ความถูกต้องและความเป็นธรรม ทีนี้แหละอธิบายเป็นฉาก ๆเลย ว่าความถูกต้องคืออะไร ความเป็นธรรมคืออะไร
ผมนึกในใจนี่แกมาสอนปู่เหรอ ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร นั่งฟังอย่างสงบ
แกอธิบายเป็นฉาก ๆเลยว่าสี่งที่แกพูดหมายถึงอะไร ผมนั่งฟังแกพูดแล้ว อึ้งครับ เด็กกะโปโลอายุ 19 มีความคิดเห็นเกี่ยวกับบ้านเมือง
ถึงขนาดนี้ แกว่า แรก ๆหนูก็ไม่ค่อยคิดแบบที่คุณปู่คิด แต่พอมาคุยกันกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ก็เลยคิดได้ แกบอกกับเพื่อนว่าคุณปู่
อายุเจ็ดสิบกว่าแล้วยังมีความคิดที่ยอมรับคนรุ่นหนู อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองของเรา อยากให้การเมืองเป็นเรื่องแข่งกัน
ทำให้ชาติเจริญทันสมัย ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบในทุกสังคม เพราะการเมืองที่ดี น่าจะทำให้การอยู่ดีกินดีตามมาด้วย ดังนั้นเรื่องการเมืองต้อง
เป็นเรื่องหลักที่จะทำให้บ้านเมืองเจริญ ผมฟังแล้วก็นึกในใจเด็กพวกนี้เขามีความคิดกับบ้านกับเมือง น่าพอใจ คนรุ่นปู่อย่างเรา
เห็นจะฝากเอาไว้ได้
ครับก็เป็นอย่างที่เด็ก ๆเขาคิดกัน บ้านเมืองจะสงบได้ การเมืองจะต้องสงบ ความสงบต้องอยู่ภายไต้ความเป็นธรรม กฎหมายทุกตัวที่ออกมา
ใช้กับบ้านเมืองต้องเป็นธรรม เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายไม่ให้มีข้อกังขา มีความเท่าเทียมกันในการบังคับใช้ ให้ความยุติธรรมต่อทุกคน
การเลือกตั้งเป็นก้าวแรกของการนำไปสู่สี่งที่เด็ก ๆรุ่นใหม่เขาคิดกัน พรรคการเมืองที่เสนอตัวเข้ามาต้องเห็นคุณค่าของความคิด
ของประชาชนทุกคน ยอมรับในความคิดของประชาชนว่าทุกคนเท่าเทียมกัน นั่นคือหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง ไม่มีใครเหนือกว่าใคร ตั้งแต่เศรษฐี
แสนล้าน ลงไปถึงเศรษฐีเงินร้อย บททดสอบความถูกต้องและเป็นธรรมบทแรก ก็คือการเลือกตั้ง ที่ทุกคนที่มีสิทธิ จะเท่าเทียมกัน
เศรษฐีอย่างที่ว่า กาได้เบอร์เดียว ประชาธิปไตยเบื้องต้นมันอยู่ตรงนี้
ผมนั่งดู คนรุ่นใหม่ที่กำลังตื่นตัวทางการเมือง ออกมาแสดงความคิดทางการเมือง แล้วก็นั่งนึกว่า ต่อไปบ้านเมืองของเราคงมีวิถีทางที่ดีขึ้น
แม้ว่าขณะนี้จะมีการวางแนวทางไว้ตั้งยี่สิบปีจากคนรุ่นปัจจุบัน ซึ่งถึงเวลานั้น คนรุ่นเก่าที่วางแนวทางไว้รวมทั้งผมคงตายไปหมดแล้ว
คงไม่ได้ลุกขึ้นมาดูผลงานที่ตัวเองวางไว้หรือถ้าไปเกิดใหม่ แล้วระลึกชาติได้ก็คง คิดได้เหมือนหลานของผม และอาจอุทานว่า นี่เราทำอะไรลงไป