เรื่องที่รัฐบาลเลือกตั้งทำไม่ได้ แต่รัฐบาล คสช.อาจทำได้
คำกล่าวนี้กำลังจะกลายเป็นจริง ถ้า...
รัฐบาลเริ่มเก็บภาษีมรดก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ปลอบใจคนไทยว่าอย่ากังวลเรื่องปฏิรูปภาษี
เพราะยึดหลักผู้มีรายได้มากเสียภาษีมาก ผู้มีรายได้น้อยเสียภาษีน้อย
รับรองว่าผู้มีรายได้น้อยจะไม่เดือดร้อน
เริ่มมีการพูดถึงการปฏิรูประบบภาษี นับตั้งแต่ คสช.ยึดอำนาจเป็นต้นมา
มีการเสนอให้เริ่มต้นด้วยการเก็บภาษีมรดก ปรับอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ให้รัฐบาลจ่ายภาษีให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความจน
และยกเลิกการลดหย่อนภาษีที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้มีรายได้สูง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้รัฐ และลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม
แม้แต่ประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐอเมริกา ก็ยอมรับว่าความเหลื่อมล้ำ
หรือความไม่เท่าเทียมกันด้านรายได้ เป็นปัญหาสำคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน
แสดงว่าแม้แต่ประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาก็มีปัญหา
แต่สำหรับไทยเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัส
เพราะมีความเหลื่อมล้ำเป็นอันดับที่ 162 ของโลก จาก 174 ประเทศ
รายได้คนรวยคนจนห่างกันคนละฟากฟ้า
นักวิชาการเชื่อว่าภาษีมรดกจะลดความเหลื่อมล้ำได้ส่วนหนึ่ง
รวมทั้งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
เพราะประเทศไทยมีปัญหาการกระจายที่ดินไม่ทั่วถึง
และไม่เป็นธรรม คน 90% ถือครองที่ดินโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 1 ไร่
แต่คนอีก 10% ถือครองกว่า 100 ไร่
ซ้ำยังเก็บที่ดินไว้เก็งกำไรถึง 70%
ปล่อยให้รกร้างไม่ทำประโยชน์ เสียหายทั้งรัฐทั้งราษฎร์
เรื่องภาษีมรดก ภาษีที่ดิน และ “ภาษีก้าวหน้า” ทั้งหลาย
เป็นประเด็นที่พูดกันมานานหลายทศวรรษ
แผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ก็เคยเสนอให้เก็บภาษีเพื่อความเป็นธรรม
แต่รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งเมินเฉย
เพราะคณะรัฐบาลส่วนใหญ่มีฐานะระดับเศรษฐี
รัฐบาลเศรษฐีชอบแก้ปัญหาด้วยการลดแลกแจกแถมมากกว่า
แต่นโยบายลดแลกแจกแถมหรือประชานิยม
ไม่สามารถลดแม้แต่ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
โดยไม่ต้องพูดถึงการลดความเหลื่อมล้ำ
เพราะประชานิยมมุ่งหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เอาเงินภาษีไปแจกประชาชนทางอ้อม
แจกกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพรรค
การเมืองที่แจก และมีความจงรักภักดีต่อพรรคตลอดไป
แต่รัฐบาล คสช.เป็นรัฐบาลที่ไม่มีพรรค
และไม่ต้องคำนึงถึงการเลือกตั้งคราวหน้า
ถ้าหากมีความกล้าหาญทางการเมือง ก็อาจสร้างประวัติศาสตร์
ด้วยการปฏิรูประบบภาษีเพื่อความเป็นธรรมได้
ตามคำขวัญ
“ทำก่อน ทำจริง และทำทันที”
เพราะไม่ต้องห่วงว่าจะกระทบนายทุนพรรค
ไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง
หรือหม้อข้าวของเพื่อนพ้องน้องพี่.
Credit : http://www.thairath.co.th/content/451020
…………………………………………….............
บทบรรณาธิการที่โดนใจที่สุดค่ะ

ขอบคุณบรรณาธิการ น.ส.พ.ไทยรัฐ ที่เขียนบทความดีๆ มีคุณค่ากับสังคม
เมื่อบรรดาสื่อหลักเข้าใจในบทบาทและภาระหนักอึ้งของนายกรัฐมนตรี
และพากันให้กำลังใจ เพื่อให้งานของ พล.อ.ปประยุทธ์ สำเร็จสมความมุ่งหมาย
แล้วพวกเราเหล่าสมาชิกห้องการเมือง รดน.ล่ะคะ
ทำอะไรกันบ้าง...จะยื่นมือช่วยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้ปฏิบัติภารกิจนี้ให้ลุล่วง
หรือจะนิ่งดูดาย หรือหนักกว่านั้นคือเยาะเย้ยไปในที ?
<><> สิ่งที่รัฐบาลเลือกตั้งไม่ทำ <><>
คำกล่าวนี้กำลังจะกลายเป็นจริง ถ้า...
รัฐบาลเริ่มเก็บภาษีมรดก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ปลอบใจคนไทยว่าอย่ากังวลเรื่องปฏิรูปภาษี
เพราะยึดหลักผู้มีรายได้มากเสียภาษีมาก ผู้มีรายได้น้อยเสียภาษีน้อย
รับรองว่าผู้มีรายได้น้อยจะไม่เดือดร้อน
เริ่มมีการพูดถึงการปฏิรูประบบภาษี นับตั้งแต่ คสช.ยึดอำนาจเป็นต้นมา
มีการเสนอให้เริ่มต้นด้วยการเก็บภาษีมรดก ปรับอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ให้รัฐบาลจ่ายภาษีให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความจน
และยกเลิกการลดหย่อนภาษีที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้มีรายได้สูง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้รัฐ และลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม
แม้แต่ประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐอเมริกา ก็ยอมรับว่าความเหลื่อมล้ำ
หรือความไม่เท่าเทียมกันด้านรายได้ เป็นปัญหาสำคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน
แสดงว่าแม้แต่ประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาก็มีปัญหา
แต่สำหรับไทยเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัส
เพราะมีความเหลื่อมล้ำเป็นอันดับที่ 162 ของโลก จาก 174 ประเทศ
รายได้คนรวยคนจนห่างกันคนละฟากฟ้า
นักวิชาการเชื่อว่าภาษีมรดกจะลดความเหลื่อมล้ำได้ส่วนหนึ่ง
รวมทั้งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
เพราะประเทศไทยมีปัญหาการกระจายที่ดินไม่ทั่วถึง
และไม่เป็นธรรม คน 90% ถือครองที่ดินโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 1 ไร่
แต่คนอีก 10% ถือครองกว่า 100 ไร่
ซ้ำยังเก็บที่ดินไว้เก็งกำไรถึง 70%
ปล่อยให้รกร้างไม่ทำประโยชน์ เสียหายทั้งรัฐทั้งราษฎร์
เรื่องภาษีมรดก ภาษีที่ดิน และ “ภาษีก้าวหน้า” ทั้งหลาย
เป็นประเด็นที่พูดกันมานานหลายทศวรรษ
แผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ก็เคยเสนอให้เก็บภาษีเพื่อความเป็นธรรม
แต่รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งเมินเฉย
เพราะคณะรัฐบาลส่วนใหญ่มีฐานะระดับเศรษฐี
รัฐบาลเศรษฐีชอบแก้ปัญหาด้วยการลดแลกแจกแถมมากกว่า
แต่นโยบายลดแลกแจกแถมหรือประชานิยม
ไม่สามารถลดแม้แต่ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
โดยไม่ต้องพูดถึงการลดความเหลื่อมล้ำ
เพราะประชานิยมมุ่งหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เอาเงินภาษีไปแจกประชาชนทางอ้อม
แจกกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพรรค
การเมืองที่แจก และมีความจงรักภักดีต่อพรรคตลอดไป
แต่รัฐบาล คสช.เป็นรัฐบาลที่ไม่มีพรรค
และไม่ต้องคำนึงถึงการเลือกตั้งคราวหน้า
ถ้าหากมีความกล้าหาญทางการเมือง ก็อาจสร้างประวัติศาสตร์
ด้วยการปฏิรูประบบภาษีเพื่อความเป็นธรรมได้
ตามคำขวัญ “ทำก่อน ทำจริง และทำทันที”
เพราะไม่ต้องห่วงว่าจะกระทบนายทุนพรรค
ไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง
หรือหม้อข้าวของเพื่อนพ้องน้องพี่.
Credit : http://www.thairath.co.th/content/451020
…………………………………………….............
บทบรรณาธิการที่โดนใจที่สุดค่ะ
ขอบคุณบรรณาธิการ น.ส.พ.ไทยรัฐ ที่เขียนบทความดีๆ มีคุณค่ากับสังคม
เมื่อบรรดาสื่อหลักเข้าใจในบทบาทและภาระหนักอึ้งของนายกรัฐมนตรี
และพากันให้กำลังใจ เพื่อให้งานของ พล.อ.ปประยุทธ์ สำเร็จสมความมุ่งหมาย
แล้วพวกเราเหล่าสมาชิกห้องการเมือง รดน.ล่ะคะ
ทำอะไรกันบ้าง...จะยื่นมือช่วยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้ปฏิบัติภารกิจนี้ให้ลุล่วง
หรือจะนิ่งดูดาย หรือหนักกว่านั้นคือเยาะเย้ยไปในที ?