
พระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาวัดชลประทานรังสฤษดิ์ กล่าวในการเสวนา “บุญไม่เปื้อนบาป ถอนน้ำเมาจากงานบุญ” จัดโดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)
ชาวพุทธมีแบบอย่างที่ทุกคนทราบกันนั้นคือ พระพุทธเจ้า ที่ตอนออกบวชในตอนกลางคืนมีเพียงแค่ 3 ชีวิต คือ นายฉันทะ ม้า และพระองค์ ไม่มีสิ่งอื่นใดมาแอบแฝงจากนี้ เพราะการบวช คือ ลด ละ เลิก ไปสู่ทางที่ประเสริฐพบธรรม ไม่ใช่ไปหาเวรกรรม ไม่มีแบบอื่น มีเพียงแบบเดียวเท่านั้นคือแนวของพระพุทธเจ้า ที่แสวงหาบุญไม่ใช่แสวงหาบาปและได้พระธรรมคุ้มครอง เป็นผู้ฝึกปฎิบัติ ฝึกนิสัยที่ไม่ดีออกไป ดังที่ระบุว่า ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ ในหมู่มนุษย์ ผู้ฝึกตนได้แล้ว เป็นผู้ประเสริฐสุด เจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ กล่าวว่า การไปเติมเสริมพุทธศาสนา รูปแบบที่เหนือจากนั้นคือ สร้างขึ้นมาจากความคุ้นเคย สนุก กลายเป็นการรับบาป สำคัญกว่าการทำบุญ ทั้งที่บุญคือเพื่อนแท้ ซึ่งสังคมหรือ พวกเราต้องช่วยกันตักเตือน อย่าทำบุญแลกบาป แต่ต้องตั้งอยู่บนสติ วัดชลประทานฯมีแนวปฎิบัติที่ชัดเจนงานบวช โดยเน้น หลักคือ 1.ระเบียบ 2.เรียบง่าย 3.ประหยัด 4.ทำแล้วเกิดประโยชน์ และ5.ถูกต้องตามธรรมวินัยและเป็นการบวชเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม ทั้ง อุบาสก อุบาสิกา เดินตามพระพุทธเจ้า ไม่มีกิจอื่น ในวัดไม่มีดนตรี ไม่มีการเวียนโบสถ์ แต่เดินตรงเข้าโบสถ์ ไปหาพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นการสร้างความสุขใจ ปลื้มใจ และมีส่วนร่วมกัน ที่ เรียกว่า บวชแบบไม่ต้องโกนหัว ให้กับคนอื่นด้วย “นี้คือแนวทาง ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ที่เราเห็นกันในสังคม ซึ่งการบวชไม่ใช่การล้างผลาญทรัพย์ที่นำทรัพย์สิน สมบัติที่สะสมมาทั้งชีวิตมาละละลายทั้งหมดในไม่กี่นาที และไม่ใช่การบวชสะสมทุน หวังจะหากำไรจากคนที่มาร่วมงาน ได้เงิน ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำให้ตัวเองเสียหายและยิ่งห่างจากศาสนา ขณะเดียวกันก็ไม่ควร เอาการบวชมาย่ำยี ให้ตระกูลเสียหาย สังคมตกต่ำ ซึ่งจะต้องทำแล้วให้ทุกคนสบายใจ ไม่ใช่สร้างความเสียหาย สร้างบาป และสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ การไม่ให้มีอบายมุข เหล้ายาเข้าไปในงานบวช จนเหมือนปัจจุบันที่กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน ในการแห่นาค จนไม่รู้ว่าไปสวรรค์หรือนรก” เจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ กล่าว
https://www.posttoday.com/social/general/581838
เจ้าอาวาสวัดชลประทานเตือนสติชาวพุทธ
ชาวพุทธมีแบบอย่างที่ทุกคนทราบกันนั้นคือ พระพุทธเจ้า ที่ตอนออกบวชในตอนกลางคืนมีเพียงแค่ 3 ชีวิต คือ นายฉันทะ ม้า และพระองค์ ไม่มีสิ่งอื่นใดมาแอบแฝงจากนี้ เพราะการบวช คือ ลด ละ เลิก ไปสู่ทางที่ประเสริฐพบธรรม ไม่ใช่ไปหาเวรกรรม ไม่มีแบบอื่น มีเพียงแบบเดียวเท่านั้นคือแนวของพระพุทธเจ้า ที่แสวงหาบุญไม่ใช่แสวงหาบาปและได้พระธรรมคุ้มครอง เป็นผู้ฝึกปฎิบัติ ฝึกนิสัยที่ไม่ดีออกไป ดังที่ระบุว่า ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ ในหมู่มนุษย์ ผู้ฝึกตนได้แล้ว เป็นผู้ประเสริฐสุด เจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ กล่าวว่า การไปเติมเสริมพุทธศาสนา รูปแบบที่เหนือจากนั้นคือ สร้างขึ้นมาจากความคุ้นเคย สนุก กลายเป็นการรับบาป สำคัญกว่าการทำบุญ ทั้งที่บุญคือเพื่อนแท้ ซึ่งสังคมหรือ พวกเราต้องช่วยกันตักเตือน อย่าทำบุญแลกบาป แต่ต้องตั้งอยู่บนสติ วัดชลประทานฯมีแนวปฎิบัติที่ชัดเจนงานบวช โดยเน้น หลักคือ 1.ระเบียบ 2.เรียบง่าย 3.ประหยัด 4.ทำแล้วเกิดประโยชน์ และ5.ถูกต้องตามธรรมวินัยและเป็นการบวชเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม ทั้ง อุบาสก อุบาสิกา เดินตามพระพุทธเจ้า ไม่มีกิจอื่น ในวัดไม่มีดนตรี ไม่มีการเวียนโบสถ์ แต่เดินตรงเข้าโบสถ์ ไปหาพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นการสร้างความสุขใจ ปลื้มใจ และมีส่วนร่วมกัน ที่ เรียกว่า บวชแบบไม่ต้องโกนหัว ให้กับคนอื่นด้วย “นี้คือแนวทาง ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ที่เราเห็นกันในสังคม ซึ่งการบวชไม่ใช่การล้างผลาญทรัพย์ที่นำทรัพย์สิน สมบัติที่สะสมมาทั้งชีวิตมาละละลายทั้งหมดในไม่กี่นาที และไม่ใช่การบวชสะสมทุน หวังจะหากำไรจากคนที่มาร่วมงาน ได้เงิน ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำให้ตัวเองเสียหายและยิ่งห่างจากศาสนา ขณะเดียวกันก็ไม่ควร เอาการบวชมาย่ำยี ให้ตระกูลเสียหาย สังคมตกต่ำ ซึ่งจะต้องทำแล้วให้ทุกคนสบายใจ ไม่ใช่สร้างความเสียหาย สร้างบาป และสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ การไม่ให้มีอบายมุข เหล้ายาเข้าไปในงานบวช จนเหมือนปัจจุบันที่กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน ในการแห่นาค จนไม่รู้ว่าไปสวรรค์หรือนรก” เจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ กล่าว
https://www.posttoday.com/social/general/581838