แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เพิ่งหักด่าน ปารีส แซ็งต์-แชร์กแมง ทะลุผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก
ไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อด้วยชัยชนะเหนือ เปแอสเช 3-1 หลังจากเป็นฝ่ายปราชัยไปก่อนในเลกแรก 2-0
เราพาผู้อ่านย้อนอดีตกลับไปดูผลงานของทีมจาก อังกฤษ เมื่อครั้งอดีตในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเราดังนี้
7. เชลซี 4-2 บาร์เซโลนา (5-4 agg) - 2004/05

หลังจากตกเป็นฝ่ายปราชัยมาก่อนในเลกแรกที่ คัมป์นู 2-1 เชลซี หลังพิงฝาสุดๆ ในการหักด่าน บาร์เซโลนา เพื่อกรุยทางสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2004/05 แต่พวกเขาก็สามารถพิชิตทัพ อาซูลกรานา สำเร็จ
ลูกทีมของ โชเซ มูรินโญ ในเวลานั้นรัวยิง 3 ประตูรวดหลังจากเกมผ่านไปเพียง 19 นาทีจาก ไอเดอร์ กุดยอห์นเซน, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ เดเมียน ดัฟฟ์ ก่อนที่ โรนัลดินโญ จะยิงประตูตีไข่แตกจากลูกจุดโทษ ตามด้วยลูกยิงด้วยหัวเกือกหลังยึกยักหน้ากรอบเขตโทษอันลือลั่นของ เหยินน้อย ส่งผลให้ทีมจาก คาตาลัย จะผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายทันทีด้วยกฎประตูทีมเยือนหากจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
แต่แล้วก็เป็น จอห์น เทอร์รี ที่โหม่งพังประตูจากลูกเตะมุม ดับฝันทีมของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ก่อนจะหมดเวลา 14 นาที
6. อาร์เซนอลl 0-0 เรอัล มาดริด (1-0 agg) - 2005/06

ฤดูกาล 2005/06 เป็นฤดูกาลที่ อาร์เซนอล สร้างประวัติศาสตร์ทะลุเข้าชิงชนะเลิศศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว แม้จะปราชัยต่อ บาร์เซโลนา 2-1 ในนัดชิงฯ แต่หนึ่งในเกมที่สร้างความประทับใจไม่น้อยก็คือการเขี่ย เรอัล มาดริด ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
เดอะกันเนอร์ส เป็นฝ้ายเอาชนะ ราชันชุดขาว ไปได้ตั้งแต่ยกแรกที่ ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว ด้วยประตูโทนของ เธียร์รี อองรี ซึ่งยังทำให้พวกเขาเป็นทีมจาก อังกฤษ ทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารพบุกมาพิชิต โลสบลังโกส ได้ถึงถิ่น
เกมเลกที่สองจบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ ไอ้ปืนใหญ่ ฉลุยผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้
5. ลิเวอร์พูล 0-1 บาร์เซโลนา (2-2 agg) - 2006/07

ทัพหงส์แดง ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่เลกแรกที่ คัมป์นู ด้วยการเป็นฝ่ายบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับ บาร์เซโลนา ก่อน 2-1 ด้วยประตูของ เคร็ก เบลลามี และ ยอห์น อาเน รีเซ แม้จะตามหลังไปก่อนจากประตูของ เดโก้ ก็ตามที
ความพ่ายแพ้ในเลกที่ 2 ที่ แอนฟิลด์ จากประตูโทนของ ไอเดอร์ กุดยอห์นเซน จึงเพียงพอที่จะทำให้ เร้ดแมชีน ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างน่าประทับใจ
4. แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 อินเตอร์ มิลาน (2-0 agg) - 2008/09

แชมป์จาก พรีเมียร์ลีก และ กัลโช เซเรีย อา ต้องโคจรมาพบกันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2008/09
ทั้งคู่จบเลกแรกที่ มิลาน ด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ ก่อนเลกที่สองใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ฝั่ง ปีศาจแดง สามารถยัดเยียดความปราชัยให้กับลูกทีมของ โชเซ มูรินโญ ได้จากประตูของ เนมานยา วิดิช และ คริสเตียโน โรนัลโด้
3. สเปอร์ส 0-0 มิลาน (1-0 agg) - 2010/11

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สร้างประวัติศาสตร์ได้ในฤดูกาล 2010/11 ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก โดยการผ่านเข้ามาเล่นในรายการนี้เป็นครั้งแรกของสโมสร ซึ่งทำให้การได้ร่วมโม่แข้งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ สเปอร์ส ในการดวลกับ เอซี มิลาน เป็นยิ่งกว่าโบนัสสำหรับลูกทีมของ แฮร์รี เรดแนปป์
ครึ่งแรกที่น่าจดจำนอกจากจังหวะการต่อล้อต่อเถียงระหว่าง โจ จอร์แดน หนึ่งในสต๊าฟฟ์โค้ชของ ไก่เดือยทอง กับ เจนนาโร กัตตูโซ แล้วก็มีประตูของ ปีเตอร์ เคราช์ ตั้งแต่ช่วงต้นเกมที่สุดท้ายแล้วก็ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังจากผลเสมอไร้สกอร์ในเลกที่สองที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน
2. เชลซี 4-1 นาโปลี (5-4 agg. AET) - 2011/12

ความพ่ายแพ้ของ เชลซี ต่อ นาโปลี 3-1 ในเลกแรกที่ ซาน เปาโล ส่งผลให้โอกาสในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปของ สิงห์บลู เหลือเพียงน้อยนิด และมันกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของ อังเดร วิลลาส โบอาส ที่ทำให้เจ้าตัวกระเด็นออกจากตำแหน่งแทนที่ด้วย โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ
ประตูจาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา กับ จอห์น เทอร์รี ทำให้ สิงห์บลู กุมความได้เปรียบไว้ได้ก่อนในเลกที่สองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนที่ โกคาน อินเลอร์ จะยิงประตูตีไข่แตกในเวลาต่อมาและทัพ อัซซูรา จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปโดยทันหากจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
แต่แล้ว แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็มาซัดจุดโทษก่อนหมดเวลาเพียง 15 นาที ทำให้สกอร์รวมกลับมาเท่ากันอีกครั้ง และต้องต่อเวลาพิเศษ ท้ายที่สุดเป็น บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่มายิงประตูชัยให้กับทีม ก่อนที่พวกเขาจะกรุยทางคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
1. เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 เซบียา (3-2 agg) - 2016/17

เป็นฤดูกาลแรกของพลพรรค จิ้งจอกสีน้ำเงิน บนเวที ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก หลังจากคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ในซีซัน 2015/16 พวกเขากรุยทางมาสู่รอบน็อคเอาท์สำเร็จทว่าโอกาสในการผ่านเข้ารอบกลับไม่สดใสนักเมื่อพ่ายต่อ เซบียา มาก่อน 2-1 ในเลกแรก และเกมดังกล่าวกลายเป็นนัดสุดท้ายของ เคลาดิโอ รานิเอรี กับทีม
อย่างไรก็ตาม เคร็ก เช็คสเปียร์ ที่ทำหน้าคุมทัพแทน รานิเอรี กลับหักด่านทีมจาก สเปน ลงได้ในเกมเลกที่สองที่ คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม ด้วยประตูจาก เวส มอร์แกน และ มาร์ค อัลไบรท์ตัน
credit : www.90min.com/th
ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีม ย้อนรอย 7 ผลงานทีมจากแดนผู้ดีที่น่าประทับใจในอดีต
เราพาผู้อ่านย้อนอดีตกลับไปดูผลงานของทีมจาก อังกฤษ เมื่อครั้งอดีตในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเราดังนี้
7. เชลซี 4-2 บาร์เซโลนา (5-4 agg) - 2004/05
หลังจากตกเป็นฝ่ายปราชัยมาก่อนในเลกแรกที่ คัมป์นู 2-1 เชลซี หลังพิงฝาสุดๆ ในการหักด่าน บาร์เซโลนา เพื่อกรุยทางสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2004/05 แต่พวกเขาก็สามารถพิชิตทัพ อาซูลกรานา สำเร็จ
ลูกทีมของ โชเซ มูรินโญ ในเวลานั้นรัวยิง 3 ประตูรวดหลังจากเกมผ่านไปเพียง 19 นาทีจาก ไอเดอร์ กุดยอห์นเซน, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ เดเมียน ดัฟฟ์ ก่อนที่ โรนัลดินโญ จะยิงประตูตีไข่แตกจากลูกจุดโทษ ตามด้วยลูกยิงด้วยหัวเกือกหลังยึกยักหน้ากรอบเขตโทษอันลือลั่นของ เหยินน้อย ส่งผลให้ทีมจาก คาตาลัย จะผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายทันทีด้วยกฎประตูทีมเยือนหากจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
แต่แล้วก็เป็น จอห์น เทอร์รี ที่โหม่งพังประตูจากลูกเตะมุม ดับฝันทีมของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ก่อนจะหมดเวลา 14 นาที
6. อาร์เซนอลl 0-0 เรอัล มาดริด (1-0 agg) - 2005/06
ฤดูกาล 2005/06 เป็นฤดูกาลที่ อาร์เซนอล สร้างประวัติศาสตร์ทะลุเข้าชิงชนะเลิศศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว แม้จะปราชัยต่อ บาร์เซโลนา 2-1 ในนัดชิงฯ แต่หนึ่งในเกมที่สร้างความประทับใจไม่น้อยก็คือการเขี่ย เรอัล มาดริด ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
เดอะกันเนอร์ส เป็นฝ้ายเอาชนะ ราชันชุดขาว ไปได้ตั้งแต่ยกแรกที่ ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว ด้วยประตูโทนของ เธียร์รี อองรี ซึ่งยังทำให้พวกเขาเป็นทีมจาก อังกฤษ ทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารพบุกมาพิชิต โลสบลังโกส ได้ถึงถิ่น
เกมเลกที่สองจบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ ไอ้ปืนใหญ่ ฉลุยผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้
5. ลิเวอร์พูล 0-1 บาร์เซโลนา (2-2 agg) - 2006/07
ทัพหงส์แดง ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่เลกแรกที่ คัมป์นู ด้วยการเป็นฝ่ายบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับ บาร์เซโลนา ก่อน 2-1 ด้วยประตูของ เคร็ก เบลลามี และ ยอห์น อาเน รีเซ แม้จะตามหลังไปก่อนจากประตูของ เดโก้ ก็ตามที
ความพ่ายแพ้ในเลกที่ 2 ที่ แอนฟิลด์ จากประตูโทนของ ไอเดอร์ กุดยอห์นเซน จึงเพียงพอที่จะทำให้ เร้ดแมชีน ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างน่าประทับใจ
4. แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 อินเตอร์ มิลาน (2-0 agg) - 2008/09
แชมป์จาก พรีเมียร์ลีก และ กัลโช เซเรีย อา ต้องโคจรมาพบกันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2008/09
ทั้งคู่จบเลกแรกที่ มิลาน ด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ ก่อนเลกที่สองใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ฝั่ง ปีศาจแดง สามารถยัดเยียดความปราชัยให้กับลูกทีมของ โชเซ มูรินโญ ได้จากประตูของ เนมานยา วิดิช และ คริสเตียโน โรนัลโด้
3. สเปอร์ส 0-0 มิลาน (1-0 agg) - 2010/11
ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สร้างประวัติศาสตร์ได้ในฤดูกาล 2010/11 ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก โดยการผ่านเข้ามาเล่นในรายการนี้เป็นครั้งแรกของสโมสร ซึ่งทำให้การได้ร่วมโม่แข้งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ สเปอร์ส ในการดวลกับ เอซี มิลาน เป็นยิ่งกว่าโบนัสสำหรับลูกทีมของ แฮร์รี เรดแนปป์
ครึ่งแรกที่น่าจดจำนอกจากจังหวะการต่อล้อต่อเถียงระหว่าง โจ จอร์แดน หนึ่งในสต๊าฟฟ์โค้ชของ ไก่เดือยทอง กับ เจนนาโร กัตตูโซ แล้วก็มีประตูของ ปีเตอร์ เคราช์ ตั้งแต่ช่วงต้นเกมที่สุดท้ายแล้วก็ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังจากผลเสมอไร้สกอร์ในเลกที่สองที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน
2. เชลซี 4-1 นาโปลี (5-4 agg. AET) - 2011/12
ความพ่ายแพ้ของ เชลซี ต่อ นาโปลี 3-1 ในเลกแรกที่ ซาน เปาโล ส่งผลให้โอกาสในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปของ สิงห์บลู เหลือเพียงน้อยนิด และมันกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของ อังเดร วิลลาส โบอาส ที่ทำให้เจ้าตัวกระเด็นออกจากตำแหน่งแทนที่ด้วย โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ
ประตูจาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา กับ จอห์น เทอร์รี ทำให้ สิงห์บลู กุมความได้เปรียบไว้ได้ก่อนในเลกที่สองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนที่ โกคาน อินเลอร์ จะยิงประตูตีไข่แตกในเวลาต่อมาและทัพ อัซซูรา จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปโดยทันหากจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
แต่แล้ว แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็มาซัดจุดโทษก่อนหมดเวลาเพียง 15 นาที ทำให้สกอร์รวมกลับมาเท่ากันอีกครั้ง และต้องต่อเวลาพิเศษ ท้ายที่สุดเป็น บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่มายิงประตูชัยให้กับทีม ก่อนที่พวกเขาจะกรุยทางคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
1. เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 เซบียา (3-2 agg) - 2016/17
เป็นฤดูกาลแรกของพลพรรค จิ้งจอกสีน้ำเงิน บนเวที ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก หลังจากคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ในซีซัน 2015/16 พวกเขากรุยทางมาสู่รอบน็อคเอาท์สำเร็จทว่าโอกาสในการผ่านเข้ารอบกลับไม่สดใสนักเมื่อพ่ายต่อ เซบียา มาก่อน 2-1 ในเลกแรก และเกมดังกล่าวกลายเป็นนัดสุดท้ายของ เคลาดิโอ รานิเอรี กับทีม
อย่างไรก็ตาม เคร็ก เช็คสเปียร์ ที่ทำหน้าคุมทัพแทน รานิเอรี กลับหักด่านทีมจาก สเปน ลงได้ในเกมเลกที่สองที่ คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม ด้วยประตูจาก เวส มอร์แกน และ มาร์ค อัลไบรท์ตัน
credit : www.90min.com/th