ทำยังไงดีเปิดกิจการมาได้ 3 เดือน มีลูกค้าแค่ 2 คน

เพื่อนๆคะ ใครพอจะมีไอเดียเรื่องการโปรโมทธุรกิจบ้างคะ จะว่าธุรกิจก็ไม่ใช่นะคะ เพราะไอ้ที่ตั้งใจทำน่ะค่ะมันไม่ได้มุ่งหวังว่าต้องได้กำไรมาก แต่มันก็ไม่ใช่ของที่จะทำฟรีเพราะเราก็แค่ชาวบ้านคนหนึ่งที่ตั้งใจทำธุรกิจเพื่อสังคมแต่ทุกอย่างมันมีค่าใช้จ่าย ปัญหาคือมันลงทุนไปแล้วประมาณนึงแต่ไม่มีคนมาเที่ยวเลย หลายคนก็บอกให้ทำแผ่นพับแจกตามสถานที่ท่องเที่ยว เราก็คิดแล้วนะคะว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายเราน่าจะเป็นคนไทยมากกว่าหรือเปล่า หรือเป็นกลุ่มคนต่างชาติแบบที่เราตั้งใจไว้ตอนแรก ขนาดลงทุนไปเรียนเพื่อให้ได้บัตรไกด์เลยนะคะ ลงทุนจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวด้วยแต่คงจะมาผิดทางหรือเปล่าก็ไม่รู้ เราเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้าน social network อะไรแบบนี้ด้วยอะค่ะเพราะเราเป็นคนสันโดษและเก็บตัวชอบอยู่กับต้นไม้และที่เงียบๆ มันก็เลยตามโลกไม่ค่อยทันอะค่ะ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว ค่อนข้างมืดแปดด้าน จดทะเบียนมาได้ 3 เดือนมีลูกค้าแค่ 2 คนเอง หรือว่าสวนของเราหรือสถานที่ของเราไม่สวยอะคะ เราอาจชอบที่สงบๆก็ได้ก็เลยคิดว่ามันสวย มันยังไม่100% แต่อยากให้มีลูกค้ามาบ้างจะได้ลองผิดลองถูกแต่นี่ไม่มีลูกค้าหรือคนติดต่อมาเลย.. เพื่อนๆ  คิดว่าเราควรจะไปต่อหรือล้มเลิกความฝันดีคะ นี่ก็พิมพ์ไปร้องไห้ไปนะ...ท้อเหลือเกิน...ทำยังไงจะให้คนมาเที่ยวสวนเราอะคะ?!! เดี๋ยวจะเล่าที่มาที่ไปให้ฟังนะคะ

1.ตอนแรกเราตั้งชื่อสวนภัสสรแต่มันโหลมากแล้วก็เปลี่ยนเป็นชื่อ"สวนแม่ณี"ตามชื่อแม่เรา เพราะกิจการนี้เราตั้งใจทำเพื่อระลึกถึงแม่ของเรา

เราก็คิดมากนะว่าเราทำให้แม่เราเหนื่อยหรือเปล่า เค้าลำบากมากกว่าเดิมเพราะต้องช่วยเราคิด concept สวนแถมแม่ยังลงมือทำเองเกือบทุกอย่าง เราทำให้แม่เหนื่อยไปไหม.. แต่ตั้งแต่พ่อเสียไปแม่ก็ไม่เหงาเลยเพราะยุ่งอยู่กับการช่วยเราทำสวนนี้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวนี่แหละ

2.ป้ายชื่อสวน เพื่อนสนิทเราที่เป็นdoctorมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ด่าเราและดูถูกเราว่า concept ของเราไม่มีทาง work หุ่นไล่กานี่มันบ้านนอกไปหรือเปล่า เราก็ไม่ได้คิดว่ามันจะต้อยต่ำขนาดนี้ เราก็แค่อยากให้สวนเราแปลกไม่เหมือนใคร เราไม่กล้าคุยกับเพื่อนสนิทของเราเพราะทุกครั้งที่เราคุยกับมัน มันทำให้เราเครียดและท้อยิ่งขึ้นจนไม่อยากไปต่อ เราไม่ค่อยมีเพื่อน มีเพื่อนสนิทแค่คนเดียวแต่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะคุยกับใครแล้ว TT
3.สวนเราอยู่บนเขา มีแม่น้ำสายเล็กๆไหลผ่านตรงกลางฝนเหมือนน้ำตกเล็กๆ กลางสวนหลายจุด ฝั่งด้านขวาเป็นสวนของแม่ซึ่งปลูกผลไม้อยู่แล้ว เช่น เงาะ ลำไย ส้มโอ ฯลฯ  โทรศัพท์มีสัญญาณเต็มทุกคลื่นแต่สวนเราไม่มีไฟฟ้าค่ะ ตอนนี้ทำทางลาดปูนขึ้นเขาเสร็จแล้ว (เขาเรียกทางแม้ว)

ก่อนทำ พอฝนตกก็ขึ้นเขาไม่ได้เลย ทางดินนี่เป็นโคลนหมด
หลังทำ.. ปีที่แล้วญาติจากนครปฐมมาสงกรานต์เชียงใหม่แวะมาสวนก็ให้เราเอาไฟฟ้าเข้า เราไม่ชอบอะ อยากให้เป็นธรรมชาติก็เลยไม่ทำ

ฝั่งซ้ายน้ำตกครึ่งหนึ่งเป็นที่ของอีกเจ้านึง ส่วนฝั่งขวาที่มีดอกไม้คือที่ของเรา


ฝั่งซ้ายเราซื้อที่ต่อมากจากชาวบ้านเพราะลุงแก่มากแถมป่วยจนทำไม่ไหว ลูกชายวัยรุ่นของแกก็มาติดคุกเพราะยาบ้า หลานชายหลานสาวเราก็เสียอนาคตเพราะยาบ้าเหมือนกัน เราอยากทำให้ชาวบ้านแถบนี้มีรายได้จากนักท่องเที่ยว เราว่าจะเปิดสวนเป็นลานกางเต้นท์ โชว์ดำนา โชว์ทำอาหารพื้นเมือง ที่ทำจากผักในสวนของเราเอง แล้วให้ชาวบ้านแต่ละหลังคาเรือนมาทำอาหารให้แต่ละ Group และให้ชาวบ้านสามารถเอาของในสวนตนเองหรือสินค้าโอท็อปมาขาย ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ให้ทุกครัวเรือนและลดปัญหาการกลับไปทำกระทำผิดในระยะยาวได้ แถมยังได้อนุรักษ์พันธ์ุผักและอาหารพื้นบ้านเพราะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยชอบกิน ที่ที่เราซื้ออะมีการรุกป่าเพื่อทำสวนลำไยเราดีใจที่ทำให้หยุดการรุกป่าได้ หลังสวนเราจึงมีของป่าเต็มไปหมด เราจะไม่ตัดต้นไม้เพิ่มแม้แต่ต้นเดียว
ปรับที่จากนาขั้นบันไดเป็นลานกางเต้นท์ วาดฝันไว้ว่าหน้าหนาวถ้าคนกางเต้นท์กันทุกชั้นคงจะสวยมาก แต่ฝันสลายทำมาตั้งนานมีแขกมาเที่ยวสวนแค่ 2 คนเองค่ะ..เฮ้อเครียด


4.ตอนแรกเราทำประชาคมชาวบ้านแล้ว มีหลายครอบครัวอยากเข้าร่วม เราติดเรียนป.โทช่วงนั้นใกล้จบแล้ว เลยทิ้งสวนไปเรียนก่อน ตอนนี้จบมช.แล้วก็เลยมาเริ่มทำสวนใหม่จดทะเบียนทัวร์ได้ 3 เดือนแล้ว...เงียบ


5. วันนั้นบริษัททัวร์ส่งลูกค้าชาวมาเลเซียมา 2 คนหลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อมาอีกเลย เราคงจะพลาดอะไรสักอย่าง..แต่ถามลูกค้าๆก็ชอบมาก ซื้อขนมกลับไปกินด้วย อยากนอนต่อที่สวนจนไกด์ต้องลากกลับบอกว่าหมดเวลาแล้ว (เรารับลูกค้าต่อมาจากบริษัททัวร์อื่นอีกที ถ้ากินบุฟเฟต์ผลไม้อย่างเดียว 399 บาทกินได้ 2 ชั่วโมง)

เราไปดูแลลูกค้าเองทั้งที่เป็นหวัด..หลังจากที่รับลูกค้ากรุ๊ปแรกเราก็ป่วยหนักเลย ตอนนี้ยังไม่หาย


5.เราลองคำนวณค่าใช้จ่ายดูจุดคุ้มทุนน่าจะอยู่ประมาณที่ 2,000 บาทต่อกรุ๊ปหรือเปล่าช่วยดูหน่อยนะคะ เราไม่เก่งเลขเลย...ไม่เคยทำธุรกิจด้วย

ต้นทุนค่าคนงานต่อครั้ง
1.ต่าย                     จัดเตรียมอาหาร/เสิร์ฟ/ดูแลลูกค้า                            300
2.พี่หน้อย                เก็บผลไม้/ผัก                                                        300
3.น้าแตง                  ทำอาหาร/น้ำผลไม้/น้ำสมุนไพร                              300
4.น้าเษม                  ยกโต๊ะเก้าอี้/จัดสถานที่/ตกแต่งสถานที่                    300
5.อ้ายแสง                ยกโต๊ะเก้าอี้/จัดสถานที่/ตกแต่งสถานที่                    300
รวม 1,500 บาท
ยังไม่รวมค่าผัก ผลไม้สวนตัวเอง ค่าเครื่องปรุงสำหรับทำอาหาร ค่าดอกไม้ตกแต่งสถานที่ครั้งนี้ ค่าคนงานดูแลสวนก่อนหน้านี้ ค่าเมล็ดพันธ์ ฯลฯ

6.ปัจจุบันนี้ผักหลายอย่างกินได้แล้ว ผักบางอย่างกำลังโต เรากะจะให้มีผักหลายชนิดตลอดทั้งปี ชาวบ้านจะได้มีรายได้ ถ้าหน้าฝนผักจะมีหลายชนิดกว่านี้ แถมผลไม้ทุกอย่างก็พร้อมใจกันออกหน้าฝนหมด มี.ค.เม.ย.หน้าร้อนนี้ไม่ค่อยมีผลไม้อะไรแต่ผักปลอดสารพิษมีตลอดปี พร้อมทำอาหารให้ทานกันแต่ไม่มีใครกล้ามาเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้วTT  ถ้ามาก็ยังพอลองผิดลองถูกปรับนั่นปรับนี่ไปได้บ้างแต่นี่มันเงียบจริงๆเลยค่ะ
ใบไม้ที่ใช้ทำฝาผนังคือใบไม้ชนิดเดียวกันกับที่ใช้ทำหลังคา ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เรียกว่าใบตองตึง ใบไม้ชนิดนี้เหนียวและทนทาน แต่มีกรรมวิธีการผลิตเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เรากะว่าจะทำทัวร์ให้คนมาหัดทำ มาสานหลังคาตองตึงดู แต่ดูเหมือนว่าความฝันจะเลือนลางเหลือเกิน จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้ายังไงดี ใครจะชอบเที่ยวแบบนี้นะ เราก็ว่ามันสวยดีนะ แต่เพื่อนๆ อาจเห็นต่างก็ได้ ขอรับฟังทุกคำชี้แนะค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่