วันนี้ศาลได้เบิกตัว นายสนธิ และแกนนำ พธม. 5 คนที่ถูกคุมขังคดีบุกทำเนียบรัฐบาล มาจากเรือนจำ ส่วนแกนนำ-แนวร่วมที่ได้ประกันตัวก็เดินทางมาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา ขณะที่ผู้ร่วมชุมนุมกว่า 50 คน ก็เดินทางมาให้กำลังใจล้นห้องพิจารณา
ขณะที่ศาลพิจารณาพยานหลักฐานโจทก์-จำเลย นำสิบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า ระหว่างการชุมนุมพลตรีจำลองศรีเมือง และจำเลยที่ 1-21 ได้ประกาศตลอดเวลาห้ามผู้ชุมนุมนำอาวุธ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในพื้นที่การชุมนุม ขณะที่ พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ราย ซึ่งได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มาสืบสวนหาข่าว ดูแลความปลอดภัยบริเวณชุมนุม ได้เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยไปในทิศทางเดียวกันว่า ระหว่างการชุมนุมบริเวณสภาตั้งแต่ 5 ตุลาคม จนถึงช่วงเช้า 7 ตุลาคม ไม่พบว่ามีผู้ชุมนุมรายใดเข้าไปในอาคารรัฐสภาและทำลายทรัพย์สิน แต่การชุมนุมนั้นเป็นไปโดยสงบภายใต้เจตนาการคัดค้านการแถลงนโยบายรัฐบาล
ซึ่งการนำสืบยังฟังได้ว่า การชุมนุมของพธม. ในครั้งนี้ การปราศรัยเป็นเพียงการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อว่ารัฐบาลของนายสมัครและนายสมชาย เป็นหุ่นเชิดของนายทักษิณ และยุคของนายสมัครยังได้เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 237, 309 เพื่อช่วยเหลือให้นายทักษิณพ้นจากการตรวจสอบคดีทุจริต 13 โครงการโดย คตส. และเพื่อช่วยเหลือให้พรรคพลังประชาชนพ้นจากคดียุบพรรค
จึงฟังได้ว่า การชุมนุมดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตรเป็นไปโดยสงบตามสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ซึ่งประชาชนในฐานะเจ้าของประชาธิปไตยได้ร่วมตรวจสอบนักการเมืองโดยแกนนำได้นำข้อมูลข้อเท็จจริงนั้นมาสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งคดีเหล่านั้นมีบทพิสูจน์แล้วจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น คดีซื้อที่ดินรัชดาฯ และศาลรัฐธรรมนูญ
โดยความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาระงับการชุมนุมที่เป็นไปอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่กลุ่มผู้ชุมนุมคาดหมายและเตรียมตัวได้ทัน ซึ่งเป็นปกติธรรมดาที่เมื่อผู้ชุมนุมอยู่ในสถานการณ์ตรงหน้าที่มีความกดดันและเห็นมีเพื่อนผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บก็จึงได้วิ่งหลบหนีและบางส่วนก็อาจจะตอบโต้ซึ่งเป็นกรณีเฉพาะรายไม่ใช่เกิดจากกรณีที่จำเลยได้ปลุกปั่นหรือยุยง การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องทั้ง 5 ข้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจำเลยทั้ง 21 คน ประกอบด้วย
1. นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.
2. นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.
3. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.
4. นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อายุ 65 ปีเศษ อดีต ส.ว.สกลนคร และอดีตแกนนำพธม.รุ่น 2
5. นายประพันธ์ คูณมี อายุ 61 ปีเศษ อดีต สนช.
6. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.
7. นายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปีเศษ อดีตผู้ประสานงาน พธม.
8. นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือนายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี อายุ 58 ปีเศษ แนวร่วม พธม.
9. นายสำราญ รอดเพชร อายุ 60 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม. รุ่นที่ 2
10. นายศิริชัย ไม้งาม อายุ 57 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม. รุ่นที่ 2
11. นายสาวิทย์ แก้วหวาน อายุ 56 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.รุ่นที่ 2
12. นายพิชิต ไชยมงคล อายุ 37 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
13. นายอำนาจ พละมี อายุ 52 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
14. นายกิตติชัย ใสสะอาด อายุ 53 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
15. นายประยุทธ วีระกิตติ อายุ 63 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
16. นายสุชาติ ศรีสังข์ อายุ 58 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
17. นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อายุ 61 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
18. นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี อายุ 59 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
19. น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก อายุ 53 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
20. นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 อายุ 64 ปีเศษ
21. นายวีระ สมความคิด อายุ 61 ปีเศษ นักสิทธิมนุษยชน
ฟ้ามีตา คนไม่ได้ทำความผิด ย่อมไม่ผิด ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
ศาลยกฟ้องแกนนำ พธม.รวม 21คน คดีปิดสภาฯ ชี้ชุมนุมตามสิทธิใน รธน.