[SR] รีวิว ครบรอบ 1 ปี จากคนอกหักสู่การถ่ายรูปคนรักกัน !?

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิพทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิวไม่สิ เรียกว่ามาเล่าสู่กันฟังดีกว่า เนื่องจากช่วงนี้ (แต่จริงๆก็ทุกช่วงละนะ) เห็นเพื่อนในเฟสบุ้คหรือแม้กระทั่งในพันทิพโพสเกี่ยวกับอาการอกหัก จะบอกว่าอกหักไม่ใช่เรื่องใหญ่มั้ย มันก็ไม่เชิงนะ บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก (ไม่เกี่ยวกับอกเล็กนะ อันนั้นแก้ได้ถ้าแม่ให้มา .. ให้มาสัก 5 หมื่น !) ... กริบ
แต่เรื่องเล็กของคนแต่ละคนมันต่างกันครับ เล็กของเราอาจจะใหญ่ของเค้าก็ได้ ..... เพียงแต่อยากจะบอกว่า เศร้าได้แต่อย่าให้อกหักมันเป็นทุกอย่างของชีวิต (เพราะอกไม่ชิดยังแก้ได้ด้วย ยัง ! ไม่ขายของสิ)  เพราะบางที ชีวิตอาจจะมีเรื่องดีๆซ่อนอยู่ก็ได้ครับ

เอาล่ะนอกเรื่องกันไปเยอะ (มาก) เริ่มมากจากเมื่อสองปีก่อน ผมได้ถูกเทคว่ำมาเรียกได้ว่าเสียสูญกันพอสมควร ทริปที่จองไว้ว่าจะไปญี่ปุ่นด้วยกัน ก็เหลือเพียงฉันคนเดียว ...  แต่ก็ไม่เป็นไร อยู่ไทยไปก็เศร้าอยู่ดี ว่าแล้วก็เลยบินไปเที่ยวคนเดียวซะเลย เริ่มแรกจากเป้ใบนึง และกล้องอีกตัว ไปก็ไม่มีแพลน ไม่รู้จะไปไหน จะทำอะไร แต่ว่าโลกตอนนั้นมันไม่ค่อยสดใสเท่าไร เวลามองคนรอบๆเค้ายิ้ม เค้ารักกัน เราก็แค่คิดว่ามันคงดีนะ ถ้าเราสามารถหยุดเวลาที่มันแฮปปี้ๆแบบนี้ได้ ไม่มีใครรู้เลยว่าวันพรุ่งนี้มันจะยังดีอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า ผมเคยอ่านหนังสือเค้าบอกว่า การถ่ายรูปคือการหยุดช่วงเวลานั้นไว้ตลอดไป ผมก็เลยหยิบกล้องมาแล้วก็ถ่ายรูปโมเม้นของคนอื่นๆไว้ เรียกได้ว่าถ่ายไปเรื่อย ความท้าทายก็คือ ผมจะถ่ายโดยที่เน้นความเป็นธรรมชาติไม่มีการเตี๊ยม เรียกได้ว่าโมเม้นแบบนี้อาจมีครั้งเดียวในชีวิต (มาตอนหลังถึงรู้ว่า เค้าเรียกการถ่ายแบบนี้ว่า การถ่ายภาพแนวสตรีท) ผมเดินถ่ายไปเรื่อย เวลาผ่านไป 7 วัน 7วันจริงๆ ที่ผมโฟกัสอยู่กับสิ่งอื่น ความรู้สึกคนอื่น จนลืมคิดถึงเรื่องตัวเอง ปรากฏ ...

อ่าวเห่ย กุมานี่เพราะอกหักนี่หว่า แล้วไหงทำไมไม่เศร้าแล้ววะ !? คำว่าเวลาจะช่วยมันมีอยู่จริงครับ แต่เวลาจะช่วยอะไรไม่ได้ถ้าเราไม่ช่วยตัวเราเองด้วย ที่ว่านี้ก็คือเราต้องพยายามไม่ไปคิดถึง ไม่โฟกัส ไม่อาลัยอาวร ไม่ส่องเฟส  รู้ครับว่ามันยาก แต่ยิ่งทำได้มากเท่าไรเราก็จะยิ่งหายเร็วเท่านั้น รักคนที่เค้าไม่รักเราได้แต่เราก็ต้องรักตัวเองให้มากกว่า รู้ตัวอีกทีตอนนั้นหลังจากที่ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยไปมาผมก็หายดี เรียกได้ว่า 80% เลย พอกลับมานั่งดูรูปในมือถือก็แบบ เวลาเห็นคนเค้าแฮปปี้กันมันก็ดีนี่หว่า เราก็แอบอินไปด้วยเบาๆ ว่าแล้วก็เลยคิดว่า หรือเราลองมาเก็บบรรยากาศช่วงโมเมนท์ของคนรักกันดูดี แต่อยากเก็บแบบที่เป็นตัวเค้าจริงๆ ก็เลยเป็นที่มาของการลองถ่ายพรีเวดดิ้งแบบสตรีท เรียกได้ว่าเอาความสุขของตัวเราเองในการเก็บภาพ บวกกับความสุขของคนที่ตั้งใจจะรักกันไปอีกนานๆ

ว่าแล้วไปลองชมผลงานกันดีกว่า ว่าตั้งแต่ถ่ายรูปสตรีทเล่นๆจนถึงตอนนี้ อกหักครั้งนั้นพาผมมาไกลได้แค่ไหน (อันนี้จะคัดมาเป็นช่วงๆ อย่างละนิดนะครับ ผลงานเต็มๆติดตามได้ในเพจเน้อ เดี๋ยวทิ้งลิ้งค์ไว้ให้ครับ) โดยคอนเซปของการถ่ายโดยส่วนมากจะใช้สถานที่สาธารณะทั่วไป เพราะได้ภาพได้ภาพที่แปลกตา มีเรื่องราว และไม่ซ้ำใครครับ

เริ่มกันเลย

จำได้แม่นเลย นั่งน้ำตาคลอกินสตาบัคอยู่ตอนรอขึ้นเครื่อง

ถ่ายไปเรื่อยเปื่อยครับ เคยเรียนมาบ้างตอนมหาลัย สังเกตุได้ว่าภาพมันก็จะหงอยๆเศร้าๆหน่อย

เริ่มเห็นโมเม้นดีๆของคนครับ


อันนี้เรียกว่าเป็นรูปคู่ (ของคนอื่น) รูปแรกที่ผมถ่ายเลยก็ว่าได้ครับ
พอกลับมาได้ไม่เท่าไร ก็ลองเลยครับ โดยไปขอเค้าถ่าย (แรกๆต้องไปขอเค้าถ่ายนะครับ ฮา) ต้องขอบคุณเจ้าบ่ายสาวด้วยครับ ที่ยอมมาลองให้ถ่ายทั้งๆที่ไม่เคยมีผลงานอะไรเลย เรียกว่าหนูลองยาก็ได้ 55

ตอนช่วงแรกก็ยังติดการถ่ายภาพสีหม่นๆอยู่บ้าง ยังเอาแต่ใจครับ ถ่ายตามใจ 555


ชอบขอถ่ายแต่เย็นๆถึงกลางคืน คิดว่าอยากลองทำอะไรแนวๆดู
พอเริ่มเป็นผู้เป็นคน ก็เลยลองมาถ่ายแสงธรรมชาติกลางวันบ้าง เออ ก็เวิร์คแฮะ
(ขออภัยคู่แรกๆด้วยนะครับ มาถ่ายเล่นกันใหม่ได้นะครับ อย่าแต่งใหม่เลย 55)

มัน : ‘ ๆกุจะแต่งงาน ถ่ายรูปให้หน่อย เดี๋ยวหาคนให้คุย แต่ต้องถ่ายกลางวันนะ ‘  เลยเป็นที่มาของภาพเซ็ทนี้ อาจจะเคยเห็นผ่านตากันบ้างแล้ว

ถ่ายมาถึงจุดไหน ก็ฉุกคิดตอนถ่ายคู่นี้ละครับ !! เป็นสะพานย่านพระราม 7 ต้องเดินข้ามสะพานไปโดยผ่านไม้รองรถไฟเป็นซี่ๆ สูงก็สูง กลัวความสูงอีกตะหาก ตอนเดินข้ามนี่มองลงไปแล้วคิดเลยครับ ตรูมาทำไรอยู่ที่นี่ มาถึงจุดนี้ได้ยังไง เพราะอกหักตอนนั้นแท้ๆ เดินไปมือก็สั่น ขาก็สั่นไป คิดแล้วก็ตลกตัวเองอยู่ครับ ที่ตลกกว่าคือเดินไปอีกนิดมีบันไดขึ้นมาครับ ไม่ต้องเสี่ยงตายข้ามไม้มา


อันนี้ล่าสุดครับ น่ารักมากๆเป็นคุณครูทั้งสองท่านเลย สถานที่ก็ชิลๆครับ โรงเรียนที่ทำงานนั่นเอง


ซึ่งหลังจากถ่ายเสร็จผมกตัดสินใจมาตั้งกระทู้นี้นี่ละครับ จากการอกหักครั้งนั้น มันก็ให้อะไรผมมากมายเหลือเกิน จากที่คิดว่าจะต้องทำใจไม่ได้ มาจนตอนนี้ยังรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ ว่าถ้าไม่ทิ้งตรูวันนั้น ก็คงมาไม่ถึงวันนี้ (ฮาหรือฮือดี 55 ) ฝากไว้นะครับใครที่ช่วงชีวิตกำลังแย่ อย่าคิดว่ามันจะดีขึ้นไม่ได้ อย่าคิดว่ามันจะไม่มีวันหาย เพียงแต่เรายังไปไม่ถึงจุดนั้นครับ พยายามอีกนิด อดทนอีกหน่อย แล้วมันจะผ่านไปครับ : )

ภาพอื่นๆติดตามได้ในเพจ https://www.facebook.com/minestudio17 นะครับ
ชื่อสินค้า:   พรีเวดดิ้ง
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่