ไดอารี่:ขอระบายเรื่องรักของผมกับกะเทย: ผมเห็นว่ากระทู้พันทิพย์จะอยู่กับเราไปอีกยาวนาน

สวัสดีครับต้องขอพูดเลยผมอยากจะเขียนไดอารี่  อยากพูดคุยและอยากเห็นความคิดคนที่ไม่รู้จัก  เพราะว่าผมไม่สามารถเอาเรื่องนี้ไปพูดกับใครคนใดได้เลยครับ และผมอยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้ยาวนานและผมค่อนข้างจะมั่นใจว่ามันจะเป็นรักที่คิดว่าดีที่สุดและคงเป็นรักสุดท้ายในชีวิตผมแล้ว ช่วงเวลาที่พิมพ์นี้ในใจมันสั่นไหวและไม่ค่อยไหวเลยครับ แต่อยากจะขอเล่าความจริงทั้งหมด และผมอยากให้มันเตือนผมไปตลอดเวลา มันอาจจะเขียนโดยตรงจากความรู้สึก มันออกจะอ่านยากอยู่แต่อยากให้ทุกคนได้รับฟังคำระบายของผม  ที่ไม่สามารถบอกใครได้เลยครับผม  ผมขอเล่าเลยนะครับ

ผมเองมีความรักก็ผ่านมานานแล้วก็ไม่เคยคบสาวประเภทสองหรอกครับ แต่เพื่อนตั้งแต่เด็ก ญาติพี่น้องจนไปถึงเจ้านายที่ทำงานก็เป็นกะเทยค่อนข้างเยอะครับ ผมไม่เคยรังเกียจเพศนี้เลย ตัวผมเองก็เคยผิดหวังกับคนที่รักครับ รักผู้หญิงผมก็ไม่ได้ชอบใครที่หน้าตาเลย ตั้งแต่เด็กแล้วครับ  ผมก็ไม่เคยคบใครที่หน้าตาและเลือกคุยกับคนที่คลิ๊กหรือเข้ากันได้ แต่ก็ต้องผิดหวังครับ  แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายเพราะไม่ได้พยายามหรือจะเข้าใจมันสักเท่าไหร่ครับ  แต่ก็เคยเสียใจมากจนพ่อแม่เป็นห่วงเหมือนกัน นั่นคงทำให้พ่อแม่หวาดระแวงการมีความรักของผมแล้วละครับ ผมก็ทำตัวดีตลอด ผมเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้รวยครับตัวผมเองจึงเป็นความหวังและทุกอย่างของบ้าน พ่อแม่ค่อนข้างจะหวงมากครับ เขาคาดหวังกับตัวผมไว้มาก และผมก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง  แล้ววันหนึ่งผมรู้สึกเหงา  ผมได้สมัคร facebook แล้วก็กดแอดมั่วๆ ไปครับ  ตอนนั่นมันเหงามากเลย เพราะตอนนั่นผมกำลังเรียนในระดับ ป.เอก ครับ มันเจอมรสุมในการเรียนเยอะ อยากได้กำลังใจเป็นพิเศษครับอยากมีสักคนที่ให้กำลังใจนอกจากพ่อแม่

ผมได้ไปแอดทุกคนที่ขึ้นแนะนำครับ แต่ก็ไม่ได้ทักใคร คือส่วนใหญ่เอาไว้หาของสะสมครับ  จนวันหนึ่งผมแอดน้องคนหนึ่ง  ตอนแรกก็เฉยๆ
แต่ไม่ได้กดดูอะไรมากมาย   แต่หน้าเขาก็ติดตาผมครับ เป็นเด็กผู้หญิง ก็ไม่ได้สวยอะไรครับแต่หน้าตาเขาติดตา มันผ่านและติดตามาตลอดทุกครั้งที่เปิด facebook อันนี้ก็จะมีรูปเขาโผล่มา ก็คนมันเหงาก็ทักไปครับ  แต่ในใจมันมีความรู้สึกอยู่นะครับว่าต้องคุยกับคนนี้  คนนี้แหละ ก็ทักไปว่าคุ้นๆ นะ แต่ผมว่าผมเหมือนเคยคุยกับเขามานานละ เคยเป็นไหมครับคุยกับคนที่ไม่รู้จักแค่เห็นรูปก็คุ้นเคยเขา ผมก็บอกว่าผมคุ้นๆ เขา เหมือนเคยเจอกัน เขาอยู่ตั้งภาคอีสานครับส่วนผมอยู่ภาคเหนือ  เขาก็ตอบมา  ผมเปิดเข้าไปดูรูปเอา นักเรียนชาย อ่าวกะเทยเด็ก  มาสักขนาดนี้แล้วก็คุยต่อครับ  เพราะคุยแล้วมันรู้สึกคุ้นเคยไปเรื่อยๆ มันไปได้ไวมากๆ ครับมันลื่นไหลไปเรื่อยๆ

แต่ตัวผมเข้าไปด้วยข้อมูลไม่จริงกับเขาครับนี้ก็คงเป็นความผิดผม  ผมไปโดย facebook ที่สมัครใหม่ ผมไปด้วยชื่อโกหก  โดยฐานะและสถานภาพที่ไม่จริง  รวมถึงอายุด้วยครับ ผมบอกเขาว่าผมกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้าย ทั้งๆที่ผมอยู่ระดับ ป.เอก และผมประกอบอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง  คือตอนแรกแค่อยากคุยกับคนที่ไม่รู้จักและไม่อยากให้เขารู้ข้อมูลอะไรก็ตามของเราเพราะเรากลัวปัญหาที่เกิดขึ้นมาในอนาคตและกลัวกระทบต่ออาชีพและอะไร และอายุผมก็ 30 แล้วแต่น้องเขายัง 17 อยู่เลย ใช่ครับคุกครับผมคุยกับเขามากขึ้นและทุกวันแค่วันสองวันแรกผมรู้สึกรู้จักเขามาเป็นปี
เหมือนกับว่าเราเจอคนที่ใช่ทุกอย่างผมเริ่มมองข้ามทุกอย่างแต่ก็ยังไม่ได้เปิดความจริงใดๆผมเริ่มเปิดความจริงในตัวเองมากขึ้นๆ  แต่ผมก็ยังเอา facebook  ที่เป็นเหมือนหน้าตาและการทำงาน บล๊อคเขาไว้ทุกอย่างสิ่งที่ทำคือกลัวเขาเห็นแล้วจะจากไป  และอีกอย่างกลัวเขาจะคิดไม่ได้และหึงหวงทักเด็กนักศึกษาไปทั่วเพราะมีเด็กนักศึกษาเยอะมากในหน้า  facebook  และก็กลัวเพราะยังไม่รู้จักครอบครัวเขา

แต่ใจเขาก็เหมือนพึ่งเลิกกับใครมาแต่เขาบอกไม่ได้คบหน้า facebook เขาก็ยังเหมือนโพสต์หวนหาอยู่  มันทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่  ในการเปิดเผยความรู้สึกไปมากกว่านี้ แต่ทุกครั้งที่คุยกับเขามันมีรอยยิ้มผมแทบจะลืมไปเลยว่าผมคุยกับเด็กผู้ชาย  เขาทำให้ผมรู้สึกมีความสุขและยิ้มทุกครั้งยิ้มกว้างทุกครั้งที่คุยและพิมพ์หาเขา  เริ่มเปิดกล้องเริ่มวีดีโอคอล ในใจผมกลับมีความสุขขึ้นมากระทันหัน เวลาเหนื่อยๆ  เขาจะให้กำลังใจผมตลอดเวลา  เขาเกิดปีเดียวกับน้องชายผมด้วยครับผมเริ่มคุยกับเขาช่วงปลายปี ประมาณเดือนพฤศจิกายน และเริ่มคุยหนักปลายเดือนธันวาคม  ตอนเคาท์ดาวน์ ผมไปเคาท์ดาวน์ผมก็วีดีโอคอลหาเขาด้วยครับ แปลกดีเนอะปกติสัญญาณไม่น่าจะมีได้ คนใช้โทรศัพท์เยอะขนาด  บ้านเขาก็จัดงานเลี้ยงปีใหม่ครับ  แต่เราเคาท์ดาวน์ผ่านวีดีโอคอลด้วยกัน  ส่องหน้ากันมีแต่รอยยิ้มเสียงหวานๆ และเสียงหัวเราะ มันเหมือนเราได้ใกล้กันมากขึ้น  จนกระทั่งเคาท์ดาวน์ ได้ดูพลุผ่านวีดีโอคอลด้วยกัน  ผมก็ใช้เวลาช่วงนั่น  happy new year เขาและผมคิดว่าผมและเขาเราคงมีหัวใจอยากมีเคาท์ดาวน์ด้วยกันสักวัน เราบอกว่าสักวันเราจะมาเคาท์ดาวน์ด้วยกันนะ

ปีใหม่ใช่แล้วเขาปีชงน้องผมก็ชงผมก็บูชาเครื่องรางค์จากวัดจีนที่ผ่านการทำพิธีแก้ชงมาแล้วและตัดสินใจส่งไปให้เขาครับ  ผมกลับมานึกว่าผมไม่ได้ลืมเขาเลยด้วยซ้ำ เอ้ เขาเริ่มมาอยู่เติมเต็มหัวใจผมมากมาย   ผมก็อยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับตัวเขา  จริงๆเราตกลงคบกันวันที่ 18 ธันวาคม ครับเวลา 21.03 น. ตอนนั่นความรักมันเหมือนเด็กๆ มากเลยเพราะเขายังเด็ก แต่ตัวเราเองเริ่มรู้สึกรักกะเทยน้อยคนนี้มากขึ้น เพราะเขาน่ารักขึ้นมาในใจผมเรื่อยๆ
ครับ ผมเริ่มรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่ง  แต่เขายังเป็นเด็กแต่ทุกครั้งที่เหนื่อยล้าและมีปัญหา ผมจะพิมพ์คุยกับเขาแต่ไม่ได้บอกปัญหาหรืออะไร
เพราะตัวเขาคงแก้ไขอะไรให้เราไม่ได้  แต่ขอให้ได้ยินเสียง เราเริ่มโทรหากันและเริ่มโทรค้างสายเวลานอนครับ  เขาจึงเหมือนอยู่กับผมแทบตลอดเวลา   ผมจะทำแบบนี้กับเขาได้เฉพาะตอนผมอยู่บ้านแมวครับ คือบ้านหลังที่ผมเช่าไว้เลี้ยงแมว  และผมจะทำไม่ได้หากผมไปอยู่บ้านกับแม่ ผมก็พยายามบอกเขานะครับ  เรื่องนี้ดูเหมือนเขาจะเข้าใจ เขาอยู่ทุกช่วงเวลาจริงๆ ครับ  เวลาผมนั่งทำงานผมก็จะคอลหาเขาเขาก็จะอยู่เป็นเพื่อนผม  และผมจะมองเขาเพราะมันทำให้ผมยิ้มและไม่ท้อครับ เพียงแต่ผมไม่เคยบอกเขาเป็นคำพูด

บุคลิกภาพผมค่อนข้างวุ่นวายและอินดี้ครับตามสไตล์การคุยกับน้องเขาทำให้ผมรู้สึกตัวเองเป็นเด็กและปล่อยวางอะไรๆ ได้มากขึ้น  ผมเองหน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่นะครับถามว่ามีคนมาทักมาชอบไหม มีครับทั้งผู้หญิงรวมถึงกะเทยก็มี แต่ใช่ว่าผมจะคุยกับทุกคน  เพราะผมไม่มีเวลาและรู้สึกเสียเวลามาก
เพราะชีวิตผมทำงาน 7 วันครั้ง ทั้งสอนและทำงานส่วนตัว ช่วยไม่ได้ครับเราเกิดมาเป็นลูกคนไม่รวย  ผมเป็นลูกคนโตที่เกิดมาในช่วงเวลาที่พ่อแม่ตกต่ำ ติดหนี หนีเจ้าหนี้ โดยยึดทรัพย์ ยึดของ ไม่มีเงินกินข้าว  ผมไม่ใช่ลูกคนรวยเลย น้อยคนนักที่จะรู้เบื้องหลังนอกเหนือจากคนที่เขารู้จักพ่อแม่และเหยียดหยามพ่อแม่ผม สำหรับผมมันเหมือนความภาคภูมิใจของพ่อแม่  เพราะทุกครั้งพ่อแม่จะบอกผมว่าผมกู้หน้าพวกเขาได้มาก  ว่าพ่อแม่มันมีแต่หนี้สินแต่ลูกมันสิส่งเรียนจนสูงเป็นอาจารย์ อีกหน่อยชีวิตจะสบาย  ผมลบทุกคำสบประมาทและการดูถูกทุกอย่างในชีวิตพ่อแม่ผม

ผมต้องแอบมาอยู่บ้านแมวเพื่อจะได้คุยกับเขาและโทรค้างสายไว้  แน่นอนครับมันเป็นความสงสัยของพ่อแม่  ว่าทำไมไม่ยอมมานอนที่บ้าน ผมจะอ้างทุกครั้งที่หลานผมไม่อยู่ เพราะบ้านแมวหลานผมจะอยู่เฝ้า  ผมจะแอบมาอยู่ตลอดไม่มีคนในครอบครัวรู้ว่าผมคุยกับเขา  มีแต่น้องชายที่จะรู้แต่ก็ไม่รู้ว่าคุยกับใคร ถึงผมไปเที่ยวต่างประเทศมาผมก็ไม่ลืมจะซื้อของฝากให้เขาครับ ก็เลือกอยู่นานครับ  ก็ได้กระจก แป้งพับ  มาร์คหน้า และขนม  ผมชอบมากโดยเฉพาะกระจกมันเป็นการ์ตูนสาวเกาหลีครับ  ผมซื้อมาผมก็ชอบแอบหยิบเอามาดูและยิ้มอะผมนึกถึงตอนไปอยู่กับเขา ถ้าเขาเอาไปใช้ในโรงเรียนมันคงน่ารักและหน้ามันกลมเหมือนเขามากเลยนะครับ  น่ารักดี  กลับมาไม่รอช้าครับก่อนวาเลนไทน์ส่งไปเลยครับและวันครบรอบเดือน หวังว่าเขาคงดีใจ  แต่ก็หายเงียบครับไม่โพสต์อะไรเลย  เหมือนไม่ได้รับอะไร ก็แอบงอลครับ สุดท้ายเขาก็โพสต์ขอบคุณครับ  คิดในใจกูซื้อด้วยความภาคภูมิใจเลยนะเว้ย และแป้งพับกูก็เข้าไปซื้อในร้านเครื่องสำอางค์เลยนะเฟ้ย  ตอนแรกจะซื้ออย่างอื่นแต่มีแต่ผู้หญิง คนต่างชาติมองหน้าและยิ้มให้แปลกๆ  ก็อายครับเลยได้แป้งพับมาแทนเพราะมันง่าย (ปัจจุบันคงลบออกแล้วเพราะเขาคงรังกียจมันตั้งแต่ต้นแล้วครับเลยไม่โพสต์) ตอนนั่นผมก็นั่งและศึกษารายละเอียดไปเรื่อยๆ
ครับอ่อกินขนมเกาหลีอัลมอนด์ไม่ได้ กินแล้วเวียนหัว ก็ได้เรียนรู้อะไรตอนนั่น

ใกล้วันที่ผมจะได้ไปสอบวิจัยที่เรียนแล้วครับ มันมีช่วงเวลาและรอยต่อพอดี  ผมอยากใช้เวลานั่นไปเจอเขาจริงๆก็ได้พูดกับเขาไปแค่เดือนกว่าๆ ทำไมผมรู้สึกได้คุยกับเขาเหมือนเป็นปี  สำหรับเขาผมรู้สึกเหมือนพรหมลิขิต  ผมได้พูดคุยกับเขาว่าผมอยากเจอเขาและตัวเขาเองก็อยากเจอ และผมก็พูดกับเขาว่า แต่ผมควรจะแสดงความรับผิดชอบอะไร ตอนนั่นผมก็เริ่มเผยตัวตนที่แท้จริงให้เขาฟังหมดแล้วครับ  ทั้งอายุ ชื่อ เพราะเขาก็ไปเห็น facebook ผมแล้วจริงๆ ผมเลิกกลัวในสิ่งที่ตามมาหาผมในอนาคต  ผมรู้สึกว่าคนๆนี้จะไม่มีวันทอดทิ้งผมไปไหน ไม่ได้มองว่าเขาเป็นอะไร หรือเป็นเด็ก ผมบอกว่าผมควรแสดงความรับผิดชอบ เพราะพี่ไม่ใช่เด็ก พี่จะคุยกับครอบครัวน้อง พี่จะคุยกับใครได้บ้าง มันจะให้เกียรติหนูด้วย พี่พูดแบบนี้ เขาก็บอกว่าคุยกับแม่แม่ดุ แต่คุยกับพี่เขา พี่สาวเขาเป็นคนที่เหมือนเป็นแม่เขาอีกคน  น่าจะคุยได้ ผมก็ตัดสินใจไปคุยครับและพูดทุกประโยค   และพี่เขาก็ตอบว่า อย่าทำร้ายน้องหนูนะ  เหมือนกับว่าเขาเชื่อมั่นในผมก็ดีครับ  แต่แม่เขาก็เหมือนเหมือนเห็นผมผ่านๆ  จะคุยกับแม่เขาแล้วไม่พอ

ผมจึงตัดสินใจจะคุยกับแม่เขาด้วย ผมบอกกับเขาว่ามันเสี่ยงนะ เพราะผมไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ทางเขาจะชอบหรือกรีดกั้น  เพราะเขาหวงหนูหรือเปล่า
แต่การกระทำแบบนี้เหมือนพี่ไม่จริงใจและพี่ก็เป็นผู้ใหญ่และผมก็มีความมั่นใจว่าแม่เขาต้องเข้าใจผม  ผมก็เลยแอดและพูดคุยกับแม่เขาไป

ขออนุญาตเล่าในกระใต้คอมเม้นไปเรื่อยนะครับมันยาวมากผมไม่รู้จะมีคนอ่านไหม อย่างน้อยให้เป็นไดอารี่ที่ผมเซิทใน pantip เมื่อไหร่ก็ได้เจอ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
อ่านจนจบ แต่ไม่เข้าใจ 5555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่