แชร์ประสบการณ์: เตรียมตัวสอบกพ.ภาค ก. ด้วยตัวเองให้ผ่านในครั้งเดียว ทั้งป.ตรี ป.โท

สวัสดีค่ะ จขกท.สอบผ่านกพ. ภาค ก.  ป.ตรีเมื่อปี 57 (เป็นปีแรกที่มีสอบภาษาอังกฤษ) และผ่าน ภาค ก.ป.โทเมื่อปีที่ผ่านมา (61) โดยทั้งสองรอบ จขกท.ใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 2 อาทิตย์ อ่านเอง ฝึกทำข้อสอบเอง ไม่ได้เสียเงินให้แก่สถาบันติวซักบาท  ข้อสอบในระดับป.ตรีกับป.โทจะมีรูปแบบที่เหมือนกันเลยนะคะ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อสอบชุดเดียวกันหรือไม่ ความยากง่ายเท่ากันหรือไม่ แต่จขกท.ก็เตรียมตัวแบบเดียวกันทั้งสองรอบและผ่านทั้งสองรอบค่ะ ขอย้ำว่าเนื้อหาในกระทู้นี้เป็นเพียงแค่ประสบการณ์และความคิดเห็นของ จขกท.คนเดียวเท่านั้น ซึ่งอาจจะแตกต่างจากท่านอื่นๆ จขกท.ยินดีรับฟังคำติชมที่มีในเนื้อหาของกระทู้ และมีเจตนาที่จะแบ่งปันวิธีการในการเตรียมตัวเท่านั้นค่ะ


เริ่มแรกคือ จขกท.ไปซื้อหนังสือเตรียมสอบภาคก.มาก่อน เล่มที่แนะนำคือของไฮเอ็ด สามารถใช้ได้ทั้งระดับป.ตรีและป.โท เล่มเดียวเอาอยู่ค่ะ (ใครสอบป.โทไม่ต้องไม่ซื้อเล่มที่เขียนว่าสำหรับระดับ 4 นะคะ เนื้อหามันไม่ต่างกัน) เล่มนี้มีทุกวิชาที่ออกสอบ มีแบบฝึกหัดให้เยอะและมีเฉลย รวมทั้งวิธีการคิดให้ทุกข้อ พิมพ์ถูกต้องไม่ตกหล่น ไม่เฉลยมั่ว กระดาษไม่เหม็น จขกท.ซื้อมาหลายเล่ม แต่ดีที่สุดคือเล่มนี้เล่มเดียวค่ะ


ย้ำนะคะว่าหนังสือสำคัญมาก มากที่สุดเลยก็ว่าได้ อย่าได้เสียเวลากับหนังสือห่วยๆที่เฉลยผิดค่ะ ชีวิตบรรลัยค่ะ สอบไม่ผ่านไม่มีซ่อม (เว้นตกอังกฤษอย่างเดียวซ่อมได้) แก้ตัวใหม่ปีหน้าเลย เสียเวลาไปอีก

ข้อสอบจะแบ่งออกเป็นสามวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่เวลาทำข้อสอบจะแบ่งเป็นแค่สองช่วงคือคณิตศาสตร์กับภาษาไทยสอบช่วงเดียวกัน หมดเวลากรรมการจะเก็บชุดคำถามไป แล้วก็ทำภาษาอังกฤษต่อได้เลยโดยใช้กระดาษคำตอบแผ่นเดียวกัน ดังนั้น ถ้าใกล้หมดเวลาทำข้อสอบชุดแรกไม่ต้องรีบฝนคำตอบนะคะ ไม่ต้องลน ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ กระดาษคำตอบจะอยู่กับเราไปจนเราสอบเสร็จ เวลาที่เหลือจากทำข้อสอบภาษาอังกฤษมีเหลือเยอะมาก ค่อยมานั่งฝนตอนนั้นก็ได้ค่ะ

ส่วนตัวจขกท.จะทำข้อสอบไปเรื่อยๆ ไม่เสียเวลากับข้อใดข้อหนึ่งมากจนเกินไป คิดไม่ออกก็ข้ามไปเลย ค่อยกลับมาทำถ้ามีเวลาเหลือ ไม่ทันก็เดาโลด และจะฝนคำตอบทั้งหมดทีเดียวตอนที่ทำข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษเสร็จแล้วค่ะ

1.คณิตศาสตร์

วิชาคณิตศาสตร์จะแบ่งเป็นส่วนๆ ตั้งแต่อนุกรม หาพื้นที่ คำนวณตาราง มัธยฐาน ฐานนิยม ค่าเฉลี่ย ฯลฯ วิชาที่ใช้สูตรเราสามารถเรียนรู้จากหนังสือได้ง่ายๆ โดย จดสูตรและท่องสูตร ลองทำข้อสอบ แทนค่าตามสูตรที่ท่องได้เลย ไม่มีเทคนิคอะไรมากมาย  จำสูตรได้ ใช้เป็นก็จะได้คำตอบทันที  แนะนำให้ค้นสูตรคณิตศาสตร์ใน google พริ้นออกมาท่องเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาจดเอง

สำหรับ จขกท.ส่วนที่ยากที่สุดในฐานนี้คือการคำนวณตาราง ตัวเลขเยอะมาก ให้มาหลายหลักมาก จะคูณจะหารยังไง ปัดเศษส่วนท่าไหน เคว้งมาก และเนื่องจาก จขกท.ไม่ได้เรียนสายคณิตศาสตร์มา เรียนจบมานานมากแล้ว อาการเคว้งจากการคืนครูไปหมดจึงเกิดมีขึ้นเป็นธรรมดา การอ่านหนังสืออย่างเดียวอาจจะไม่สามารถกู้ความรู้สมัยมัธยมกลับมาได้ จึงต้องพึ่งอาจารย์ยูทูปค่ะ จขกท.ค้นหาคลิปติวคณิตศาสตร์ กพ. ฟรีๆในยูทูป มีให้เลือกหลายคลิปก็เลือกดูเอาแล้วแต่จริตเลย ส่วนตัวจขกท.ดูของ Act Group ที่อาจารย์เป็นผู้ชายใส่เสื้อสีเหลือง คลิปจะมีหลายพาร์ทเลย จขกท.ตามดูทุกคลิปของอาจารย์ท่านนี้ จขกท.ได้เทคนิคในการคำนวณตารางและการทำข้อสอบคณิตศาสตร์ส่วนอื่นด้วย ทำให้ทำข้อสอบวิชานี้ได้หลายข้อมากๆ ทั้งนี้ ขออนุญาตไม่แปะลิ้งให้นะคะ และย้ำว่าจขกท.ไม่ได้มีส่วนได้เสียใดๆกับสถาบัน แต่สอบผ่านทั้งสองรอบเพราะคลิปติวของอาจารย์ท่านนี้เลย ขอขอบพระคุณอาจารย์และสถาบันมา ณ ที่นี้ด้วย

กล่าวโดยสรุปในพาร์ทคณิตศาสตร์ จขกท.ท่องสูตรที่พริ้นมา ดูคลิปติวในยูทูป และฝึกทำข้อสอบค่ะ

2. ภาษาไทย

บอกตามตรงเลยว่าพาร์ทภาษาไทยคือพาร์ทที่ยากที่สุดแล้วจริงๆ จะตกก็เพราะวิชาภาษาไทยนี่แหละค่ะ (คณิตศาสตร์กับภาษาไทยคำนวณรวมกัน) ขนาดจขกท.คิดว่าตัวเองแม่นภาษาไทยมาก ใช้ภาษาไทย (คำทางการ) ในการทำงาน ก็ยังตอบข้อสอบไม่ค่อยถูก วิชานี้จะเป็นคำถามที่มีคำตอบกำกวมมาก ทุกคำตอบมีความเป็นไปได้ที่จะถูกทั้งนั้น มีทั้งคำที่เหมาะสม คำที่ผิด การเรียงประโยค จับคู่คำ การใช้คำเชื่อมต่างๆ ฯลฯ

ความยากมันอยู่ตรงที่เราไม่ได้เป็นคนที่มีความรู้เรื่องหลักภาษาอย่างแท้จริง และเราเป็นคนไทยที่ไม่ว่าจะพูดอะไรมาเราก็สามารถเข้าใจความหมายของสิ่งที่จะสื่อได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักภาษา วิธีการของจขกท.คือ ในขณะฝึกทำข้อสอบ จขกท.จะลองอ่านประโยคในใจ ว่าแต่ละตัวเลือกมันพอที่จะไปกับประโยคคำถามนั้นได้หรือไม่ ลองสลับประโยค เรียงประโยคในรูปแบบอื่น และเลือกอันที่มันเข้าท่าที่สุดในความรู้สึก ส่วนการเทียบอัตราส่วน เช่น ศอก วา คืบ เส้น หรือการใช้สรรพนาม เช่น มีด:ด้าม ฯลฯ จขกท.จดจากเฉลยข้อสอบในหนังสือมาท่องเอาค่ะ

กล่าวโดยสรุปในพาร์ทภาษาไทย  จขกท.ฝึกทำข้อสอบจากแบบฝึกหัดในหนังสือ จดสิ่งที่ต้องท่องจำจากเฉลย และท่องจำค่ะ

3. ภาษาอังกฤษ

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าภาษามันไม่ใช่สิ่งที่จะเตรียมตัวสอบแปปเดียวแล้วสอบได้เลยนะคะ จขกท.มีพื้นของภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แค่อ่านแบบฝึกหัดในหนังสือ ดูว่าข้อสอบจะเป็นประมาณไหนก็พอแล้ว ในห้องสอบ จขกท.พบว่าข้อสอบจะถามในเชิง conversation ง่ายๆ ศัพท์ง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความรู้ด้านแกรมม่าอะไรมาก มีบทความสั้นๆมาให้อ่านแล้วตอบคำถาม choice ที่ให้มาก็ถือว่าช่วยในระดับหนึ่งแล้ว

คิดว่าระดับความยากของข้อสอบอยู่ในระดับที่คนที่สอบ Toeic ได้ซัก 500 ก็น่าจะผ่านได้สบายๆ แต่ถ้าจะเริ่มจากศูนย์แต่เอาให้ทำให้ได้เลยอาจจะต้องเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ หนังสือน่าจะใช้ของมัธยมหรือ ปวช.ได้ เลือกอันที่มีรูปแบบคล้ายกับข้อสอบ คือ มีบทสนทนาง่ายๆ การรับโทรศัพท์ มีบทความสั้นๆ การ์ดเชิญ จดหมาย มาให้อ่าน มีแกรมม่าเบื้องต้นนิดหน่อย ท่องศัพท์พื้นฐานไป ก็น่าจะพอช่วยได้นะคะ ทั้งนี้ จขกท.ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถแนะนำอะไรให้ได้มาก

ส่วนคนที่มีพื้นฐานบ้างควรฝึกทำข้อสอบ ทำแบบฝึกหัดในหนังสือ วิชาภาษาอังกฤษมีแค่ไม่กี่ข้อและตัดผ่านที่ 50% ถ้าได้เตรียมตัวมาบ้างก็น่าจะพอทำได้นะคะ ส่วนคนที่ได้ภาษาอยู่แล้วแนะนำให้ตรวจคำตอบให้ดีก่อนส่งกระดาษคำตอบให้กรรมการ จขกท.มั่นใจว่าทำถูกทุกข้อ แต่ไม่ได้คะแนนเต็มอาจเพราะฝนผิดไปข้อนึง เจ็บใจอ่ะ พูดเลย

กล่าวโดยสรุป ข้อสอบ 2 วิชาแรกจะคำนวณคะแนนรวมกัน คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่สามารถเตรียมตัวสอบได้ และไม่ได้ยากมาก ดังนั้นจึงควรฝึกทำข้อสอบคณิตศาสตร์ให้แม่น หากได้คะแนนดีมากพอก็สามารถดึงวิชาภาษาไทยที่คะแนนไม่ดีขึ้นมาได้ ส่วนภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ต้องอาศัยบุญเก่า ข้อสอบไม่ยาก แต่ควรฝึกทำแบบฝึกหัดเพื่อเป็นแนวทางก่อน สุดท้าย..ก่อนสอบให้ไปถึงสถานที่สอบก่อนเวลาซักสองชม. คำนวณเวลาเดินทางดีๆ เพราะคนสอบเยอะมาก รถก็ติดมาก ทางที่ดีควรนั่งรถสาธารณะไป  ควรกินข้าวและเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเสมอ อย่าเสียเวลาในห้องสอบกับการรวบรวมสติและการไปห้องน้ำ เพราะทุกนาทีมีค่ามากโดยเฉพาะพาร์ทแรก หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้เข้าสอบทุกคนไม่มากก็น้อยค่ะ ใครมีเพิ่มเติมอะไรยินดีนะคะ ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่