[CR] 2 Days trip นั่งรถไฟไปเที่ยวอยุธยา (แบบฉบับคนไม่มีรถ)

สวัสดีเพื่อนๆ พันติ๊บทุกคน -/\-
เราเพิ่งไปเที่ยวอยุธยามาแหละะะะะ  ถึงเราจะเห็นคนอื่นรีวิวการเที่ยวอยุธยากันเยอะแยะแล้ว
แต่ก็ขอมารีวิวการเที่ยวของเราเผื่อเป็นอีกแนวทางหนึ่งให้กับคนที่สนใจละกันนะ 
ความคิดเห็นทั้งหมดในรีวิวนี้เป็น คหสต ของเราทั้งหมด ซึ่งอาจไม่ถูกต้องเสมอไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมรีวิวนี้
 
ทริปนี้เราไปกันสองคนกับเพื่อน และด้วยความเป็นผู้หญิงทั้งคู่เลยต้องศึกษาข้อมูล และวางเพลนกันก่อนเพื่อความปลอดภัย
- เริ่มจากหาที่พัก -
เราเลือกพัก Stockhome hostel คืนละ 570 บาท เป็นห้อง Deluxe Double Room มีห้องน้ำในตัว และมีระเบียงด้วย
(เดี๋ยวรูปที่พักเราจะมีในรีวิวต่อไป)

- วางแผนการเดินทาง -
อันนี้เป็นเส้นทางและจุดแวะที่เราเพลนไว้ในวันแรก เส้นสีเขียว = ช่วงเช้า/ เส้นสีส้ม = ช่วงบ่าย
ส่วนวันที่สองจะฟรีสไตล์ อยากไปไหนก็ไป เผื่อตื่นสาย 55555
ได้ที่พักและวางแผนเดินทางเรียบร้อยเราก็พร้อมลุยแล้ว
 
DAY1: ไหว้พระ 9 วัด - Ayutthaya retreat - หมู่บ้านโปรตุเกส - หมู่บ้านญี่ปุ่น - หมู่บ้านฮอลันดา
DAY2: Sala Ayutthaya - แหล่งสายไหม - กินกุ้งแม่น้ำ(ตลาดกลาง)
 
________________________________________________________________
 
DAY 1: สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพฯ - อยุธยา
 
เราเลือกขบวนรถไฟรอบที่เช้าที่สุดเท่าที่จะตื่นได้ เพราะจะได้เที่ยวเยอะๆ 
ตามกำหนดการขบวนรถเร็ว 111 ออกจากหัวลำโพง 07.00 น. ถึง อยุธยา 08.37 น. (ตั๋วรถไฟ 20 บาท)
แต่!! รถไฟเราล่าช้าไปเกือบ 1 ชม. T T สรุปถึงอยุธยาประมาณ 9.30 น. 
หมายเหตุ: เนื่องจากระยะทางจากกทม. ไป อยุธยามันใกล้ ตั๋วที่เราได้จะไม่ระบุเลขที่นั่งให้ ต้องไปลุ้นเอาว่าจะมีที่ว่างหรือเปล่า? 
หรือเรานั่งไปแล้วจะมีคนที่เค้าซื้อตั๋วระหว่างทางขึ้นมาอีกไหม .. (ซึ่งเรามากับดวงมากเพราะที่เรานั่งกันไม่มีใครขึ้นมาระหว่างทางเลย สบาย~)
 
เดินทางมาประมาณ 2 ชม. เราก็มาถึงอยุธยาแล้วจ้าาาาาาาา .
พอลงรถไฟมา เราก็เดินออกมาทางหน้าสถานี แล้วข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามเพื่อมาเช่ารถมอไซต์ ร้านมีทั้งมอไซต์และจักรยานให้เช่า
มอไซต์มี 2 ราคา คันเก่า 200 / คันใหม่ 250 บาทต่อวัน (ต้องคืนรถก่อน 19.00 น.) ถ้าใครเพลนจะมาเที่ยวเยอะๆ แบบเรา เราไม่แนะนำให้เช่าจักรยานนะ เพราะสถานที่เที่ยวบางแห่งมันไกลกันเด้อออ ดูจากแมพเหมือนจะอยู่ใกล้ๆกันหมด แต่พอลงพื้นที่จริงๆ อื้อหื้ออออออออ ปั่นกันน่องโป่งแน่ แถมแดดยังร้อนอีก ไม่ไหวอ่าาา
 
เช่ารถเสร็จ เราจะไปเช็คอิน เอาของไปเก็บที่พักกันก่อนจะออกไปตระเวนเที่ยว ตอนเรามาถึงยังไม่สามารถเข้าห้องพักได้เพราะยังเช้าอยู่ เราเลยฝากของไว้ที่ลอบบี้
หน้าตาห้องพักของเรา (เข้าห้องหลังจากเที่ยวเสร็จแล้วกลับมาที่พักตอนเย็น)
 
ตามเพลนที่เราวางไว้วัดเเรกที่เราจะไปคือ ' วัดมหาธาตุ ' 
วัดมหาธาตุเป็นพระอารามหลวง สร้างในสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) เมื่อปี พ.ศ. 1917
ความสำคัญของวัดมหาธาตุ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุกลางเมือง นอกจากนี้ยังถือเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางเมืองและเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่าง ๆ ของกรุงศรีอยุธยา และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสี 
ก่อนเข้าเราต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน  ซึ่งจะมีให้เราเลือก 2 แบบคือ 1. ตั๋วแบบเดี่ยว จะใช้เข้าชมได้วัดเดียว ราคา 10 บาท 2. ตั๋วแบบรวม  จะสามารถเข้าชมได้ทั้งหมด 6 วัด ราคา 40 บาท ถ้าใครจะเข้าหลายๆ วัดอยู่แล้วก็ซื้อแบบรวม 6 วัดไปเลยจะประหยัดได้ 20 บาท 
หมายเหตุ: ผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไป นักเรียน นิสิต นักศึกษา เข้าชมฟรี แต่ต้องนำบัตรมาแสดงด้วยนะ
 
พอเดินเข้ามาแล้วเลี้ยวมาทางด้านขวาเดินตามทางมาเรื่อย ๆ เราจะมาเจอกับไฮไลท์จุดแรกของวัดมาหาธาตุเลย คือ เศียรพระพุทธรูปในรากไม้ เป็นจุดที่ใครมาวัดนี้แล้วต้องมาถ่ายรูปกัน 
บรรยากาศภายในวัด 
แบบจำลองวัดมหาธาตุ (แต่ละวัดก็จะมีแบบจำลองให้เราดูกันแทบทุกวัด)
เดี๋ยวเราจะไปต่อกันที่ ' วัดราชบูรณะ '
ป้ายด้านหน้าวัดระหว่างทางไปวัดราชบูรณะ พื้นที่สีแดงๆ คือเลนสำหรับปั่นจักรยานชมรอบเมือง
' วัดราชบูรณะ '
สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามพระยา) ในปี พ.ศ. 1967
มีฐานะเป็นพระอารามหลวงในสมัยอยุธยา
ออกจากวัดราชบูรณะ ตามเพลนเราต้องไปวัดพระศรีสรรเพชญต่อ แต่ระหว่างทางเราเหลือบไปเห็นโบสถ์เก่าๆ เลยลองแวะดู
และพบว่าเป็น ' วัดธรรมิกราช ' ปัจจุบันวัดธรรมิกราชยังเป็นวัดที่พระสงฆ์ประจำอยู่ ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง จึงสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยา
ความโดดเด่นของวัดคือ เจดีย์สิงห์ล้อม เป็นเจดีย์ทรงกลมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ คือมีปูนปั้นรูปสิงห์ล้อมรอบไว้อย่างสง่างาม ซึ่งได้รับอิทธพลทางศิลปะการปั้นตัวสิงห์มาจากจีนและขอม
วิหารหลวง 
จากวัดธรรมิกราช เราเปิดแมพขี่รถไปตามทางไปวัดพระศรีสรรเพชญ จนไปเจอตลาดใกล้ๆ กับวัดพระศรีสรรเพชญ เลยจอดรถแล้วเดินไปวัด
ระหว่างทางเราเจอ ' วัดมงคลบพิตร ' โดยบังเอิญ เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อน เราเลยถือโอกาสแวะไหว้พระ
วัดมงคลบพิตร เป็นวัดโบราณสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คนนิยมเข้ามานมัสการหลวงพ่อมงคลบพิตรก่อนจะเข้าชมพระราชวังโบราณ
พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ครองจีวรห่มเฉียง เป็นพระพุทธรูปหล่อขนาดใหญ่องค์เดียวในประเทศไทย สันนิษฐานกันว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ นับว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีลักษณะงดงามเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง
ของกรุงศรีอยุธยาและเป็นที่เคารพสักการะมานานนับร้อยๆปี
เราเดินต่อมาทางด้านขวาวิหารวัด จะเจอทางเข้า ' วัดพระศรีสรรเพชญ '
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เดิมในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ใช้เป็นที่ประทับ ต่อมาในปี พ.ศ.2035 รัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ทรงโปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์องค์ตะวันออก เพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระราชบิดา หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2042 พระองค์ทรงให้สร้างพระเจดีย์องค์ต่อมา (เจดีย์องค์กลาง) เพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 พระบรมเชษฐาธิราช เจดีย์องค์ที่ ๓ ถัดมาจากด้านทิศตะวันตกเป็น เจดีย์บรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ ซึ่งสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ พระราชโอรสได้โปรดให้สร้างขึ้น
เจดีย์ทรงกลมเรียงกัน 3 องค์ คือสัญลักษณ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ
 
 
 
 
ชื่อสินค้า:   Ayutthaya, Thailand
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่