เด็กเรียนภาษาได้ดีกว่าผู้ใหญ่ (ก็บ้าแล้ว!)

Have you been up too much, mate?!

'เด็กเรียนภาษาเก่งกว่าผู้ใหญ่จริงหรือ?!'

วันนี้ผมจะมาหักล้างความคิด (debunk the myth) ที่ว่า 'เด็กเรียนภาษาได้เก่ง/เร็ว/ดีกว่าผู้ใหญ่'

อันดับแรก ผมขอพาทุกคนออกนอกเรื่องกันก่อน (ใช่ครับ ออกนอกเรื่อง!)

ในภาษาเยอรมันมีคำว่า "große Lüge" (อ่าน โกรเสอะ ลูเกอะ หรือ โกรสฺ ลูจฺ) แปลเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ ว่า "Big lie" หรือที่กูเกิ้ลแปลเป็นภาษาไทยให้ว่า "การโกหกคำโต" (ผมชอบมาก รู้สึกมันให้อารมณ์ที่ชัดเจนดี ฮ่า ๆ)

โกรสลูจเป็นคำที่ Hitler คิดค้น (coin) ขึ้นมา เขาอ้างว่ามันคือเทคนิคการโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ที่ชาวยิวและกลุ่มลัทธิมาร์กซิสต์ใช้โจมตีเขา โดยการแต่งเรื่องโกหกขึ้นมาให้มันดูยิ่งใหญ่ โดยว่ากันว่า หากคำโกหกของเรามันยิ่งอลังการ (colossal) แค่ไหน เปอร์เซนต์ที่คนจะเชื่อมันก็ยิ่งมากขึ้น!
หรือพูดง่าย ๆ คือ คำโกหกยิ่งคำโต มันก็ยิ่งน่าทาน! และคำโกหกที่นักเรียนภาษารับประทานกันมาตลอดก็คือประโยคที่ว่า "เด็กมีความสามารถในการเรียนภาษามากกว่าผู้ใหญ่"

Oh no! That ain't true at all!
______________

และคำโกหกมันไม่หยุดแค่นั้น บางคนถึงกับบอกว่า "ยิ่งอายุมาก ยิ่งหมดหวังในการเรียนภาษาที่สอง/สาม" (The older a person becomes, the more difficult it is to learn a new language) โดยเหตุผลที่คนเหล่านี้มักใช้ซัพพอร์ตคำพูดของพวกเขาคือ "สมองของเด็กเรียนรู้ภาษาได้เร็วกว่าผู้ใหญ่" (children are hard-wired to learn language)

อื้อหือ! ผมบอกแล้วใช่ไหม คำโกหกยิ่งคำโต มันก็ยิ่งน่าอร่อย และหลายคนก็เผลอกินมันเข้าไปเต็ม ๆ

ดังนั้นผมขอทุบโต๊ะและยื่นคำขาด (deliver an ultimatum!) ตรงนี้เลยว่า จงเลิกเชื่อคำพูดเหล่านี้ซะ! เพราะมันไม่เคยมีงานวิจัยชิ้นไหนที่พิสูจน์ได้ว่าเด็กเรียนภาษาได้เร็วกว่าผู้ใหญ่เลย!

ในทางตรงกันข้าม งานวิจัยหลายชิ้นกลับพบว่าผู้ใหญ่เรียนภาษาได้ดีกว่าเด็กเสียอีก ดังนั้นก่อนที่ทุกคนจะอ่านย่อหน้าต่อไป คายคำโกหกนี้ออกมา แล้วเตรียมกระเพาะให้ว่างสำหรับความจริง
_______________

ทำไมผู้ใหญ่หลายคนถึงไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาที่สองหรือภาษาที่สาม?

ปัจจัยหลักเลยคือ (ขอไม่พูดถึงเรื่องความขี้เกียจ เพราะเหนื่อยละ ฮ่า ๆ) สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย พูดง่าย ๆ คือเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ คนรอบข้างยิ่งทำให้เราอึดอัดต่อการฝึกภาษาที่สองหรือภาษาที่สามมากขึ้น (Adults are afraid to make mistakes!)

สังเกตเวลาที่เด็กคุยกับพ่อแม่คุย พวกเขาสื่อสารโดยนำเอาคำศัพท์มารวมกัน (แบบมั่ว ๆ) และแต่งประโยคโดยไม่ได้คำนึงถึงกฎของภาษาใด ๆ ทั้งสิ้น บางทีก็ใช้คำธรรมดาทั่วไป และบางทีเด็กมักจะออกเสียงแปลก ๆ ทำให้คนอื่นไม่เข้าใจ แต่พ่อแม่ก็สามารถเข้าใจได้ (หรืออย่างน้อยก็พยายามเข้าใจ!)
เมื่อเป็นดังนี้ เด็กจึงมี 'safe environment' (สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้) และมีความมั่นใจในการใช้ภาษาโดยไม่สนว่าจะผิดหรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้นพ่อแม่มักจะสื่อสารกับลูกด้วย body language และใช้ภาษาแบบง่าย ๆ (simple language) สองสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กเรียนภาษาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว และไม่มีความเกร็ง คนเลยคิดกันไปว่าเด็กเรียนภาษาได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ แต่ความจริงคือ พวกเขามีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยมากกว่าต่างหากล่ะ!

ลองผู้ใหญ่อย่างเรามีคนมาเอ็นดูและพยายามช่วยเหลือแบบนี้บ้างสิ รับรองว่าสามารถเรียนภาษาได้เร็วพอกันหรืออาจจะไว้กว่าด้วยซ้ำ
_______________

ความจริงก็คือ ผู้ใหญ่มีข้อได้เปรียบในการเรียนภาษากว่าเด็กเยอะ (When it comes to learning a new language, adults actually have the upper-hand) เพราะแม้เด็กจะมีสภาพแวดล้อมที่ดี แต่พวกเขาต้องเริ่มจากศูนย์ (start from scratch!) ในขณะที่ผู้ใหญ่อย่างเราพอได้ยินได้ฟังคำศัพท์เหล่านี้มาไม่มากก็น้อยในชีวิตที่ผ่านมา

กล่าวคือ ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนที่เริ่มเรียนภาษาจากศูนย์อย่างแท้จริงหรอก อย่างน้อยก็ต้องมีคำศัพท์พื้นฐานเช่น Yes, no, okay, thank you, I love you, food and drinks, chair, table, red, blue, yellow, run, jump etc. กันบ้างแหละ

อีกทั้งผู้ใหญ่เรายังมีข้อได้เปรียบในการแปลอีกด้วย เพราะไม่ว่าเราะเจอศัพท์ยากแค่ไหน เราก็สามารถเปิด dictionary เพื่อดูความหมายของมันในภาษาไทยได้ ต่างจากเด็กที่บางคำพวกเขายังไม่รู้ความหมายของมันในภาษาไทยด้วยซ้ำ! ต้องมานั่งอธิบายภาษาไทยก่อนกว่าจะเข้าใจในภาษาอังกฤษ
เรื่องการออกเสียงยิ่งไม่ต้องพูดถึง กว่าเด็กจะใช้เวลาในการแยกเสียงระหว่าง R กับ L ก็ใช้เวลาเป็นปีแล้ว ในขณะที่ผู้ใหญ่เราใช้เวลาฝึกแบบจริงจังไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ก็ค่อนข้างเป๊ะแล้วเนี่ย

นี่ผมยังไม่พูดถึงเรื่องการตีความภาษา (language interpretation) นะ กว่าที่เด็กจะได้เรียนรู้ว่าคนที่พูดจาน่าเชื่อถือ แต่เชื่อถือไม่ได้มันเป็นยังไง กว่าที่เขาจะเข้าใจว่า บางที่เราพูดตรงข้ามกับสิ่งที่เราต้องการ เพื่อสื่อความหมายในสิ่งที่เราต้องการ (จะซับซ้อนไปไหน!) เขาใช้เวลาตั้งหลายปี ในขณะที่เรามีเทคนิคและวิธีการ - รวมไปถึงประสบการณ์ - มากมายที่เป็นตัวช่วยให้เราเข้าใจภาษาได้ง่ายและถูกต้องมากขึ้น

หรือมีใครอยากจะเถียงผมว่าเด็กตีความภาษาได้เก่งกว่าผู้ใหญ่? (ผมพร้อมสู้นะ!)
_______________

แล้วสรุปคือคำพูดที่ว่า "เด็กเรียนภาษาได้ดีกว่าผู้ใหญ่" มันไม่จริงเลยหรือ? ผมไม่ได้อยากวัดว่าใครดีกว่าใคร แต่เราก็ได้เห็นแล้วว่าต่างวัยก็ต่างมีข้อได้เปรียบที่แตกต่างกัน แต่โดยรวม ๆ แล้ว ผู้ใหญ่ (ที่มีความตั้งใจจริง) มีแนวโน้มที่จะเรียนภาษาใหม่ได้ง่ายกว่าเด็กอยู่แล้ว เพราะมีข้อได้เปรียบมากกว่าเยอะ

สิ่งเดียวที่ผมคิดว่าเด็กมีดีกว่าผู้ใหญ่อย่างแท้จริงเลยก็คือ 'ความกล้า' (lack of fear) ใช่แล้วครับง่าย ๆ แค่นั้น เพราะเด็กไม่ได้สนใจว่าจะพูดถูกหรือผิด แต่งประโยคถูกแกรมมาร์ไหม หรือแม้กระทั่งออกเสียงได้ชัดเจนหรือเปล่า สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือทำให้เราเข้าใจ (They only want to make us undertand what they mean!)

และนี่แหละคือสิ่งที่เราควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จำไว้เลยว่าเราไม่มีวันแก่เกินไปที่จะเรียนภาษาใหม่ และจงหัดมีความกล้าเหมือนเด็กซะบ้าง แล้วผมการันตีว่าทุกคนเลยว่า ยิ่งโตก็ยิ่งเรียนภาษาได้ง่ายขึ้นจริง ๆ!

Stay knowledge-hungry
JGC.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่