สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณกิจกรรม ลองรัก ปักษ์ใต้ของพันทิป และททท และแอร์เอเชีย ก่อนเลย ลองสมัครเข้าร่วมกิจกรรมดีดีของพันทิปครั้งแรก
ก็โชคหล่นทับได้รับเลือกเลย โดยเส้นทางทริปนี้ เราจะเที่ยวในเส้นทาง หาดใหญ่ ไปถึงปัตตานี
เมื่อพูดถึง ปัตตานีทุกคนก็จะรู้สึก เฮ้ยไปทำไม เดี๋ยวโดนระเบิดหรอก แหม ระเบิดมันอยู่แถวๆชายแดนนะคะคุณ
เรามาเริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่าเน๊อะ
Day 1 : 24 กุมภาพันธ์ 2562
รวมพลกันที่ สนามบินดอนเมือง เวลา 05.00 น. หลายๆคนอาจจะออกจากบ้านตอน ตีสาม ไม่ก็ตีสี่ แต่ชมพู่ ผู้ซึ่งบ้านไม่ใกล้ไม่ไกล และแถวบ้านรถออกเช้าสุด 05.30 น. นัดเจอกันตอน 05.00 น. มันจะไปทันได้ยังไงล่ะ พูดถึงจะให้ใครไปส่ง เลิกฝันค่ะ แม่บอกหอบร่างไปตะเวนๆเที่ยว ตปท. ได้ ก็หาทางไปสนามบินเอาเอง ........... จ้า ออกจากบ้านตามรถเที่ยวสุดท้ายคือ 20.00 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ จ้า อย่าถามว่านอนไหน แบล็คแพ็คขี้งกอย่างเรา นอนสนามบินนั้นแหระ เกลือกกายเอาแถวนั้นนั่นแหระ และแล้วเราก็ได้เวลารวมตัว ตัดภาพไปถึงเวลาขึ้นเครื่องเลยแล้วกันนะ

ต้องบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เดินทางกับแอร์เอเชีย ครั้งแรกก็รักเลย ปกติสายการบินระดับเดียวกับแอร์เอเชียนี้ บางสายการบิน เบาะจะเล็ก เล็กสำหรับคนอ้วนอ่ะนะ คือนั่งแล้วแน่น แต่เรานั่งของแอร์เอเชียแล้วเออสบายอ่ะ น้ำหนักเราไม่ได้ลดนะ เบาะเขาโอเคอยู่เลยแกร เคยนั่งโลคอสของต่างประเทศขออุปชื่อไว้ อึดอัดมากเลย ไม่ใช่ความผิดสายการบินหรอก ผิดที่เราอ้วนนี้แหระ แต่ก็สงสัยว่าคุณสายการบินนั้นเขาไม่เผื่อที่นั่งสำหรับคนอ้วนเลยหรอ เอาเป็นว่าพอใจกับแอร์เอเชียนะ อาหารขาไปเป็น ข้าวไก่เทอริยากิ รสชาติดี ไม่แย่
และแล้วเครื่องก็เทคออฟ ทยานขึ้นฟ้า................
ใช้เวลา ชั่วโมงครึ่งเครื่องก็แลนด์ดิ๊งลงหาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับแพลนในวันนี้คือ เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ เดินชมย่านตลาดเก่า เดินเล่นริมเลนิดหน่อย ที่แรกที่ไปเราเริ่มที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลาก่อนเลย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองสงขลา ตรงข้ามกำแพงเมืองจังหวัดสงขลา ที่ตรงนี้หากใครชอบเรื่องสถาปัตยกรรมต้องมา เพราะที่นี้ เป็นโบราณสถาน ของชาติ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีน อายุกว่า 100 ปี



ภายในจัดแสดงศิลปวัตถุที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ ของภาคใต้และของประเทศไทย อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา พื้นที่โดยรอบอาคารเป็นสนามหญ้าและสวนมีกำแพงโค้งแบบจีนล้อมรอบ อาคารชั้นบน ห้องยาวด้านหลัง มีบานประตูลักษณะ เป็นบานเฟี้ยม แกะสลักโปร่งเป็นลวดลายเล่าเรื่องในวรรณคดีจีน สลับลายพันธุ์พฤกษา หรือลายมังกรดั้นเมฆ เชิงไข่มุกไฟ ส่วนหัวเสาชั้นบนของอาคารมีภาพเขียนสีเป็นภาพเทพเจ้าจีน หรือลายพฤกษา ภายในห้องตรงขื่อหลังคา จะมีเครื่องหมายหยินหยาง โป้ยป้อ หรือ ปากั้ว เพื่อป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ตามคตินิยมของชาวจีน หลังคามุงกระเบื้องสองชั้นฉาบปูนเป็นลอน สันหลังคาโค้ง ปลายทั้งสองด้านเชิดสูงคล้ายปั้นลมของเรือนไทย ภายนอกอาคาร บริเวณผนังใต้จั่วหลังคา มีภาพประติมากรรมนูนต่ำสลับลาย ภาพเขียนสี เป็นรูปเทพเจ้าจีนและลายพันธุ์พฤกษา
ช้าก่อนถ้าท่านคิดว่ามันก็แค่มิวเซียม ไม่ได้อินมรดกทางวัฒนธรรม ไม่ไปหรอก อย่าเพิ่งคิดแบบนี้ เพราะข้างในมุมสวยๆเหมาะแก่การถ่ายรูปก็มีเยอะนะคะ
แวะกินมื้อเที่ยงที่ตัวเมืองสงขลา กับข้าวแน่นโต๊ะมากๆ
จริงๆมีเยอะกว่านี้ แต่ ณเวลานั้นคือหิวแล้ว พอเสิร์ฟข้าวก็ไม่ถ่ายอะไรแล้วจ้า จะกินๆ ฮ่าๆๆ หลังจากอิ่มหนำกันแล้ว เราก็ไปเดินชมย่านเมืองเก่าจังหวัดสงขลากัน
เห็นเขาต่อแถวคนเยอะแยะเลยลองเดินไปดู แล้วก็ชอบกินไอติมอยู่แล้ว เลยลองบ้าง เขาเรียกไอติมโอ่งนะจ๊ะ
พลาดไม่ได้กับศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และศาลเจ้าพ่อกวนอู
เรามาเดินชมย่านเมืองเก่าสงขลากันดีกว่าเน๊อะ
แวะไปชมหาดสมิหลากันหน่อยเน๊อะ
ได้เวลาเข้าที่พัก รีแลกซ์กันแล้วจ้า ที่พักของเราในคืนนี้คือ โรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่ หรูมากสวยมากบอกเลย ที่นอนนุ่ม แอร์เย็น ห้องน้ำสวย อาหารดี
ชอบที่สุดก็เมนูนี้แหระจ้า ใครจะว่าเหนียวไปไม่รู้ เราว่ามันกรอบอร่อยดี
v
ล้างปากด้วยของหวาน อิ่มพุงกาง นอนกรนกันไปเลย
Day 2 : วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 บ๊ายบายหาดใหญ่มุ่งตรงไปที่ปัตตานี
2 ชั่วโมง(ตามกำหนดการ) เวลาจริงไม่รู้เพราะหลับตลอดทาง แล้วเราก็มาถึงปัตตานี "เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันติสุขแดนใต้" กันแล้วจ้าาาา วันนี้ก็จะแต่งตัวเรียบร้อยสุดเพราะ ทริปในวันนี้เราจะเข้าวัดเข้าวา เข้ามัสยิดกันจ้า สำหรับการแต่งตัวไปเที่ยว ขอฝากไว้นิดหนึ่งนะคะ ถ้าต้องเข้าสถานศาสนา ไทย จีน ฮินดู ซิกส์ มุสลิม อะไรก็ตามแต่ ขอให้เราชาวไทยใส่ใจเรื่องการแต่งตัวกันสักนิดนะคะ ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ทางศาสนาเท่านั้น สถานที่ไหนที่เขาเคร่งครัด หรือแม้แต่ประเทศไหนที่เคร่งครัดในเรื่องการแต่งตัว ไม่ชอบให้โป๊ ให้โชว์ อย่างเช่น อินเดีย อิหร่าน อินโดนีเซีย เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะนะ อย่าให้เขาต้องแฮชเเท็กว่า คนไทยอีกแล้วหรอ เลยนะ ไปไหนก็ตามต้องให้เกียรติสถานที่ ต้องเคารพ กฏ วัฒนธรรม ประเพณีของเขาด้วย
โดยที่แรกในวันนี้เราของเริ่มที่ วัดช้างให้ หรือ วัดราษฎร์บูรณะ
ทำไมชื่อว่าวัดช้างให้ละ ...........ก็ตรงตัวนั่นแหระ ก็ ช้างให้ ตามเรื่องเล่าขาน กล่าวไวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างให้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก
คนอื่นสักการะหลวงปู่ทวดเสร็จแล้วอาจจะไปหาเช่าพระ แต่สำหรับเรานั่น หาอะไรกินซิค่ะ กำลังนึกถึงไอติมกะทิ แล้วก็เหลือไปเห็นรถขายพอดี๊
((มีต่อ ))
สงขลา - ปัตตานี [Songkhla - Pattani] เที่ยวสบาย สวยงามกว่าที่คิด