Day6: 19เมษายน 2018 [ย่าติง ]
{ Yading nature reserve }
{ 牛奶海-หนิวหน่ายไห่ ทะเลสาบนำ้นม }
ณ ความสูง 3753 เมตร
วันนี้พวกเราตื่นกันค่อนข้างเช้า
ที่พักของพวกเราดีมากๆ เตียงนุ่มมาก มีฮีตเเต้อให้ และอยู่ใกล้ป้ายรถบัสมากๆ เมื่อวานก่อนนอน พวกเราถามวิธีการเดินทางจากที่พักไปอุทยานย่าติงจากเจ้าของที่พัก สรุปแล้วสามารถไปได้ 2 วิธี 1 นั่งรถบัสประจำทางของอุทยานไป 2 จะมีรถminivan มาคอยขับถามว่าต้องการไปอุทยานย่าติงไหม
และเนื่องจากที่พักเราใกล้ป้ายบัสมาก พวกเราเลยตัดสินใจไปโดยบัสแทน นั่งบัสไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงหน้าทางเข้าอุทยานแล้ว
แชงกรีลา ดินแดนในฝัน พวกเรามาแล้ว~~~
หลังจากลงรถบัส พวกเราก็เข้าไปซื้อตั๋วเข้าอุทยาน กับตั๋วรถบัสอุทยาน เนื่องจากพวกเราเลือกที่จะพักนอกอุทยาน พวกเราเลยต้องเสียค่ารถบัสอีกรอบ แต่ถ้าหากมีตั๋วรถบัสรอบแรกและรูปภาพยืนยันว่าเราเข้าอุทยานจริง เราจะได้ส่วนลด และจ่ายค่ารถบัสรอบสองเพียง 60หยวน เท่านั้น และที่สำคัญ อย่าลืมพกบัตรนักเรียนไปด้วย ใช้เป็นส่วนลดได้เยอะเลย 👍🏻
ซื้อตั๋วเรียบร้อย ก็ มาต่อคิวขึ้นบันไดเลื่อนไปยังที่จอดรถบัส
บอกเลยว่า แค่เดินขึ้นบันไดขั้นน้อยๆ และเดินทางราบไปขึ้นบันไดเลื่อน ก็ทำเอาพวกเราเหนื่อยจนหอบแล้ว 55 ตอนแรกก็งงๆว่าทำไมต้องลงทุนสร้างบันไดเลื่อน พอลองเดินเท่านั้นแหละ...ขอบคุณจริงๆที่มี 555
ตอนแรกนึกว่ามาวันธรรมดา ที่ไม่ใช่วันหยุดจะไม่ค่อยเจอนักท่องเที่ยวชาวจีนสักเท่าไหร่
แต่ปรากฎว่า เจอคนจีนที่เป็นคนพื้นเมืองและก็เจอคนจีนจากเมืองข้างเคียงมาเที่ยวที่นี่ค่อนข้างเยอะพอควรเลยทีเดียว โชคดีมากๆที่ไม่ได้มาตอนวันหยุดยาวของจีน ไม่งั้นละก็ ... คงแย่งกันกินกันใช้ และก็วิวถ่ายรูปกันน่าดู~
หลังจากต่อคิวขึ้นรถบัสเสร็จเรียบร้อย นั่งไปประมาณ1 ชั่วโมง รถบัสก็จอดดให้ลงจุดชมวิวจุดแรก ... แต่ขอบอกว่า วิวข้างทางที่ผ่านมานั้น สวยกว่าจุดชมวิวนี้อีก 555 เพราะฉะนั้น ห้ามหลับ ห้ามกระพริบตาเลยนะ และก็อย่าลืม นั่งข้างหน้าต่างข้างที่เห็นวิวด้วย ;)
วิวแรกที่เจอหลังจากขึ้นรถบัส
ทางรถบัสก็จะเป็น ทางเรียบเขา อ้อมเขาไปมา อาจดูน่ากลัว ตอนรถสวนทางมา แต่คนขับเก่งมาก และถนนก็ดีมาก

ขับไปอีกไม่นาน (จริงๆอาจจะนานแต่เพราะวิวสวยมาก พวกเราเลยรู้สึกว่าไม่นาน ) ก็เริ่มเห็นยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
.... ใกล้ถึงแล้วว ตื่นเต้นมากๆ ✨
ตลอดทางสวยมาก แต่ถ่ายทันแค่นี้ เพราะรถขับค่อนข้างเร็ว😂
จุดจอดชมวิวจุดแรกก
รถบัสจะจอด2ครั้งก่อนที่จะถึงจุดเริ่มเดิน
ครั้งแรกก็คือ ที่จุดชมวิว ครั้งที่สองคือหมู่บ้านย่าติง ใครที่จะพักที่นี่ก็จะลงไปหาที่พักและเก็บกระเป๋า แต่พวกเราเลือกที่จะพักข้างนอกเลยนั่งอยู่บนรถต่อไป
วันนี้พวกเราตั้งเป้าหมายว่าจะเดิน route ยาวก่อน ก็คือ เดินไปทะเลสาบนำ้นม และทะเลสาบ5 สี ทางเดินมีทางเดียว ไม่ต้องกลัวหลงเลย เพราะมีเพื่อนเดินไปด้วยเยอะแยะ แต่ถ้าใครกังวล ตามโรงแรมต่างๆจะมีแผนที่ไว้ให้ หยิบมาด้วยได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นใครเปิดดูอยู่ดี 😂
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แผนที่อุทยานย่าติง ที่ถ่ายมาจากที่พัก : )
พวกเราเดินจากจุดที่รถบัสจอดให้ลง เดินมาตามทางเพื่อไปยังสถานีรถกอล์ฟ (ถ้าใครคิดว่าเดินเร็วเดินไหวก็เดินไปเลยได้ แต่ถ้าใครอยากจะประหยัดแรง ก็จะมีรถกอล์ฟ บริการ ไปกลับ 80หยวน เท่านั้น ) แค่เดินจากจุดรถบัส ไปยังสถานีรถกอล์ฟ พวกเราก็ใช้เวลาไป 1ชั่วโมง ... คิดถูกจริงๆที่วางแผนจะขึ้นรถกอล์ฟตั้งแต่แรก 5555 เพินบนพื้นที่ราบว่าเหนื่อยแล้ว แต่ทางไปสถานีรถกอล์ฟ คือทางขึ้นเนิน ล้วนๆ .... ระยะทางสั้นๆ แต่กินแรงมากมาย ¥^¥
แค่มองขึ้นไปก็เหนื่อยแล้ว 😂
ทางเดินไปยังจุดเริ่มเดิน /สถานีรถกอล์ฟ มีขึ้นเนินบ้าง ลงบ้าง ทางราบบ้าง
เดินไปเรื่อยๆจะผ่านจุดชมวิว จขกทเห็นแล้วก็แอบเย่ในใจ ถึงที่พักแล้ว~ ที่ไหนมีจุดชมวิวที่นั่นมักมีเก้าอี้ 5555
มีห้องนำ้ให้เข้าก่อนเริ่มเดินนะ สภาพดีพอควรอยู่
(สำหรับจขกท มีประตูปิด ถือว่าดี555)
แนะนำว่าให้เข้า เพราะว่า หลังจากนี้ จะไม่มีห้องนำ้อีกแล้ว และทางเดินเรียบหน้าผา ต้นไม้พุ่มไม้แทบไม่มี จะแอบหนีเข้าป่าก็ไม่ได้
หลังจากซื้อตั๋วรถกอล์ฟ และสอบถามเวลากลับ !!
(ข้อควรระวัง!!! เวลารถบัสกับรถกอล์ฟหมด แต่ละฤดูไม่เหมือนกัน ควรสอบถามก่อนเริ่มเดิน เคยอ่านกระทู้นึงแล้วเจอ ว่ากลับมาไม่ทันรถบัส ...น่ากลัวมาก แค่คิดว่าต้องเดินตอนฟ้ามืดท่ามกลางป่าเขาก็รู้สึก หวิวๆแล้ว )
ซื้อตั๋วเสร็จ นั่งรถแปปเดียวก็ถึงจุดเริ่มเดิน จากนี้ไปก็จะเป็น ดินแดนในฝัน แชงกรีลาที่แท้จริง ที่พวกเราตามหา เป้าหมายหลักของทริปนี้ 💓
ตื่นเต้นจนไม่รู้จะยังไงแล้ว แต่ตัองฮึบเก็บไว้ก่อน ตื่นเต้นมากไป ใจเต้นแรงเกิน เดี๋ยวหายใจไม่ทัน จะแย่เอา
ทางเดินตอนแรก ดีมากๆ เป็นทางเดินเหล็ก กับไม้
ถึงแม้ว่าช่วงเมษาจะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยวของย่าติงเท่าเดือนตุลา แต่พอได้เห็นทุ่งหญ้าสีทองตัดกับภูเขาหิมะ แค่นี้ก็รู้สึกว่าสวยจนลืมหายใจไปเลย ...แค่นี้ก็พอแล้ว คุ้มแล้วจริงๆที่ดั้นด้นมาถึงตรงนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ย่าติง...พวกเรามาแล้ว
ทางที่เดินดูเหมือนใกล้ๆ แต่พอเดินแบบจับเวลาจริงๆ พวกเราใช้เวลาเยอะกว่าที่คิดเยอะเลย
เดินตั้งนานยังไม่สุดทางเดินไม้นี่อีก 😂
ระหว่างทางเดิน อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลิน เดี๋ยวทำเวลาไปไม่ถึงทะเลสาบ แล้วจะเสียดาย ถ่ายรูปกันพอประมาณแล้วรีบเดินต่อ เพราะขากลับยังไงก็ต้องเดินกลับทางเดิม
“Two heads are better than one.”
มาเดินที่แบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเพื่อน ถึงแม้ว่าตอนเดินพวกเราแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ต่างคนต่างใส่หูฟัง ฟังเพลงที่ตัวเองชอบ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ วิว ทิวทัศน์ รอบๆ ไม่ได้เดินข้างกันตลอด เดินเร็วบ้างช้าบ้างตามที่ตัวเองไหว แต่พวกเราก็เดินแบบรอๆกัน อย่างน้อยๆต้องเห็นอีกคนอยู่ในสายตาเสมอ มีเพื่อนมันอุ่นใจกว่าจริงๆนะ เพราะตอนนี้เราอยู่กันที่ความสูง 3750 หรือมากกว่านั้น อากาศบางเบามาก อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลา พอมีเพื่อน...เราก็จะอุ่นใจ หากเราเกิดเป็นอะไรไป เช่น เป็นลม หรือสะดุดล้ม อย่างน้อย ก็จะมีคนคอยช่วยเหลือ ;)

พักถ่ายรูปแปปป~ 😂
(หน้านี่คือไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ทัน)
หลังจากสิ้นสุดทางเดินไม้ ก็จะเป็น ทางเดินแบบนี้ และต่อจากนี้ไป สภาพทางเดินก็จะแย่ลงเรื่อยๆ ¥^¥ ~ แต่ก็จะแปรผกผันกับวิว ที่อลังการขึ้นเรื่อยๆ 🤩
หากใครคิดว่าเดินไม่ไหวแล้ว จะมีบริการขี่ม้าไปถึงจุดหนึ่ง ก็จะช่วยย่นระยะเวลาการเดินได้ แต่จะหยุดถ่ายรูประหว่างทางไม่ได้ ราคาขี่ม้าน่าจะประมาณ 300-500หยวน (จำไม่ค่อยได้ ยิ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นนราคาก็จะยิ่งแพง)
จากจุดที่สภาพพื้นเป็นแบบนี้ ทางมันจะค่อยๆชันขึ้นเรื่อยๆ เพราะ เป็นทางเดินขึ้นเขา พวกเราก็เริ่มเดินช้าลงเรื่อยๆ เดิน10ก้าว หยุด เดิน5ก้าวหยุด ~ จนจขกททนไม่ไหวแล้วบอกเพื่อนว่าอยากขี่ม้า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขี่ เพราะตัดใจจ่ายเงิน 300กว่าหยวนไม่ลง แถมยังอดถ่ายรูป ส่วนเพื่อนก็บัฟฟตลอดทางว่า เดินไปก่อน ขาลงค่อยขี่ม้าก็ได้ ~ จขกทก็เลย เดินนต่อไป~~~ ¥^¥

ไปแล้วหนึ่ง
จขกทก็ตามมาติดๆ 😂
หลังจากสิ้นสุดทางเดินไม้ อย่าคาดหวังถึงเก้าอี้ แค่มีก้อนหินให้นั่งได้ก็บุญมากแล้ว 🤣
ระหว่างนั่งพักเหนื่อยก็ได้รูปวิวสวยๆมาอีกหลายใบ
ไปไหนไปด้วยกัน เราไม่ทิ้งนายหรอกเว่ย~!
มีเพื่อนดีก็จะดีประมาณนี้ เดินไม่ไหวก็แบกกันไป
ตอนแรกเริ่มเดินแาการอาจยังดีๆอยู่ เดินไปเรื่อยๆบางคนก็เริ่มไม่ไหว หายใจไม่ทันบ้าง AMS กำเริบบ้าง เราจะเป็นไม่เป็น ตอบไม่ได้จริงๆ ขึ้นอยู่กับดวงเลย เจอบางคนหนุ่มๆก็เป็น ส่วนอากงอาม่า เดินอย่างไว เดินไปเรื่อยๆ เจออากง อาม่าหลายคน เดินสวนกลับ แล้วพูดให้กำลังใจตลอดว่า อีกไม่ไกล ก็ถึงแล้ว ตลอดเลย 😂
พวกหนูยอมแพ้แล้วค่ะ อากงอาม่านี่คือแข็งแรงกันมาก
วิวสวยตลอดทางจริงๆ
เดินเถอะ อย่าขี่ม้าเลย ;)

เดินไปเรื่อยๆ อย่าลืมหันหลังกลับมาถ่ายรูปด้วยนะ เพราะมันสวยมาก
เดินขึ้นไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆหิมะก็ตก จากเดิมที่หนาวอยู่แล้ว เพราอยู่ที่สูงและก็มีลมพัดตลอดเพราะอยู่บนเขา ตอนนี้ยิ่งหนาวมากขึ้น ถอดถุงมือมากดไอโฟนถ่ายรูปได้แปปเดียวก็มือชาหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหน้าเลย ดีที่จขกทเตรียมผ้าพันคอและผ้าปิดหน้ามาด้วย ไม่งั้น คงโดนความเย็นกัดจนแดงไปหมดแน่ๆ
**อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ให้พร้อมด้วยนะ เตรียมให้เหมาะกับตัวเองจะดีที่สุด
ขี้หนาวก็เตรียมหนาๆไป ผ้าพันคอ รองเท้าถุงเท้าให้อุ่น ผ้าปิดหน้าคือสำคัญ ใครไม่มีหลังลงเขานี่คือหน้าแดงหมด เพราะโดนลมเย็นไอเย็นกัดหน้า
ใครขี้ร้อนก็เตรียมชุดแบบที่มันถอดเข้าถอดออกได้ไป ตอนแรกอากาศยังสบายๆ แต่พอเดินขึ้นไปเรื่อยๆ อากาศจะเริ่มเย็นลงมาก
[CR] {รีวิว} 124 Kilometers in China ตามล่าหาทะเลสาบที่ 'ย่าติงง' 2
{ Yading nature reserve }
{ 牛奶海-หนิวหน่ายไห่ ทะเลสาบนำ้นม }
ณ ความสูง 3753 เมตร
วันนี้พวกเราตื่นกันค่อนข้างเช้า
ที่พักของพวกเราดีมากๆ เตียงนุ่มมาก มีฮีตเเต้อให้ และอยู่ใกล้ป้ายรถบัสมากๆ เมื่อวานก่อนนอน พวกเราถามวิธีการเดินทางจากที่พักไปอุทยานย่าติงจากเจ้าของที่พัก สรุปแล้วสามารถไปได้ 2 วิธี 1 นั่งรถบัสประจำทางของอุทยานไป 2 จะมีรถminivan มาคอยขับถามว่าต้องการไปอุทยานย่าติงไหม
และเนื่องจากที่พักเราใกล้ป้ายบัสมาก พวกเราเลยตัดสินใจไปโดยบัสแทน นั่งบัสไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงหน้าทางเข้าอุทยานแล้ว
แชงกรีลา ดินแดนในฝัน พวกเรามาแล้ว~~~
หลังจากลงรถบัส พวกเราก็เข้าไปซื้อตั๋วเข้าอุทยาน กับตั๋วรถบัสอุทยาน เนื่องจากพวกเราเลือกที่จะพักนอกอุทยาน พวกเราเลยต้องเสียค่ารถบัสอีกรอบ แต่ถ้าหากมีตั๋วรถบัสรอบแรกและรูปภาพยืนยันว่าเราเข้าอุทยานจริง เราจะได้ส่วนลด และจ่ายค่ารถบัสรอบสองเพียง 60หยวน เท่านั้น และที่สำคัญ อย่าลืมพกบัตรนักเรียนไปด้วย ใช้เป็นส่วนลดได้เยอะเลย 👍🏻
ซื้อตั๋วเรียบร้อย ก็ มาต่อคิวขึ้นบันไดเลื่อนไปยังที่จอดรถบัส
บอกเลยว่า แค่เดินขึ้นบันไดขั้นน้อยๆ และเดินทางราบไปขึ้นบันไดเลื่อน ก็ทำเอาพวกเราเหนื่อยจนหอบแล้ว 55 ตอนแรกก็งงๆว่าทำไมต้องลงทุนสร้างบันไดเลื่อน พอลองเดินเท่านั้นแหละ...ขอบคุณจริงๆที่มี 555
ตอนแรกนึกว่ามาวันธรรมดา ที่ไม่ใช่วันหยุดจะไม่ค่อยเจอนักท่องเที่ยวชาวจีนสักเท่าไหร่
แต่ปรากฎว่า เจอคนจีนที่เป็นคนพื้นเมืองและก็เจอคนจีนจากเมืองข้างเคียงมาเที่ยวที่นี่ค่อนข้างเยอะพอควรเลยทีเดียว โชคดีมากๆที่ไม่ได้มาตอนวันหยุดยาวของจีน ไม่งั้นละก็ ... คงแย่งกันกินกันใช้ และก็วิวถ่ายรูปกันน่าดู~
หลังจากต่อคิวขึ้นรถบัสเสร็จเรียบร้อย นั่งไปประมาณ1 ชั่วโมง รถบัสก็จอดดให้ลงจุดชมวิวจุดแรก ... แต่ขอบอกว่า วิวข้างทางที่ผ่านมานั้น สวยกว่าจุดชมวิวนี้อีก 555 เพราะฉะนั้น ห้ามหลับ ห้ามกระพริบตาเลยนะ และก็อย่าลืม นั่งข้างหน้าต่างข้างที่เห็นวิวด้วย ;)
วิวแรกที่เจอหลังจากขึ้นรถบัส
ทางรถบัสก็จะเป็น ทางเรียบเขา อ้อมเขาไปมา อาจดูน่ากลัว ตอนรถสวนทางมา แต่คนขับเก่งมาก และถนนก็ดีมาก
ขับไปอีกไม่นาน (จริงๆอาจจะนานแต่เพราะวิวสวยมาก พวกเราเลยรู้สึกว่าไม่นาน ) ก็เริ่มเห็นยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
.... ใกล้ถึงแล้วว ตื่นเต้นมากๆ ✨
ตลอดทางสวยมาก แต่ถ่ายทันแค่นี้ เพราะรถขับค่อนข้างเร็ว😂
จุดจอดชมวิวจุดแรกก
รถบัสจะจอด2ครั้งก่อนที่จะถึงจุดเริ่มเดิน
ครั้งแรกก็คือ ที่จุดชมวิว ครั้งที่สองคือหมู่บ้านย่าติง ใครที่จะพักที่นี่ก็จะลงไปหาที่พักและเก็บกระเป๋า แต่พวกเราเลือกที่จะพักข้างนอกเลยนั่งอยู่บนรถต่อไป
วันนี้พวกเราตั้งเป้าหมายว่าจะเดิน route ยาวก่อน ก็คือ เดินไปทะเลสาบนำ้นม และทะเลสาบ5 สี ทางเดินมีทางเดียว ไม่ต้องกลัวหลงเลย เพราะมีเพื่อนเดินไปด้วยเยอะแยะ แต่ถ้าใครกังวล ตามโรงแรมต่างๆจะมีแผนที่ไว้ให้ หยิบมาด้วยได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นใครเปิดดูอยู่ดี 😂
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พวกเราเดินจากจุดที่รถบัสจอดให้ลง เดินมาตามทางเพื่อไปยังสถานีรถกอล์ฟ (ถ้าใครคิดว่าเดินเร็วเดินไหวก็เดินไปเลยได้ แต่ถ้าใครอยากจะประหยัดแรง ก็จะมีรถกอล์ฟ บริการ ไปกลับ 80หยวน เท่านั้น ) แค่เดินจากจุดรถบัส ไปยังสถานีรถกอล์ฟ พวกเราก็ใช้เวลาไป 1ชั่วโมง ... คิดถูกจริงๆที่วางแผนจะขึ้นรถกอล์ฟตั้งแต่แรก 5555 เพินบนพื้นที่ราบว่าเหนื่อยแล้ว แต่ทางไปสถานีรถกอล์ฟ คือทางขึ้นเนิน ล้วนๆ .... ระยะทางสั้นๆ แต่กินแรงมากมาย ¥^¥
แค่มองขึ้นไปก็เหนื่อยแล้ว 😂
ทางเดินไปยังจุดเริ่มเดิน /สถานีรถกอล์ฟ มีขึ้นเนินบ้าง ลงบ้าง ทางราบบ้าง
เดินไปเรื่อยๆจะผ่านจุดชมวิว จขกทเห็นแล้วก็แอบเย่ในใจ ถึงที่พักแล้ว~ ที่ไหนมีจุดชมวิวที่นั่นมักมีเก้าอี้ 5555
มีห้องนำ้ให้เข้าก่อนเริ่มเดินนะ สภาพดีพอควรอยู่
(สำหรับจขกท มีประตูปิด ถือว่าดี555)
แนะนำว่าให้เข้า เพราะว่า หลังจากนี้ จะไม่มีห้องนำ้อีกแล้ว และทางเดินเรียบหน้าผา ต้นไม้พุ่มไม้แทบไม่มี จะแอบหนีเข้าป่าก็ไม่ได้
หลังจากซื้อตั๋วรถกอล์ฟ และสอบถามเวลากลับ !!
(ข้อควรระวัง!!! เวลารถบัสกับรถกอล์ฟหมด แต่ละฤดูไม่เหมือนกัน ควรสอบถามก่อนเริ่มเดิน เคยอ่านกระทู้นึงแล้วเจอ ว่ากลับมาไม่ทันรถบัส ...น่ากลัวมาก แค่คิดว่าต้องเดินตอนฟ้ามืดท่ามกลางป่าเขาก็รู้สึก หวิวๆแล้ว )
ซื้อตั๋วเสร็จ นั่งรถแปปเดียวก็ถึงจุดเริ่มเดิน จากนี้ไปก็จะเป็น ดินแดนในฝัน แชงกรีลาที่แท้จริง ที่พวกเราตามหา เป้าหมายหลักของทริปนี้ 💓
ตื่นเต้นจนไม่รู้จะยังไงแล้ว แต่ตัองฮึบเก็บไว้ก่อน ตื่นเต้นมากไป ใจเต้นแรงเกิน เดี๋ยวหายใจไม่ทัน จะแย่เอา
ทางเดินตอนแรก ดีมากๆ เป็นทางเดินเหล็ก กับไม้
ถึงแม้ว่าช่วงเมษาจะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยวของย่าติงเท่าเดือนตุลา แต่พอได้เห็นทุ่งหญ้าสีทองตัดกับภูเขาหิมะ แค่นี้ก็รู้สึกว่าสวยจนลืมหายใจไปเลย ...แค่นี้ก็พอแล้ว คุ้มแล้วจริงๆที่ดั้นด้นมาถึงตรงนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทางที่เดินดูเหมือนใกล้ๆ แต่พอเดินแบบจับเวลาจริงๆ พวกเราใช้เวลาเยอะกว่าที่คิดเยอะเลย
เดินตั้งนานยังไม่สุดทางเดินไม้นี่อีก 😂
ระหว่างทางเดิน อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลิน เดี๋ยวทำเวลาไปไม่ถึงทะเลสาบ แล้วจะเสียดาย ถ่ายรูปกันพอประมาณแล้วรีบเดินต่อ เพราะขากลับยังไงก็ต้องเดินกลับทางเดิม
“Two heads are better than one.”
มาเดินที่แบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเพื่อน ถึงแม้ว่าตอนเดินพวกเราแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ต่างคนต่างใส่หูฟัง ฟังเพลงที่ตัวเองชอบ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ วิว ทิวทัศน์ รอบๆ ไม่ได้เดินข้างกันตลอด เดินเร็วบ้างช้าบ้างตามที่ตัวเองไหว แต่พวกเราก็เดินแบบรอๆกัน อย่างน้อยๆต้องเห็นอีกคนอยู่ในสายตาเสมอ มีเพื่อนมันอุ่นใจกว่าจริงๆนะ เพราะตอนนี้เราอยู่กันที่ความสูง 3750 หรือมากกว่านั้น อากาศบางเบามาก อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลา พอมีเพื่อน...เราก็จะอุ่นใจ หากเราเกิดเป็นอะไรไป เช่น เป็นลม หรือสะดุดล้ม อย่างน้อย ก็จะมีคนคอยช่วยเหลือ ;)
พักถ่ายรูปแปปป~ 😂
(หน้านี่คือไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ทัน)
หลังจากสิ้นสุดทางเดินไม้ ก็จะเป็น ทางเดินแบบนี้ และต่อจากนี้ไป สภาพทางเดินก็จะแย่ลงเรื่อยๆ ¥^¥ ~ แต่ก็จะแปรผกผันกับวิว ที่อลังการขึ้นเรื่อยๆ 🤩
หากใครคิดว่าเดินไม่ไหวแล้ว จะมีบริการขี่ม้าไปถึงจุดหนึ่ง ก็จะช่วยย่นระยะเวลาการเดินได้ แต่จะหยุดถ่ายรูประหว่างทางไม่ได้ ราคาขี่ม้าน่าจะประมาณ 300-500หยวน (จำไม่ค่อยได้ ยิ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นนราคาก็จะยิ่งแพง)
จากจุดที่สภาพพื้นเป็นแบบนี้ ทางมันจะค่อยๆชันขึ้นเรื่อยๆ เพราะ เป็นทางเดินขึ้นเขา พวกเราก็เริ่มเดินช้าลงเรื่อยๆ เดิน10ก้าว หยุด เดิน5ก้าวหยุด ~ จนจขกททนไม่ไหวแล้วบอกเพื่อนว่าอยากขี่ม้า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขี่ เพราะตัดใจจ่ายเงิน 300กว่าหยวนไม่ลง แถมยังอดถ่ายรูป ส่วนเพื่อนก็บัฟฟตลอดทางว่า เดินไปก่อน ขาลงค่อยขี่ม้าก็ได้ ~ จขกทก็เลย เดินนต่อไป~~~ ¥^¥
จขกทก็ตามมาติดๆ 😂
หลังจากสิ้นสุดทางเดินไม้ อย่าคาดหวังถึงเก้าอี้ แค่มีก้อนหินให้นั่งได้ก็บุญมากแล้ว 🤣
ระหว่างนั่งพักเหนื่อยก็ได้รูปวิวสวยๆมาอีกหลายใบ
ไปไหนไปด้วยกัน เราไม่ทิ้งนายหรอกเว่ย~!
มีเพื่อนดีก็จะดีประมาณนี้ เดินไม่ไหวก็แบกกันไป
ตอนแรกเริ่มเดินแาการอาจยังดีๆอยู่ เดินไปเรื่อยๆบางคนก็เริ่มไม่ไหว หายใจไม่ทันบ้าง AMS กำเริบบ้าง เราจะเป็นไม่เป็น ตอบไม่ได้จริงๆ ขึ้นอยู่กับดวงเลย เจอบางคนหนุ่มๆก็เป็น ส่วนอากงอาม่า เดินอย่างไว เดินไปเรื่อยๆ เจออากง อาม่าหลายคน เดินสวนกลับ แล้วพูดให้กำลังใจตลอดว่า อีกไม่ไกล ก็ถึงแล้ว ตลอดเลย 😂
พวกหนูยอมแพ้แล้วค่ะ อากงอาม่านี่คือแข็งแรงกันมาก
วิวสวยตลอดทางจริงๆ
เดินเถอะ อย่าขี่ม้าเลย ;)
เดินไปเรื่อยๆ อย่าลืมหันหลังกลับมาถ่ายรูปด้วยนะ เพราะมันสวยมาก
เดินขึ้นไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆหิมะก็ตก จากเดิมที่หนาวอยู่แล้ว เพราอยู่ที่สูงและก็มีลมพัดตลอดเพราะอยู่บนเขา ตอนนี้ยิ่งหนาวมากขึ้น ถอดถุงมือมากดไอโฟนถ่ายรูปได้แปปเดียวก็มือชาหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหน้าเลย ดีที่จขกทเตรียมผ้าพันคอและผ้าปิดหน้ามาด้วย ไม่งั้น คงโดนความเย็นกัดจนแดงไปหมดแน่ๆ
**อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ให้พร้อมด้วยนะ เตรียมให้เหมาะกับตัวเองจะดีที่สุด
ขี้หนาวก็เตรียมหนาๆไป ผ้าพันคอ รองเท้าถุงเท้าให้อุ่น ผ้าปิดหน้าคือสำคัญ ใครไม่มีหลังลงเขานี่คือหน้าแดงหมด เพราะโดนลมเย็นไอเย็นกัดหน้า
ใครขี้ร้อนก็เตรียมชุดแบบที่มันถอดเข้าถอดออกได้ไป ตอนแรกอากาศยังสบายๆ แต่พอเดินขึ้นไปเรื่อยๆ อากาศจะเริ่มเย็นลงมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้