"กรงกรรม" กับดักแห่งกรรมที่นำพาคนเหล่านี้ได้มาเจอกัน

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าไม่ใช่ติ่งช่อง 3 เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ชอบดูซีรีย์ฝรั่งมากกว่าละครไทย เพราะละครไทยชอบผูกติดอยู่กับกฎเดิมๆ พระเอก นางเอก ตัวร้าย ตัวโกง จึงไม่ได้คาดหวังมากมายว่าละครเรื่องนี้จะทำให้เรารู้สึกว้าวหรือรู้สึกประทับใจกับบทละครไทยได้ แต่ก็ยังแอบหวังเล็กๆให้ละครนี้ตีแผ่แง่มุมต่างๆ ของแต่ละตัวละครออกมาให้หมด ไม่ต้องประโคมความสวยหรูแต่เน้นความสมจริงเหมือนดังซีรีย์เมืองนอกที่เค้าชอบทำกัน จึงทำให้ไม่ได้ตั้งใจที่จะดูสดในตอนแรกของละครและมาหาดูรีรันในตอนเช้าแทน ซึ่งอยากจะบอกว่ารู้สึกเสียดายมากถ้ารู้ว่าละครจะออกมาในรูปแบบนี้คงนั่งดูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

ฉากเปิดของเรื่องได้พาให้เราไปรู้จักกับตัวละครที่ชื่อว่า "เรณู" นางบำเรอในซ่อง อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ในยุคปี 2515 ที่ธุรกิจสถานเริงรมย์ โสเภณี กลายเป็นที่เฟื่องฟูในอำเภอแห่งนี้ ที่เธอนั้นกำลังจะมีข่าวดีที่จะได้แต่งงานออกจากซ่องแห่งนี้กับหนุ่มคนรัก "ปฐม(เฮียใช้)" นายทหารหนุ่มวัยกลัดมันลูกชายคนโตหัวแก้วหัวแหวนของ "ย้อย" แม่ผู้ต้องการแสวงหาทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดให้กับลูกของเธอ(หรือตัวเอง?) ในแบบฉบับของผู้หญิงหัวโบราณที่ทำงานปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่ยังสาวโดยที่มี "กมล (อาซา)" ลูกชายคนที่ 3 ช่วยธุรกิจอยู่ที่บ้าน และ "ประสงค์ (อาตง)" ลูกชายคนรองที่ตอนนี้กำลังบวชเป้นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง รวมถึง"มงคล (อาสี่)"ที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ ในบริบทของคนในยุคสมัยนั้นการที่ครอบครัวนึงจะมีลูกสะใภ้ที่แต่งเข้ามาดูแลบ้าน ลูกสะใภ้คนนั้นต้องผ่านสายตาแม่ผัวว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่ แต่ไม่ใช่กับเธอ "เรณู" เพราะการที่เธอทำงานเป็นผู้หญิงหากิน จึงทำให้เธอติดนิสัยชอบแต่งตัวแต่งหน้าและพูดจาจีบปากจีบคอ จนทำให้แม่ผัว "ย้อย" ที่เห็นครั้งแรกก็เกลียดเข้าใส้ดั่งคนที่เคยมีเวรมีกรรมกันมาตั้งแต่ชาติปรางใหน แม้ว่าลึกๆข้างในของ"เรณู"นั้น จะเป็นคนที่ขยันอดทน ไม่เคยท้อกับโชคชะตาแค่ไหนก็ตาม

หลังจากนั้นละครก็ใส่ฉากประทะคารมของแม่ผัวลูกสะใภ้ เข้ามาอย่างเต็มที่แบบถึงพริกถึงขิงตั้งแต่เบรคแรกจนเบรคสุดท้ายกันเลยทีเดียว โดยที่เราคนดูก็ไม่ได้รู้สึกถึงการถูกยัดเยียดให้เกลียดตัวละครใดตัวละครหนึ่งในเรื่อง เพียงแต่ละครได้พาให้เราไปรู้จักถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวละครแต่ละตัวว่าทำไม่ถึงต้องมีความรู้สึกขนาดนั้นผ่านการแสดง กิริยา ท่าทาง คำพูด ที่ตัวนักแสดงถ่ายทอดออกมา ทั้งๆที่เป็นละครขายดราม่าด้วยซ้ำ (ซึ่งขอบอกเลยว่าตรงจุดนี้ตัวผู้กำกับและตัวนักแสดงขัดเกลาบทออกมาได้อย่างดีเยี่ยม) แต่ในขณะคนดูกำลังเอาใจช่วยให้ "เรณู" สู้กับแม่ผัวให้ได้ "กมล (อาซา)" ก็ได้เข้ามาแทรกให้เราคนดูไม่รู้สึกเครียดจนเกินไป ถือว่าเป็นกาวใจที่เข้ามาสมานให้เราอดยิ้มไม่ได้ตลอดเวลา ที่อย่างน้อย "เรณู" ก็ไม่ได้สู้อยู่แค่คนเดียว ยิ่งตอนที่เอาขนมที่ "เรณู" ทำ มาให้แม่ "ย้อย" กิน เพื่อหวังให้เป็นน้ำซึบเบาะทรายเป็นอะไรที่ตลกมาก เหมือนทุกคนในบ้านจะรู้กันว่าเป็นขนมฝีมือใคร ยกเว้นแม่ "ย้อย" คนเดียว จนเราได้เห็นฉากเฉลย ที่แม่ "ย้อย" ถึงกับอ้าปากค้าง จนทำให้เราคนดูรู้เลยว่าอาทิตย์หน้า "เรณู" งานเข้าอีกแล้ว

ถึงแม้ว่าละครจะสนุกแค่ไหนแต่ก็ยังมีข้อติอยู่บ้าง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่แผลใหญ่อะไรมากแต่ก็ทำให้เราสะดุดบ้างในบางฉากบางตอน ยิ่งตอนเริ่มเรื่องแรกๆ จะเห็นเลยว่าตัดต่อออกไม่ดีเท่าที่ควร เพราะมีบางฉากที่รู้สึกว่าตัดไปมาเร็วเหลือเกินพูดไม่จบคำหรือเรารู้สึกว่ามันยังไม่สะใจไม่ขยี้พอ ก็ตัดไปอีกฉากนึงแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นแผลใหญ่อะไร เพราะก็กลับมาดีขึ้นในครึ่งตอนหลัง ที่รู้สึกว่าละครมันสมูทขึ้นใหลลื่นมากขึ้น ไม่สะดุดหรือขัดใจเหมือนช่วงแรกๆ

สุดท้ายนี้ต้องขอชมเหล่านักแสดงทุกคนที่เค้นความเป็นนักแสดงออกมาจริงๆ โดยเฉพาะพี่ใหม่ที่ไม่ได้รับเล่นละครมานานแล้ว แต่ก็ยังทำออกมาได้ดีเยี่ยม ทำให้รู้สึกได้เลยว่านี่แหละเมียเถ้าแก่โรงสี ที่เป็นสะใภ้ไทยแต่งเข้าไปในบ้านคนจีน ปากจัดเหมือนคนไทยแต่ขี้เหนียวเหมือนคนจีนจริงๆ ทุกๆอย่างต้องนึกหน้าตาวงตระกูลไว้ก่อนห้ามให้เสียเกียรติ (ถึงแม่ว่าจะพอรู้เนื้อหามาบ้างว่า"ย้อย"ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น)

สำหรับเราให้คะแนน 9/10 (ตัดเก็บไว้ 1 คะแนน เอาไว้ค่อยให้ตอนจบถ้าทำได้ดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ)

และอยากบอกว่าเพลงนี้เพราะมาก ชอบมากๆ เสียงแก้มสวยมากคลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่