ชายชื่อ ‘คาร์ล ลาเกอร์ฟิลด์’ ที่เพิ่งเสียชีวิตไป และมีข่าวอยู่เต็มหน้าฟีดเฟซบุ๊ค อาจเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของสาวกแฟชั่นอยู่แล้ว จากผลงานที่เขาเคยพลิกโฉมสร้างชื่อให้กับ ‘ชาแนล’ แบรนด์แฟชั่นระดับโลก ที่ใช้สัญลักษณ์เป็นตัว C สองตัวไขว้กัน

ไม่ใช่แค่นั้น ในชีวิตของชายผู้เป็นปราชญ์ด้านแฟชั่น และศิลปะ คนนี้ ก็ยังเคยบินโฉบเข้ามามีเอี่ยวกับวงการฟุตบอลด้วย...
หลายคนอาจคิดว่า เขาเป็นคนฝรั่งเศส แต่อันที่จริงแล้ว เขาเป็นชาวฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมัน โดยช่วงหนึ่ง ที่ลี้ภัยไปอยู่ในชนบทตอนมีสงคราม เขาเริ่มชอบแต่งตัว แถมหลงใหลงานศิลปะ โดยเฉพาะของฝรั่งเศส ทำให้เขาเลือกย้ายไปอยู่ที่ปารีส เพื่อสร้างผลงานตัวเอง

จนในที่สุด เขาได้เข้าไปทำงานกับแบรนด์ดัง ทั้ง โคลเอ (Chloé), ชาแนล (CHANEL) และกลายมาเป็น ฟรีแลนซ์ ในช่วงหลัง และในเมืองน้ำหอมนี่เองที่ทำให้ผู้เป็นทั้งศิลปิน, ช่างภาพ, นักวาด และนักออกแบบ เข้ามามีส่วนร่วมกับวงการกีฬาอย่างจริงจังที่สุดกับฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส
(นอกเหนือจากการวาดรูปศิลปะเกี่ยวกับฟุตบอลลงในนิตยสาร Sepp ของฝรั่งเศส)

นั่นคือ เสื้อแข่งของทีมชาติฝรั่งเศส ในปี 2011 เวอร์ชั่นทีมเยือน ที่เคยผ่านตาแฟนบอลมาแล้ว ถ้ายังจำกันได้ กับเสื้อสีขาวลายขวางสีกรมท่า ซึ่งใส่กับทั้งกางเกงสีกรมท่า หรือกางเกงสีขาว โดยถือเป็นเสื้อทีมเยือนตัวแรก ของ ไนกี้ กับฝรั่งเศสด้วย
พวกเขาประเดิมทำงานร่วมกับทีมตราไก่ และนักออกแบบชื่อดังในฝรั่งเศสคนนี้ ผ่านการใช้ ‘ภาพสื่อสารหลัก’ (Visual) ที่แข็งแรงสุด ของฝรั่งเศสอย่าง ‘ชุดกะลาสี’

เพราะเคยเป็นทั้งชุดของทหารฝรั่งเศสอันเลื่องชื่อในช่วงศตวรรษที่ 19 และได้กลายมาเป็นวัตถุดิบสำคัญของวงการแฟชั่นในช่วงศตวรรษที่ 20 จนถึงตอนนี้ และตลอดไปด้วย โดยเขาบอกว่า มันแสดงให้เห็นถึง 'จิตวิญญาณของความเป็นฝรั่งเศส'

ณ ตอนนั้น ถือว่า เป็นที่ฮือฮาพอพอสมควร เมื่อนักออกแบบระดับตำนานจาก ชาแนล มาจับงานสายฟุตบอลแบบจริงจัง นอกจากนั้น เขายังเป็นผู้ถ่ายภาพแรกของการโปรโมตตัวอย่างเสื้อเวอร์ชั่นทีมเยือนที่เขาเพิ่งเป็นผู้ปฏิวัติความสง่างามให้
โดยนายแบบผู้โชคดีคนนั้น มีชื่อว่า ‘อาลู ดิยาร์ร่า’ ผู้เล่นตำแหน่งกองกลางของพลพรรคเลอ เบลอส์ ในวัย 29 ปีขณะนั้น จนกาลเวลาผ่านไป และหลังการเสียชีวิตของ คาร์ล ลาเกอร์ฟิลด์ ล่าสุดมีข่าวว่า เสื้อรุ่นนี้ ขึ้นหิ้งของหายาก และราคาพุ่ง

ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะนี่คือ ผลงานชิ้นแรก-ชิ้นเดียวอย่างเป็นทางการของ ‘ราชาแห่งแฟชั่น’ ในวงการฟุตบอลเชียวนะ
credit : www.siamsport.co.th & ขอบคุณข้อมูล และภาพจาก twitter.com/brfootball, switchimageproject.blogspot.com, colincornwell.com, gettyimages.com
‘คาร์ล ลาเกอร์ฟิลด์’ ราชาแฟชั่น-ผลงานชิ้นเดียว ฝากไว้ในวงการฟุตบอล
ไม่ใช่แค่นั้น ในชีวิตของชายผู้เป็นปราชญ์ด้านแฟชั่น และศิลปะ คนนี้ ก็ยังเคยบินโฉบเข้ามามีเอี่ยวกับวงการฟุตบอลด้วย...
หลายคนอาจคิดว่า เขาเป็นคนฝรั่งเศส แต่อันที่จริงแล้ว เขาเป็นชาวฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมัน โดยช่วงหนึ่ง ที่ลี้ภัยไปอยู่ในชนบทตอนมีสงคราม เขาเริ่มชอบแต่งตัว แถมหลงใหลงานศิลปะ โดยเฉพาะของฝรั่งเศส ทำให้เขาเลือกย้ายไปอยู่ที่ปารีส เพื่อสร้างผลงานตัวเอง
จนในที่สุด เขาได้เข้าไปทำงานกับแบรนด์ดัง ทั้ง โคลเอ (Chloé), ชาแนล (CHANEL) และกลายมาเป็น ฟรีแลนซ์ ในช่วงหลัง และในเมืองน้ำหอมนี่เองที่ทำให้ผู้เป็นทั้งศิลปิน, ช่างภาพ, นักวาด และนักออกแบบ เข้ามามีส่วนร่วมกับวงการกีฬาอย่างจริงจังที่สุดกับฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส
(นอกเหนือจากการวาดรูปศิลปะเกี่ยวกับฟุตบอลลงในนิตยสาร Sepp ของฝรั่งเศส)
นั่นคือ เสื้อแข่งของทีมชาติฝรั่งเศส ในปี 2011 เวอร์ชั่นทีมเยือน ที่เคยผ่านตาแฟนบอลมาแล้ว ถ้ายังจำกันได้ กับเสื้อสีขาวลายขวางสีกรมท่า ซึ่งใส่กับทั้งกางเกงสีกรมท่า หรือกางเกงสีขาว โดยถือเป็นเสื้อทีมเยือนตัวแรก ของ ไนกี้ กับฝรั่งเศสด้วย
พวกเขาประเดิมทำงานร่วมกับทีมตราไก่ และนักออกแบบชื่อดังในฝรั่งเศสคนนี้ ผ่านการใช้ ‘ภาพสื่อสารหลัก’ (Visual) ที่แข็งแรงสุด ของฝรั่งเศสอย่าง ‘ชุดกะลาสี’
เพราะเคยเป็นทั้งชุดของทหารฝรั่งเศสอันเลื่องชื่อในช่วงศตวรรษที่ 19 และได้กลายมาเป็นวัตถุดิบสำคัญของวงการแฟชั่นในช่วงศตวรรษที่ 20 จนถึงตอนนี้ และตลอดไปด้วย โดยเขาบอกว่า มันแสดงให้เห็นถึง 'จิตวิญญาณของความเป็นฝรั่งเศส'
ณ ตอนนั้น ถือว่า เป็นที่ฮือฮาพอพอสมควร เมื่อนักออกแบบระดับตำนานจาก ชาแนล มาจับงานสายฟุตบอลแบบจริงจัง นอกจากนั้น เขายังเป็นผู้ถ่ายภาพแรกของการโปรโมตตัวอย่างเสื้อเวอร์ชั่นทีมเยือนที่เขาเพิ่งเป็นผู้ปฏิวัติความสง่างามให้
โดยนายแบบผู้โชคดีคนนั้น มีชื่อว่า ‘อาลู ดิยาร์ร่า’ ผู้เล่นตำแหน่งกองกลางของพลพรรคเลอ เบลอส์ ในวัย 29 ปีขณะนั้น จนกาลเวลาผ่านไป และหลังการเสียชีวิตของ คาร์ล ลาเกอร์ฟิลด์ ล่าสุดมีข่าวว่า เสื้อรุ่นนี้ ขึ้นหิ้งของหายาก และราคาพุ่ง
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะนี่คือ ผลงานชิ้นแรก-ชิ้นเดียวอย่างเป็นทางการของ ‘ราชาแห่งแฟชั่น’ ในวงการฟุตบอลเชียวนะ
credit : www.siamsport.co.th & ขอบคุณข้อมูล และภาพจาก twitter.com/brfootball, switchimageproject.blogspot.com, colincornwell.com, gettyimages.com