ว่าด้วยเรื่องพรรคอนาคตใหม่เสนอนโยบายที่ทำไม่ได้ซักอย่าง ของข้าราชการกระทรวงการคลังตัวน้อยๆคนหนึ่ง

กระทู้สนทนา
- ออกตัวก่อนว่ายังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกพรรคอนาคตใหม่ และไม่ได้ต่อต้านทหารอะไรขนาดนั้น เรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องนึงที่ไม่มีความคิดเห็น แต่มาดูประเด็นในเครื่องหมายคำพูดกัน บทความนี้ฟ้องว่าข้าราชการคนเป็นเจ้าของบทความเดิมเป็นคนยังไง (บทความเดิมทั้งหมดอยู่ในตัวเอียง)

ทำไมพรรคอนาคตใหม่ของธนาธรอันตรายถึงขั้นจำเป็นต้อง ตระหนัก ?
ถึงเพื่อนๆที่เคารพรักทุกท่าน ก่อนเลือกตั้งผมจะต้องเขียนบทความที่ชี้แจงถึงความอันตรายของธนาธรว่าเขาเป็นคนโกหกหลอกลวงยิ้มปลิ้นปล้อนขนาดไหนเพราะนโยบายทั้งหมดที่เขาได้กล่าวไปในการหาเสียงแทบจะทำจริงไม่ได้เลยสักอย่างไม่ว่าจะเป็นนโยบายการยกเลิกทหารเกณฑ์การลดงบประมาณของกองทัพอย่างมหาศาล    "การให้สวัสดิการรักษาพยาบาลประชาชนเทียบเท่าข้าราชการ"  การปรับปรุงปฏิรูประบบทุนทุกสิ่งที่พูดไปหากทำ ได้จริงประเทศก็จะล้มละลายภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งนั่นหมายความว่าเขารู้อยู่แล้วว่าทุกสิ่งที่พูดไปทำไม่ได้ แต่ก็ยังจะใช้หาเสียง มนุษย์คนนี้อันตรายยิ่งกว่าทักษิณ ชินวัตร ถ้าหากให้พูดอย่างสั้นๆเอาง่ายๆตั้งแต่การยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารและเปลี่ยนมาใช้เงินจ้างในอัตราสูงสูงรวมถึงให้สวัสดิการทหารเกณฑ์ แน่นอนว่าแค่นโยบายนี้นโยบายเดียวก็ทำให้คลังแตกได้เลยเพราะหากจะต้องให้คนเต็มใจที่อยากจะเป็นทหารเกณฑ์หรือเป็นพลทหารโดยการใช้เงินเดือนสูงๆมาล่อ ถ้าหากเราต้องการกำลังพลเพียง 50,000 หาเงินที่ต้องใช้ มหาศาลขณะที่เรียกได้ว่าต้องยุบข้าราชการประจำ 1 กระทรวงเล็กๆเลยทีเดียวนอกจากนี้    "หากให้สวัสดิการเทียบ ขรก แถมพ่วงด้วยหมายถึงว่าเราจะต้องใช้งบประมาณทางด้านสาธารณสุขอย่างมหาศาลในการออกวิ่งคนพวกนี้รวมถึงพ่อแม่และลูกเมียเขาซึ่งนโยบายทางสาธารณสุขงบประมาณตรงนี้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้หากพ่อของพลทหารคนหนึ่งมีปัญหาที่ต้องฟอกไตทุกเดือนและแม่ของพลทหารคนหนึ่งมีปัญหาเรื่องเบาหวานแค่นี้ค่าใช้จ่ายต่อหัวก็จะเพิ่มขึ้นมาเดือนนึงหลักแสนคนนึงต่อปีก็จะเป็นหลักล้านแน่นอนว่า คลังไม่ได้มีเงินเยอะให้ขนาดนั้น นี่ยังไม่นับรวมนโยบายอื่นๆอีกมากมายซึ่งทุกนโยบายล้วนไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติ
และไหนจะนโยบายสาธารณสุขสุดเพ้อฝัน นั่นคือการชูคำว่าเท่าเทียมเพื่อต้องการเรียก และเป็นการสร้างอารมณ์ร่วมของประชาชนโดยยกเรื่อง สิทธิ์สวัสดิการว่าจะให้สิทธิ์ 30 บาทบัตรทองและสิทธิ์เบิกจ่ายข้าราชการเท่ากันทั้งประเทศ แค่ทุกวันนี้สิทธิ์เบิกจ่าย ค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการก็แทบจะทำให้คลังไม่มีเงินอยู่แล้ว"

- ถ้าข้าราชการกระทรวงการคลังรู้อยู่แล้วว่า ค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการปัจจุบันทำให้คลังไม่มีเงิน แล้วทำไมไม่ออกมาต่อต้านขอลดสิทธิ์รักษาพยาบาล? แล้วช่วงสองปีที่ผ่านมา มีการอนุมัติสิทธิ์รักษาพยาบาลรักษาโรคเพิ่มให้ข้าราชการ มีการเพิ่มสวัสดิการ ทำไมไม่ออกมาต่อต้าน? ปล่อยให้ผลาญงบคลังได้อย่างไรทั้งที่รู้ว่าสังคมต้องรับภาระ? พอคนอื่นจะเพิ่มสิทธิ์ให้คนในสังคมกลับออกมาโวยวาย หรือเพราะตัวเองได้จะเงียบ ถ้าคนอื่นได้จะโวยวาย? นี่หรอจิตสำนึกของข้าราชการ?

ซึ่งข้าราชการในแต่ละปี 10 น้อยลงเรื่อยๆซึ่งปัจจุบันแม้แต่การผ่าตาต้อข้าราชการก็ยังจะต้องสำรองจ่ายค่าเลนส์เทียมเพียงแต่ว่าค่าหัตถการและการผ่ายังสามารถทำเบิกจ่ายได้อยู่โดยที่กรมบัญชีกลางจะส่งเงินตรงนี้ไปให้สปสชและให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเบิกมาอีกที แต่ ถ้าหากให้สิทธิ์เหล่านี้กลับประชาชนทั้งประเทศแน่นอนว่าล้มละลายภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปีแน่นอน "เมื่อย้อนกลับมาพูดว่าทำไมข้าราชการประจำจึงจำเป็นต้องได้รับสิทธิ์สวัสดิการ ด้านการรักษาที่ดี คงต้องชี้แจงว่าข้าราชการประจำ ถ้าหากดูเงินเดือนที่ได้รับกับงานที่ทำนับได้ว่าต่ำกว่าภาคเอกชนอยู่มากพอสมควร หลายคนที่มีความสามารถเก่งกาจ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการกระทรวงการคลังบางคนที่มีประวัติดีเลิศเคยทำงานระดับ World Bank แต่ยอมเสียสละมาเป็นข้าราชการประจำรับเงินเดือนแค่ไม่กี่หมื่น ดังนั้น สิทธิ์สวัสดิการรักษาพยาบาลจึงเป็นสิ่งที่ควรจำเป็นต้องให้ข้าราชการต่อไป และ ก็ไม่ต่างจากบริษัทเอกชนใหญ่ๆที่มีผลประกอบการดีหลายที่ที่ให้สวัสดิการรักษาพยาบาลหรือซื้อประกันให้กับพนักงานเพิ่ม หากจะต้องการทำให้ได้ดั่งที่เขาพูดจริงกระทรวงการคลังจะต้องทำการเก็บภาษีเพิ่มอย่างมหาศาล"

- เหตุผลว่าทำไมข้าราชการจำเป็นต้องได้รับสิทธิ์สวัสดิการ การรักษาที่ดี บอกว่าเพราะคนมีศักยภาพดีเลิศระดับ World bank ถามจริงๆนะ? มีกี่คนที่มาจากระดับworld bank? เอาจริงๆ ทั้งกระทรวงมีกี่คน? เทียบกับเอกชนเอาแค่ CP ไทยพาณิย หรือSCGก็พอ ไม่ต้องนับ Toyota Honda ธนาคารอื่น บริษัทอื่น แค่นี้คนประวัติดีเลิศเทียบเปอร์เซ็นก็น่าจะเกินทั้งกระทรวงการคลังแล้ว แถมยังจะพูดเทียบเรื่องผลประการดีแล้วมีสวัสดิการให้พนักงาน  ไ ว้ เ อ ก ช น มี สิ ท ธิ์ เ ก็ บ ภ า ษี ส า ธ า ร ณ ะ ม า ใ ช้ เ ห มื อ น ร า ช ก า ร ค่ อ ย เ อ า ม า เ ที ย บ กั น เ ถ อ ะ

- อีกอย่างเรื่องเหตุผลที่ใครควรได้รับสวัสดิการจริงๆแล้ว ไม่ควรตัดสินว่าใครอยู่ระดับworld bank รึเปล่า แต่ควรพิจารณาว่าหน่วยงานนั้นให้ผลตอนแทนแก่สังคมเท่าใด ราชการทำงานเต็มหรือล่วงเวลา เท่าเอกชนรึเปล่า? ทำงานต้องโฟกัสเต็มเวลาเท่ากันหรือไม่? แล้วทำงานนี่ทำทุกคนมั้ย มีใครในหน่วยนั่งกินกาแฟอย่างเดียวไม่ทำรึเปล่า? แล้วถ้าทำงานไม่ถึงเป้า ทำงานไม่ได้ตามคุณภาพมีการประเมินมั้ย มีการไล่ออกตามจริงรึเปล่า? หรือคุณภาพไม่ถึงก็เลี้ยงไว้กินภาษี กินสวัสดิการ? ตอนที่จะเสนอออกกฎหมายให้ครูทุกคนแสดงบัญชีทรัพยสิน แล้วครูขู่จะลาออกยังยอมถอย ทั้งที่มีคนรอบรรจุตั้งเยอะ ที่ยอมถอยเพราะนี่คือครูระดับ world bankด้วยมั้ย เลยไม่อยากให้ออก?

ซึ่งอันที่จริงส่วนนี้เขาก็ทราบดีว่าทำไม่ได้เพราะโฆษกพรรคก็คือหมอที่จบจากโรงเรียนแพทย์ชั้นนำริมแม่น้ำเจ้าพระยามีหรือจะไม่รู้ แต่ร่วมกันหลอกลวงและมอมเมาประชาชนเพียงเพื่อต้องการได้คะแนนเสียง ผมขอย้อนพูดในส่วนของ การเก็บภาษี ในฐานะที่เป็นนักเรียนเก่าเยอรมัน ภาษีของเยอรมันไม่ได้สูงแค่ในส่วนของ vat หรือภาษีมูลค่าเพิ่มเยอรมันเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาษีย่อยและเยอะมากเก็บภาษีทุกอย่างแม้แต่ภาษีวิทยุภาษีโทรทัศน์และภาษีอินเตอร์เน็ต ถ้าพูดไปหลายคนคงไม่เข้าใจเพราะภาษีเหล่านี้ไม่ได้มีการนำมาใช้ในประเทศไทยยกตัวอย่างภาษีวิทยุเช่นหาก คุณเอมีรถ 1 คันและในบ้านมีวิทยุ 2 ตัวนั่นหมายถึงว่าใน 1 เดือนคุณเอจะต้องจ่ายค่าภาษีวิทยุทั้งหมด 3 หน่วย เพราะแม้แต่วิทยุในรถก็ถือว่าเป็นภาษีหนึ่งหน่วย จะเห็นได้ว่าภาษี และครอบคลุมทุกอย่างมาก หากทำอย่างนี้กับคนไทยแน่นอนว่าคงโวยวายกันทั้งประเทศ อันนี้ยังแค่พูดในเรื่องของนโยบาย เป็นจริงไม่ได้เพราะไม่สอดคล้องกับการคลังของประเทศ "อีกสิ่งที่วัยรุ่นทั้งหลายควรทราบว่าผู้นำอายุน้อย ไม่ได้นำพาสิ่งใหม่ๆที่ดีมาสู่ประเทศเสมอ อาทิประเทศฝรั่งเศสได้พึ่งมีประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์โดยมาเป็นอธิบดีในช่วงอายุ 39 ปี และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือยุคมืดและความตกต่ำของประเทศฝรั่งเศสรวมถึงการเผาทั้งประเทศ
จากใจข้าราชการกระทรวงการคลังตัวน้อยๆคนหนึ่ง( ขออนุญาตสงวนชื่อผู้เขียนครับ)

- ส่วนอื่นของบทความไม่มีความเห็น อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ในฐานะข้าราชการ ถ้ารู้ว่าค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการปัจจุบันทำให้คลังไม่มีเงิน แล้วทำไมยังจะรับเงินส่วนนี้อยู่? แถมพอคนอื่นจะได้บ้างตัวเองกลับมาต่อต้าน? ถ้าบทความนี้เขียนโดยข้าราชการตัวน้อยคนนึงจริง ก็หวังว่าจะคิดได้ก่อนจะได้เป็นข้าราชการตัวกลางหรือตัวใหญ่ ไม่งั้นสังคมคงต้องมาเสียสละประโยชน์หรือสวัสดิการให้คนเขียนบทความต้นฉบับกันอีกเยอะแน่ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่