จากกระทู้ที่แล้วที่ผมเคยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
https://pantip.com/topic/38010646
ผมเชื่อว่าน่าจะมีส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องได้อ่านเรื่องราวของผม และผมสังเกตได้จากการที่ พนง.ได้ใส่ใจในการยื่นคูปองโดยสารสำหรับผู้พิการ
ซึ่งเลี่ยงการเฟี่ยง โยนหรือการกระทำอื่นๆ เป็นการยื่นให้ด้วยมือและสัมผัสด้วยนิ้วเพื่อให้ผู้พิการ(อย่างผม)ได้หยิบอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้การมองเห็นที่เหลืออย่างน้อยนิดพยายามมากนัก(สายตาเลือนราง)
เอาหละครับ... มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
วันนี้ 21 ก.พ. 62 ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสวุฒากาศ(ฝั่นทางออกประตู4-5) เวลาประมาณ 6.30 น.
ก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่คนพิการอย่างผมจะต้องยื่นบัตรผู้พิการเพื่อขอรับคูปองการเดินทาง แต่ผมสังเกตว่าพักนี้แถวตรงช่องบริการ มันจะยาวมากกกกกกกก
อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ จนท.ต้องลงทะเบียนบัตรให้กับผู้ที่ถือบัตรกระต่าย
และด้วยความที่ว่าเมื่อเช้า ช่องบริการเปิดเพียงช่องเดียว ผมได้เข้าคิวอยู่ประมาณคนที่ห้าได้และก็มีคนต่อจากผมไปอีก(พี่ผู้หญิงที่ยืนหลังผมเข้าใจได้เลยว่ารีบ เพราะถอนหายใจหลายรอบมาก)
ผมก็ไม่ได้รีบอะไรมากครับ เพราะเผื่อเวลาไว้อยู่พอสมควรได้
อีกไม่นานนัก หลังจากที่ผมยืนรอโดยใช้เวลาเทียบกับการร้องเพลงช้างประมาณหกรอบ
ผมก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดใส่ไมโครโฟน(คือผมใส่หูฟังอยู่แต่ปิดเพลงเอาไว้) ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ เพราะคิดว่าคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา
อีกใจหนึ่งก็คิดว่าเขาคงเรียกเปิดช่องบริการอีกช่องหนึ่ง (ก็ให้คนอื่นข้างหลังผมวิ่งไปเถอะ เพราะผมคงวิ่งตามเขาไม่ทันอยู่แล้ว ขอใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆแบบเลือนรางของผมดีกว่า...)
อีกไม่นานผมก็เลยตั้งใจฟัง...
เสียงนั้นก็เป็นเสียงของพี่ พนง.ที่อยู่ในห้องจำหน่ายตั๋ว ที่เรียกพี่ รปภ.และพูดใส่ไมค์ว่า เรียกน้องผู้ชายตัวเล็กๆที่ใส่เสื้อสีเทามาช่องนี้หน่อย
เอิ่ม... ตัวเล็ก (ผมเหรอ?)
ใส่เสื้อสีเทา... (เออวะ.. ตูเลยนี่แหละ ตรงตามที่พี่เขาพูดทุกอย่าง)
ผมก็เลยเดินตามพี่ รปภ.ไปตรงช่องนั้นใกล้ๆกับทางเข้าช่องพิเศษ(ที่ไม่ต้องแตะบัตร)
พี่ จนท.ถามว่า: ไปไหน?
ผมก็ตอบไปว่า: *+-*/+-
และผมก็ได้คูปองเดินทางสำหรับผู้พิการมาในที่สุด
จากเหตุการณ์ข้างต้นที่ผมเล่ามา เชื่อได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ปกติสำหรับการทำหน้าที่ผู้ให้บริการ
แต่มันเป็นเรื่องที่พิเศษมากครับ เพราะผมสัมผัสได้ว่าพี่ จนท.ท่านนี้ทำงานด้วยใจรักและใส่ใจในการให้บริการจริงๆ
ลองคิดดูเล่นๆครับว่า.... วันหนึ่ง จนท.ที่ให้บริการบนสถานีรถไฟฟ้า จะต้องเจอคนมากหน้าหลายตาจำนวนกี่คน
กับผมที่ไม่ได้แสดงตัวตนความเป็นผู้พิการ เพราะผมไม่ได้ถือไม้เท้าขาว นอกเสียจากการที่ผมแสดงบัตรเมื่อผมต้องการแลกคูปองเดินทางแต่เพียงเท่านั้น
ซึ่งพี่ท่านนี้เวลายื่นคูปองให้กับผม ก็จะใช้นิ้วแตะสัมผัสคูปองตรงช่องนั้น เพื่อให้ผมคลำและหยิบหาได้ง่าย ทุกครั้งเท่าที่ผมจำได้
ผมเองก็ไม่ได้รู้จักพี่ จนท.ท่านนี้เป็นการส่วนตัวครับ แต่ถ้ากระทู้นี้พี่ได้มีโอกาสอ่าน รวมถึงพี่ จนท.บีเอสวุฒากาศทุกท่านที่เคยแลกคูปองให้กับผม
ผมอยากจะขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆครับ ในการทำหน้าที่ผู้ให้บริการด้วยความใส่ใจและใจรัก อยากขอบคุณจริงๆครับ

อีกอย่างมันคงเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ถ้าผู้ใหญ่ในหน่วยงานนี้ได้เข้าใจความรู้สึกผู้โดยสารตัวเล็กๆที่โดยสารฟรีในฐานะผู้พิการ(อย่างผม) ว่าการที่ พนง.ของคุณใส่ใจและเอาใจใส่โดยไม่แบ่งแยกสถานะทางสังคม มันสามารถพิสูจน์อะไรได้หลายปัจจัยต่อพื้นฐานการทำงานของพนักงานคนนั้นๆ
รบกวนฝากเอาไว้พิจารณาด้วยครับ
ตอนแรกผมก็คิดนะครับว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า มันเป็นเรื่องราวที่เล็กน้อยมากครับ เล็กจนคนบางคนอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจ แต่มันแปลกที่คนบางคนให้ความสำคัญกับมัน
และก็เชื่อว่ากระทู้การแบ่งปันเรื่องราวดีๆ อาจจะไม่มีคนกดเข้ามาอ่านและให้ความสนใจ
เอาหนะครับ... แต่อย่างน้อยผมก็ได้ทำแล้ว เผื่อว่าเรื่องราวของผมจะไปกระแทกตากับผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้บ้าง

ขอบคุณครับที่กดเข้ามาอ่านเรื่องราวของผม
"ทุกอาชีพล้วนมีหัวโขนประจำบทบาทกันทั้งนั้น แต่ถ้าเรารู้จักทำหน้าที่นั้นด้วยใจ มิใช่แต่เพียงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ความรักจากงานที่มันออกมาจากใจ สักวันหนึ่งมันต้องมีคนสัมผัสสิ่งนั้นได้อย่างแน่นอน..."
ปล.เวลาผมเจอพี่ จนท.ท่านนี้ มันสบายใจทุกครั้งเวลาจะต้องแลกบัตร อย่างน้อยผมไม่โดนตะคอกว่าจะไปไหน.. อะไรนะ!! และไม่ต้องคลำหาคูปองที่ช่องนั้นอย่างลำบาก
ปล.2 เวลาผมถึงสถานีปลายทาง บางครั้ง จนท.เขาไม่ได้เก็บคูปอง เชื่อไหมตลอดเวลาที่ผมได้มีโอกาสออกมาทำงานตามกฎหมายแรงงานพิการเข้าปีที่สาม ผมไม่เคยทิ้งคูปองกระดาษบางๆนั้นสักครั้ง เพราะการเดินทางในแต่ละวัน มันมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความพิการของผมเสมอ
ปล.3 ผมอยากเป็นกำลังใจให้กับสายงานบริการทุกท่านครับ ผมรู้ว่ามันเหนื่อย เจอคนหลายประเภท คุณอาจจะเจอคนวันละเป็นพัน แต่อย่าลืมครับว่า คนที่อยู่ตรงหน้าคุณ เขาคิดว่าคุณเป็นคนแรกและคนเดียวที่จะให้บริการเขาด้วยความเต็มใจ
อีกอย่างถ้าคนทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยไม่แบ่งแยกสถานะภาพหรือฐานะทางสังคม เชื่อว่าสังคมเราจะสวยงามและมีความสุขมากขึ้นครับ
จนท.สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสวุฒากสศ ทำตัวแบบนี้...ระวังจะเจอดีเข้าสักวัน!!!
https://pantip.com/topic/38010646
ผมเชื่อว่าน่าจะมีส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องได้อ่านเรื่องราวของผม และผมสังเกตได้จากการที่ พนง.ได้ใส่ใจในการยื่นคูปองโดยสารสำหรับผู้พิการ
ซึ่งเลี่ยงการเฟี่ยง โยนหรือการกระทำอื่นๆ เป็นการยื่นให้ด้วยมือและสัมผัสด้วยนิ้วเพื่อให้ผู้พิการ(อย่างผม)ได้หยิบอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้การมองเห็นที่เหลืออย่างน้อยนิดพยายามมากนัก(สายตาเลือนราง)
เอาหละครับ... มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
วันนี้ 21 ก.พ. 62 ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสวุฒากาศ(ฝั่นทางออกประตู4-5) เวลาประมาณ 6.30 น.
ก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่คนพิการอย่างผมจะต้องยื่นบัตรผู้พิการเพื่อขอรับคูปองการเดินทาง แต่ผมสังเกตว่าพักนี้แถวตรงช่องบริการ มันจะยาวมากกกกกกกก
อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ จนท.ต้องลงทะเบียนบัตรให้กับผู้ที่ถือบัตรกระต่าย
และด้วยความที่ว่าเมื่อเช้า ช่องบริการเปิดเพียงช่องเดียว ผมได้เข้าคิวอยู่ประมาณคนที่ห้าได้และก็มีคนต่อจากผมไปอีก(พี่ผู้หญิงที่ยืนหลังผมเข้าใจได้เลยว่ารีบ เพราะถอนหายใจหลายรอบมาก)
ผมก็ไม่ได้รีบอะไรมากครับ เพราะเผื่อเวลาไว้อยู่พอสมควรได้
อีกไม่นานนัก หลังจากที่ผมยืนรอโดยใช้เวลาเทียบกับการร้องเพลงช้างประมาณหกรอบ
ผมก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดใส่ไมโครโฟน(คือผมใส่หูฟังอยู่แต่ปิดเพลงเอาไว้) ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ เพราะคิดว่าคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา
อีกใจหนึ่งก็คิดว่าเขาคงเรียกเปิดช่องบริการอีกช่องหนึ่ง (ก็ให้คนอื่นข้างหลังผมวิ่งไปเถอะ เพราะผมคงวิ่งตามเขาไม่ทันอยู่แล้ว ขอใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆแบบเลือนรางของผมดีกว่า...)
อีกไม่นานผมก็เลยตั้งใจฟัง...
เสียงนั้นก็เป็นเสียงของพี่ พนง.ที่อยู่ในห้องจำหน่ายตั๋ว ที่เรียกพี่ รปภ.และพูดใส่ไมค์ว่า เรียกน้องผู้ชายตัวเล็กๆที่ใส่เสื้อสีเทามาช่องนี้หน่อย
เอิ่ม... ตัวเล็ก (ผมเหรอ?)
ใส่เสื้อสีเทา... (เออวะ.. ตูเลยนี่แหละ ตรงตามที่พี่เขาพูดทุกอย่าง)
ผมก็เลยเดินตามพี่ รปภ.ไปตรงช่องนั้นใกล้ๆกับทางเข้าช่องพิเศษ(ที่ไม่ต้องแตะบัตร)
พี่ จนท.ถามว่า: ไปไหน?
ผมก็ตอบไปว่า: *+-*/+-
และผมก็ได้คูปองเดินทางสำหรับผู้พิการมาในที่สุด
จากเหตุการณ์ข้างต้นที่ผมเล่ามา เชื่อได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ปกติสำหรับการทำหน้าที่ผู้ให้บริการ
แต่มันเป็นเรื่องที่พิเศษมากครับ เพราะผมสัมผัสได้ว่าพี่ จนท.ท่านนี้ทำงานด้วยใจรักและใส่ใจในการให้บริการจริงๆ
ลองคิดดูเล่นๆครับว่า.... วันหนึ่ง จนท.ที่ให้บริการบนสถานีรถไฟฟ้า จะต้องเจอคนมากหน้าหลายตาจำนวนกี่คน
กับผมที่ไม่ได้แสดงตัวตนความเป็นผู้พิการ เพราะผมไม่ได้ถือไม้เท้าขาว นอกเสียจากการที่ผมแสดงบัตรเมื่อผมต้องการแลกคูปองเดินทางแต่เพียงเท่านั้น
ซึ่งพี่ท่านนี้เวลายื่นคูปองให้กับผม ก็จะใช้นิ้วแตะสัมผัสคูปองตรงช่องนั้น เพื่อให้ผมคลำและหยิบหาได้ง่าย ทุกครั้งเท่าที่ผมจำได้
ผมเองก็ไม่ได้รู้จักพี่ จนท.ท่านนี้เป็นการส่วนตัวครับ แต่ถ้ากระทู้นี้พี่ได้มีโอกาสอ่าน รวมถึงพี่ จนท.บีเอสวุฒากาศทุกท่านที่เคยแลกคูปองให้กับผม
ผมอยากจะขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆครับ ในการทำหน้าที่ผู้ให้บริการด้วยความใส่ใจและใจรัก อยากขอบคุณจริงๆครับ
อีกอย่างมันคงเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ถ้าผู้ใหญ่ในหน่วยงานนี้ได้เข้าใจความรู้สึกผู้โดยสารตัวเล็กๆที่โดยสารฟรีในฐานะผู้พิการ(อย่างผม) ว่าการที่ พนง.ของคุณใส่ใจและเอาใจใส่โดยไม่แบ่งแยกสถานะทางสังคม มันสามารถพิสูจน์อะไรได้หลายปัจจัยต่อพื้นฐานการทำงานของพนักงานคนนั้นๆ
รบกวนฝากเอาไว้พิจารณาด้วยครับ
ตอนแรกผมก็คิดนะครับว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า มันเป็นเรื่องราวที่เล็กน้อยมากครับ เล็กจนคนบางคนอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจ แต่มันแปลกที่คนบางคนให้ความสำคัญกับมัน
และก็เชื่อว่ากระทู้การแบ่งปันเรื่องราวดีๆ อาจจะไม่มีคนกดเข้ามาอ่านและให้ความสนใจ
เอาหนะครับ... แต่อย่างน้อยผมก็ได้ทำแล้ว เผื่อว่าเรื่องราวของผมจะไปกระแทกตากับผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้บ้าง
ขอบคุณครับที่กดเข้ามาอ่านเรื่องราวของผม
"ทุกอาชีพล้วนมีหัวโขนประจำบทบาทกันทั้งนั้น แต่ถ้าเรารู้จักทำหน้าที่นั้นด้วยใจ มิใช่แต่เพียงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ความรักจากงานที่มันออกมาจากใจ สักวันหนึ่งมันต้องมีคนสัมผัสสิ่งนั้นได้อย่างแน่นอน..."
ปล.เวลาผมเจอพี่ จนท.ท่านนี้ มันสบายใจทุกครั้งเวลาจะต้องแลกบัตร อย่างน้อยผมไม่โดนตะคอกว่าจะไปไหน.. อะไรนะ!! และไม่ต้องคลำหาคูปองที่ช่องนั้นอย่างลำบาก
ปล.2 เวลาผมถึงสถานีปลายทาง บางครั้ง จนท.เขาไม่ได้เก็บคูปอง เชื่อไหมตลอดเวลาที่ผมได้มีโอกาสออกมาทำงานตามกฎหมายแรงงานพิการเข้าปีที่สาม ผมไม่เคยทิ้งคูปองกระดาษบางๆนั้นสักครั้ง เพราะการเดินทางในแต่ละวัน มันมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความพิการของผมเสมอ
ปล.3 ผมอยากเป็นกำลังใจให้กับสายงานบริการทุกท่านครับ ผมรู้ว่ามันเหนื่อย เจอคนหลายประเภท คุณอาจจะเจอคนวันละเป็นพัน แต่อย่าลืมครับว่า คนที่อยู่ตรงหน้าคุณ เขาคิดว่าคุณเป็นคนแรกและคนเดียวที่จะให้บริการเขาด้วยความเต็มใจ
อีกอย่างถ้าคนทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยไม่แบ่งแยกสถานะภาพหรือฐานะทางสังคม เชื่อว่าสังคมเราจะสวยงามและมีความสุขมากขึ้นครับ