ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาติดตามวิเคราะห์สถานการณ์การเจรจาต่อรองโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จึงมีข้อสงสัยหลายประเด็นค่ะ
1. ที่ขู่ ๆ กันว่า หากยังไม่มีทีท่าจะยุติ การรถไฟอาจเรียกกลุ่มบีทีเอสมาเจรจา สงสัยว่า สามารถทำได้จริงหรือ ในเมื่อที่การรถไฟกำลังเจรจากับซีพีอยู่ตอนนี้ ก็เพราะว่าบีทีเอสทำผิดเงื่อนไขตั้งแต่แรก ที่เรียกเงินอุดหนุนจากรัฐเกินจากที่กรอบกำหนดไว้ถึง 50,000 กว่าล้านบาท ซึ่งตรงนี้บีทีเอสควรจะหมดสิทธิ์ไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่หรือคะ
ดังนั้น หากตอนนี้ไม่สามารถเจรจาต่อรองกับซีพีได้ลงตัว ก็ไม่มีตัวเลือกให้เจรจาต่อ กระบวนการก็ควรจะต้องยุติ แล้วเปิดประมูลใหม่หรือเปล่า
2. จากข้อ 1 ถ้าเรียกบีทีเอสมาคุยได้ จะไปติดเงื่อนไขอีกข้อหนึ่งไหมว่า ต้องให้คู่เจรจาทั้งสองฝ่ายตอนนี้ คือรฟท. และซีพี เห็นพ้องต้องกันก่อนว่า ไปต่อไม่ได้แล้ว สมควรยุติการเจรจา ทางรฟท. จึงจะสามารถเรียกบีทีเอสมาเจรจาต่อรองได้ นั่นหมายความว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้เห็นด้วยว่าควรยุติ รฟท. ก็ไม่มีสิทธิเรียกบีทีเอสมาคุยเสียบ ไม่เช่นนั้นซีพีก็มีสิทธิ์ฟ้องร้องได้หรือเปล่า
(ประเด็นนี้เคยฟังสัมภาษณ์คุณวรวุฒิก็พูดไว้ชัดว่าต้องให้สองฝ่ายตกลงยุติการเจรจาก่อน)
3. หากไม่มีอะไรผิดแล้วสามารถเรียกบีทีเอสมาเจรจาต่อได้ จะถือว่ากระบวนการเจรจาต่อรองกับบีทีเอสโปร่งใสยุติธรรมได้หรือ ในเมื่อบีทีเอสรู้เงื่อนไขข้อติดขัดของซีพีหมดแล้ว และมีสิทธิ์กลับตัวกลับใจได้ ซึ่งทางบีทีเอสก็ได้ช่วงชิงจังหวะไปสวย ๆ แล้ว โดยบอกว่า พร้อมเจรจามาก แถมจะลดราคาให้ด้วย แล้วยังจะเปิดเผยพันธมิตรที่มั่นใจว่าจะเป็นเซอร์ไพร้ส์ของวงการอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เงียบกริ๊บมาก
4. สงสัยในเงื่อนไขของซีพีค่ะ เพราะถ้าพิจารณากันลึก ๆ แล้ว เงือนไขที่ซีพีนำมาเจรจาต่อรอง ก็ไม่น่าจะผิดทีโออาร์หรือเปล่า แต่ทีโออาร์ไม่มีกำหนดไว้เองต่างหาก ซึ่งในทางปฏิบัติคู่เจรจาก็มีสิทธิ์หยิบยกขึ้นมาต่อรองได้
(เหมือน ๆ กับทนายความ/ผู้พิพากษา จะใช้แง่มุมหรือช่องโหว่ของกฎหมายในการหักล้างกันในศาล) แต่ตรงข้ามกับเงื่อนไขที่บีทีเอสเสนอตอนแรก
(ในข้อ 1) อันนั้นชัดเจนว่าผิดข้อตกลง ผิดทีโออาร์อย่างชัดเจนไม่ใช่หรือคะ
5. หากเปิดประมูลใหม่จะไม่ดีกว่าหรือ ตอนนี้แต่ละฝ่ายมีบทเรียนแล้ว รัฐก็ควรจะไปปรับทีโออาร์ใหม่ให้ยืดหยุ่นมากกว่านี้ จะได้เปิดทางให้เอกชนเข้ามาประมูลได้มากกว่าและดำเนินโครงการได้ง่ายกว่านี้อีกสักหน่อย
6. สงสัยว่า ทำไมเงื่อนไขทีโออาร์และข่าวปล่อยต่าง ๆ จึงออกมาจากสื่อรายเดียวกัน ตั้งแต่ความลับในที่ประชุม เงื่อนไขฝ่ายซีพี และล่าสุดเงื่อนไขฝ่ายบีทีเอส ซึ่งถ้าไปสืบดูแบ็คอัพของสื่อนี้ ก็น่าจะรู้ได้หรือไม่ว่า ข่าวหลุดมาจากใคร หรือว่ามีใครในรัฐบาลเปิดไฟเขียวให้ เพื่อตอบสนองทางการเมืองบางอย่างของตัวเองหรือเปล่า
หรือว่ารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน จะจบแบบมีเงื่อนงำ
1. ที่ขู่ ๆ กันว่า หากยังไม่มีทีท่าจะยุติ การรถไฟอาจเรียกกลุ่มบีทีเอสมาเจรจา สงสัยว่า สามารถทำได้จริงหรือ ในเมื่อที่การรถไฟกำลังเจรจากับซีพีอยู่ตอนนี้ ก็เพราะว่าบีทีเอสทำผิดเงื่อนไขตั้งแต่แรก ที่เรียกเงินอุดหนุนจากรัฐเกินจากที่กรอบกำหนดไว้ถึง 50,000 กว่าล้านบาท ซึ่งตรงนี้บีทีเอสควรจะหมดสิทธิ์ไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่หรือคะ
ดังนั้น หากตอนนี้ไม่สามารถเจรจาต่อรองกับซีพีได้ลงตัว ก็ไม่มีตัวเลือกให้เจรจาต่อ กระบวนการก็ควรจะต้องยุติ แล้วเปิดประมูลใหม่หรือเปล่า
2. จากข้อ 1 ถ้าเรียกบีทีเอสมาคุยได้ จะไปติดเงื่อนไขอีกข้อหนึ่งไหมว่า ต้องให้คู่เจรจาทั้งสองฝ่ายตอนนี้ คือรฟท. และซีพี เห็นพ้องต้องกันก่อนว่า ไปต่อไม่ได้แล้ว สมควรยุติการเจรจา ทางรฟท. จึงจะสามารถเรียกบีทีเอสมาเจรจาต่อรองได้ นั่นหมายความว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้เห็นด้วยว่าควรยุติ รฟท. ก็ไม่มีสิทธิเรียกบีทีเอสมาคุยเสียบ ไม่เช่นนั้นซีพีก็มีสิทธิ์ฟ้องร้องได้หรือเปล่า (ประเด็นนี้เคยฟังสัมภาษณ์คุณวรวุฒิก็พูดไว้ชัดว่าต้องให้สองฝ่ายตกลงยุติการเจรจาก่อน)
3. หากไม่มีอะไรผิดแล้วสามารถเรียกบีทีเอสมาเจรจาต่อได้ จะถือว่ากระบวนการเจรจาต่อรองกับบีทีเอสโปร่งใสยุติธรรมได้หรือ ในเมื่อบีทีเอสรู้เงื่อนไขข้อติดขัดของซีพีหมดแล้ว และมีสิทธิ์กลับตัวกลับใจได้ ซึ่งทางบีทีเอสก็ได้ช่วงชิงจังหวะไปสวย ๆ แล้ว โดยบอกว่า พร้อมเจรจามาก แถมจะลดราคาให้ด้วย แล้วยังจะเปิดเผยพันธมิตรที่มั่นใจว่าจะเป็นเซอร์ไพร้ส์ของวงการอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เงียบกริ๊บมาก
4. สงสัยในเงื่อนไขของซีพีค่ะ เพราะถ้าพิจารณากันลึก ๆ แล้ว เงือนไขที่ซีพีนำมาเจรจาต่อรอง ก็ไม่น่าจะผิดทีโออาร์หรือเปล่า แต่ทีโออาร์ไม่มีกำหนดไว้เองต่างหาก ซึ่งในทางปฏิบัติคู่เจรจาก็มีสิทธิ์หยิบยกขึ้นมาต่อรองได้ (เหมือน ๆ กับทนายความ/ผู้พิพากษา จะใช้แง่มุมหรือช่องโหว่ของกฎหมายในการหักล้างกันในศาล) แต่ตรงข้ามกับเงื่อนไขที่บีทีเอสเสนอตอนแรก (ในข้อ 1) อันนั้นชัดเจนว่าผิดข้อตกลง ผิดทีโออาร์อย่างชัดเจนไม่ใช่หรือคะ
5. หากเปิดประมูลใหม่จะไม่ดีกว่าหรือ ตอนนี้แต่ละฝ่ายมีบทเรียนแล้ว รัฐก็ควรจะไปปรับทีโออาร์ใหม่ให้ยืดหยุ่นมากกว่านี้ จะได้เปิดทางให้เอกชนเข้ามาประมูลได้มากกว่าและดำเนินโครงการได้ง่ายกว่านี้อีกสักหน่อย
6. สงสัยว่า ทำไมเงื่อนไขทีโออาร์และข่าวปล่อยต่าง ๆ จึงออกมาจากสื่อรายเดียวกัน ตั้งแต่ความลับในที่ประชุม เงื่อนไขฝ่ายซีพี และล่าสุดเงื่อนไขฝ่ายบีทีเอส ซึ่งถ้าไปสืบดูแบ็คอัพของสื่อนี้ ก็น่าจะรู้ได้หรือไม่ว่า ข่าวหลุดมาจากใคร หรือว่ามีใครในรัฐบาลเปิดไฟเขียวให้ เพื่อตอบสนองทางการเมืองบางอย่างของตัวเองหรือเปล่า