สวัสดีค่ะ
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าคู่หมั้น ของประเทศอเมริกา ซึ่งทำเองได้ ไม่ยาก ไม่ต้องจ้างทนาย
โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก กลุ่มนี้
Facebook Group Visa USA @ Thai
และเราก็ทำข้อมูลสรุป ในแต่ละครั้งที่เราเตรียมตัว
Blog
ขั้นตอนคร่าวๆ ในการรอเป็นประมาณนี้นะคะ
NoA 1 > NoA 2 > NVC case number > Packet 3 > Packet 4
ขอไล่เรียงเป็น Timeline ไปเลยนะคะ
เริ่มจากปลายเดือนเมษา แฟนได้ส่งเอกสาร I-129f พร้อมเช็คสั่งจ่ายค่ะ
โดยในชุดเอกสารก็จะมีใบ:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- Cover Letter (หาใน google ได้)
- Filling Fee $535 ซื้อ money order ที่ไปรษณีย์ สั่งจ่าย U.S. Department of Homeland Security (ห้ามเขียนย่อ)
- Form G-1145 ตัวนี้ไม่อยากกรอกก็ได้นะคะ แต่กรอกก็ดี เป็นฟอร์มสำหรับรับข้อมูลผ่านมือถือ
- Form I-129F โดยเราสามารถช่วยแฟนกรอกได้ใน Part 2 ที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับตัวเรา และในฟอร์มนี้ก็จะให้แฟนเราเขียนจดหมายแสดงความสัมพันธ์ยืนยันว่าเคยพบเจอกันตัวเป็นๆ รวมถึงเอกสารต่างๆ ที่กรอกในแบบฟอร์มไม่พอ เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (กรณีเปลี่ยนชื่อหลายรอบแบบเรา)
Attachment Page – Form I-129F Part 2, Question 54 – Explanation of meeting in person
ใบเปลี่ยนชื่อ, ถ้ามี (Certificate of First name change), ใบเปลี่ยนนามสกุล, ถ้ามี (Certificate of joint use of surname) โดยเราสแกนเอกสารตัวจริง และ ฉบับแปลที่เราเซ็นรับรอง กะไว้ว่าเดี๋ยวค่อยเอาไปให้กงสุลยืนยันอีกที ตอนนี้ส่งไปก่อน
- Intend to marry – Petitioner ของแฟน
- Intend to marry – Beneficiary ของเรา
- Passport – Petitioner
- Passport – Beneficiary
- Birth Certificate – Petitioner
- Birth Certificate – Beneficiary เราสแกนตัวจริงและฉบับแปลที่เราเซ็นรับรอง
- Prove of our relationship that we’ve met in person in the pass two years
- Pictures: รูปภาพที่ถ่ายตอนไปเที่ยว ตอนแฟนมาเมืองไทย หรือ เราไปหาแฟน เป็นรูปที่ถ่ายกับครอบครัวก็จะดีมากค่ะ ให้เห็นว่าครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็รับรู้
- Chat history: ข้อความ, ไลน์, อีเมล, ฯลฯ มีอะไรก็ใส่ไปเลยค่ะ
- Boarding passes, hotel booking, etc: ถ้ามีตั๋วเครื่องบิน, อีเมลจองที่พัก, ใบเสร็จค่าโทรศัพท์, ของขวัญ, สลิปบัตรเครดิต ฯลฯ มีอะไรที่เป็นการยืนยันว่า ทั้งเราและแฟนได้พบเจอกัน มีค่าใช้จ่ายร่วมกันอะไรประมาณนี้ ก็ใส่ไปเลยค่ะ
- Passport Style Photo: ของเราและแฟน คนละ 1 ใบ (ขนาด 2″x2″)
- หากใครเคยแต่งงาน ก็ต้องมีใบหย่า และแปลให้เรียบร้อย เพื่อยืนยันว่าเรา free to marry นะคะ
เอกสารไม่ต้องใส่ลงแฟ้มนะคะ แค่หนีบรวมกัน ใช้คลิปสีดำก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
รอประมาณ 1 อาทิตย์ ก็จะได้รับจดหมายมา เรียกว่า NOA1 (Notice of Action)
และเอาจริงๆ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเลยค่ะ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรออย่างเดียว บางคนรอ 6 เดือน บางคนรอ 8 เดือน แล้วแต่เคสค่ะ
ควรทำอะไรระหว่างที่รอ
1. ฉีดวัคซีน
2. ขอใบรับรองโสด
3. ขอใบรับรองจากกรมตำรวจ
+1
4. ให้แฟนเตรียมเอกสารทางการเงิน Tax Refund, W2 ค่ะ
1. ไปฉีดวัคซีน วัคซีนที่ต้องฉีด หลักๆ มี 3-4 ตัวค่ะ (จะฉีดเพิ่มเองก็ได้)
Td, MMR, อีสุกอีใส, ไข้หวัดใหญ่
ตัววัคซีนต่างๆ ที่ต้องฉีดนี้ ให้คิดว่าเป็นผลประโยชน์ของเรานะคะ ฉีดไว้ ตอนไปที่โน่นก็ไม่ต้องฉีดอีก บางคนก็ไม่อยากฉีด บอกเดี๋ยวค่อยฉีดๆ แต่ฉีดที่อเมริกาแพงมาก บางตัวฉีดที่ไทย ฉีดฟรีค่ะ (เราไปฉีดที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ฟรีทุกตัวยกเว้น flu shot ค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- dT หรือ Tdap (บาดทะยัก, ไอกรน, คอตีบ) ตัวนี้ต้องฉีด 3 เข็ม เพราะฉะนั้นก็สามารถเริ่มฉีดได้เลยค่ะ
- MMR (หัดเยอรมัน) ฉีดเข็มเดียว
- อีสุกอีใส ถ้าเป็นแล้วก็ไม่ต้องฉีด
- Flu Shot (ไข้หวัดใหญ่) ตอนแรกไม่ได้ฉีด แต่ไปถึงโรงพยาบาล หมอแจ้งให้ฉีดค่ะ
2. ไปขอใบรับรองโสด ที่อำเภอค่ะ
หลายคนแจ้งว่าต้องมีพยานไปด้วย แต่ของเราไม่ได้เอาไปด้วย จนท.ก็เซ็นรับรองเป็นพยานให้ค่ะ
ใบนี้ ต้องเอาไปแปล ด้วยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เอกสารที่ใช้ในการขอใบรับรองโสด
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
ถ้าพยานไปด้วย ก็ใช้เอกสารแบบเดียวกันค่ะ
3.ขอใบตำรวจ ที่สถานีตำรวจแห่งชาติ แถวๆ สยามค่ะ
ก่อนจะขอเอกสารตัวนี้ เราจะต้องมีใบรับรองโสดก่อนนะคะ
และใบรับรองนี้จะมีอายุเพียงแค่ 1 ปี เพราะฉะนั้นบางคนก็รอจนกว่าจะได้รับ NOA2 แล้วถึงไปขอ เพราะเผื่อติดนู่นติดนี่ จะได้ไม่เสียเงินฟรี
โดยการขอเอกสารแบบปกติใช้เวลา 15-30 วัน ค่าใช้จ่าย 150 บาท
แบบด่วน (ไม่ทราบว่ากี่วัน) ค่าใช้จ่าย 1,500 บาท ค่ะ
ถ้าอยากจะรอจนได้รับ NOA2 แล้ว ถึงขอก็ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าถึงเวลาต้องส่ง packet 3 สามารถส่งเข้าไปได้ก่อน วันสัมภาษณ์เราถือเอกสารตามไปทีหลังได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เอกสารที่ต้องเตรียมไปในการใช้ขอใบรับรองความประพฤติ
1. เอกสาร NoA 1 (หรือ NoA 2)
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาพาสปอร์ตของเรา ต้องมีอายุมากกว่า 6 เดือน
5. สำเนาพาสปอร์ตของแฟน
6. สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
7. สำเนาะทะเบียนการหย่า หรือ สำเนาใบรับรองโสด
8. สำเนาหลักฐานการเกณฑ์ทหารของชายไทย
9. สำเนา letter of intent to marry จากคู่หมั้น
ตัวเอกสารขอใบรับรองจากกรมตำรวจนี้ ถือไปเยอะๆ เลยค่ะ
เพราะเอาตรงๆ เจ้าหน้าที่แต่ละคน เรียกหาเอกสารต่างกัน เผื่อเหลือ ดีกว่าเผื่อขาด
+1
4. เอกสารรับรองสถานะทางการเงินของแฟน
Tax Return ย้อนหลัง 3 ปี
W2
ใบรับรองการทำงานจากสถานที่ทำงาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตัว Tax Return เอกสารจะหนามากๆ
โดยแฟนสามารถโทรขอกับ IRS ให้ออกเป็น Transcript ให้ค่ะ จะเหลือประมาณ 3-4 แผ่น
ถ้าทำครบทุกอย่างแล้ว ระหว่างนี้ก็รอค่ะ รอจนกว่าจะได้รับ NOA2
ซึ่งแจ้งไว้ข้างต้นแล้วว่าระยะเวลาประมาณ 6-8 เดือน โดยประมาณ
โดยหลังจากได้ NOA2 เราก็จะได้รับเลข NVC ค่ะ
โดยเลขนี้ จะใช้ในการติดตามเคสเราหลังจากนี้ค่ะ
หลังจากได้ NVC case number แล้ว
เราก็ควรจะเริ่มกรอกเอกสาร DS-160, ลงทะเบียนที่อยู่ GSS, และก็ชำระค่าธรรมเนียม $265 ค่ะ
เก็บเอกสารทั้งหมดพร้อมถ่ายเอกสารไว้ด้วยนะคะ เผื่อต้องใช้ เผื่อหาย เพราะถ้าหายนี่ต้องเสียเงินอีกรอบเลยค่ะ
และเราก็สามารถตรวจสอบสถานะ เพื่อจัดส่งเอกสาร Packet 3 ให้สถานทูตค่ะ
ถ้าเมื่อสถานะขึ้น Ready เมื่อไหร่ สามารถส่งเอกสารได้เลย
โดยเอกสารใน Packet 3 คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์ (สำเนา)
1. พาสปอร์ตของเรา
2. ใบเกิด
3. ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
4. ใบรับรองสถานภาพสมรส (ใบรับรองโสด)
5. NOA2
จัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์ (ตัวจริง)
6. แบบฟอร์ม DS-2001
7. ใบยืนยันการกรอกแบบฟอร์ม DS-160
8. รูปถ่าย 2 ใบ
9. ใบยืนยันการลงทะเบียนของระบบ GSS
10. ใบเสร็จการชำระค่าธรรมเนียม
11. หนังสือรับรองความประพฤติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เอกสารของแฟน
12. หนังสือค้ำประกันทางการเงิน (ของแฟน) แบบฟอร์ม I-134 (ตัวนี้เราส่งสำเนาค่ะ)
13. Tax Transcript (tax return ย้อนหลัง 3 ปี)
14. เอกสารแจ้ง Case Number จาก NVC
ควรถ่ายเอกสารเก็บไว้ด้วยนะคะ
และหลังจากนี้ก็รอนัดสัมภาษณ์ค่ะ
แป้ปเดียวเลย ของเราส่งไป อีก 3 วันต่อมาก็ได้นัดรับสัมภาษณ์เลยค่ะ
และก่อนจะไปสัมภาษณ์ก็ไปตรวจร่างกาย
โดยทางสถานทูตจะกำหนดโรงพยาบาลมาให้ค่ะ เราเลือกโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ถ้าตรวจวันจันทร์-พฤหัสบดี จะได้รับเอกสารวันศุกร์ค่ะ (กรณีผลตรวจปกติ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับตรวจร่างกาย
1. Passport ตัวจริง
2. รูปภาพ 1.5″ – 2″ จำนวน 4 รูป
3. สมุดประวัติการฉีดวัคซีน
4. จดหมายนัดสัมภาษณ์
ราคาตรวจที่บำรุงราษฎร์ เริ่มต้นที่ 6,540 6,830 บาท สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบ (dT, MMR, อีสุกอีใส)
สูงสุดอยู่ที่ 11,700 บาท สำหรับคนที่ต้องฉีดทุกตัวค่ะ
หลังจากไปรับผลตรวจสุขภาพ ก็รอวันสัมภาษณ์อย่างเดียวเลยค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียมไปในวันสัมภาษณ์เรียกว่า Packet 4 ค่ะ
โดยหลักๆ ก็จะเป็นเอกสารตัวจริงที่เรามี, ใบตรวจสุขภาพ, และเอกสารประกอบความสัมพันธ์ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- Passport ทั้งเล่มเก่าและเล่มใหม่
- ใบยืนยัน DS-160 (ตัวจริงส่งไปแล้ว แต่ถือไปเผื่อ)
- รูปถ่าย 2″ 2รูป (ส่งไปแล้ว แต่ถือไปเผื่อ)
- ใบยืนยันการกรอกที่อยู่ GSS (ส่งไปแล้ว แต่ถือไปเผื่อ)
- ใบเกิด ตัวจริง และ ฉบับแปล
- ใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล ตัวจริง และ ฉบับแปล
- ใบรับรองโสด ตัวจริง และ ฉบับแปล
- เอกสารการเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา I94 (ส่งไปแล้ว ไม่ถือไป)
- เอกสารรับรองทางการเงิน Taxes Return ของแฟน (ส่งไปแล้ว ไม่ถือไป)
- ใบตำรวจ (ส่งไปแล้ว ไม่ถือไป)
- เอกสารความสัมพันธ์: รูปถ่าย, ตั๋วเครื่องบิน, ข้อมูลแชท เราเอาทุกอย่างลง word แล้วปริ้นท์ออกมา
- ใบตรวจสุขภาพจากทางโรงพยาบาล
เริ่มจากเข้าคิวด้านหน้า
พอเข้าไปด้านในก็แจ้งเจ้าหน้าที่ในห้องกระจกที่เขียนว่า Step 1 ค่ะ
และก็ขึ้นไปนั่งรอเจ้าหน้าที่เคาท์เตอร์ A B C เพื่อจัดเตรียมเอกสาร
โดยเจ้าหน้าที่จะถามหาเอกสารตัวจริงทั้งหมดที่เรามีค่ะ ถ้ามีเอกสารที่แปล ก็ต้องเอาตัวจริงไปด้วยนะคะ
และก็รอสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ไม่นานค่ะ ประมาณ 1 นาที (แต่รอนานมาก) ก็เสร็จแล้ว
เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้เลยค่ะ รอรับเอกสารที่บ้าน
หวังว่ากระทู้เราคงมีประโยชน์ สำหรับคนที่เริ่มหาข้อมูลนะคะ
ถ้าสงสัย สามารถถามในกรุ๊ปได้เลย มีคนรอให้ความรู้เพียบเลยค่ะ แต่ก่อนจะถาม ควรศึกษาด้วยตัวเองก่อนนะคะ : )
ขอบคุณค่ะ
แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าคู่หมั้น อเมริกา
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าคู่หมั้น ของประเทศอเมริกา ซึ่งทำเองได้ ไม่ยาก ไม่ต้องจ้างทนาย
โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก กลุ่มนี้ Facebook Group Visa USA @ Thai
และเราก็ทำข้อมูลสรุป ในแต่ละครั้งที่เราเตรียมตัว Blog
ขั้นตอนคร่าวๆ ในการรอเป็นประมาณนี้นะคะ
NoA 1 > NoA 2 > NVC case number > Packet 3 > Packet 4
ขอไล่เรียงเป็น Timeline ไปเลยนะคะ
เริ่มจากปลายเดือนเมษา แฟนได้ส่งเอกสาร I-129f พร้อมเช็คสั่งจ่ายค่ะ
โดยในชุดเอกสารก็จะมีใบ:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เอกสารไม่ต้องใส่ลงแฟ้มนะคะ แค่หนีบรวมกัน ใช้คลิปสีดำก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
รอประมาณ 1 อาทิตย์ ก็จะได้รับจดหมายมา เรียกว่า NOA1 (Notice of Action)
และเอาจริงๆ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเลยค่ะ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรออย่างเดียว บางคนรอ 6 เดือน บางคนรอ 8 เดือน แล้วแต่เคสค่ะ
ควรทำอะไรระหว่างที่รอ
1. ฉีดวัคซีน
2. ขอใบรับรองโสด
3. ขอใบรับรองจากกรมตำรวจ
+1
4. ให้แฟนเตรียมเอกสารทางการเงิน Tax Refund, W2 ค่ะ
1. ไปฉีดวัคซีน วัคซีนที่ต้องฉีด หลักๆ มี 3-4 ตัวค่ะ (จะฉีดเพิ่มเองก็ได้)
Td, MMR, อีสุกอีใส, ไข้หวัดใหญ่
ตัววัคซีนต่างๆ ที่ต้องฉีดนี้ ให้คิดว่าเป็นผลประโยชน์ของเรานะคะ ฉีดไว้ ตอนไปที่โน่นก็ไม่ต้องฉีดอีก บางคนก็ไม่อยากฉีด บอกเดี๋ยวค่อยฉีดๆ แต่ฉีดที่อเมริกาแพงมาก บางตัวฉีดที่ไทย ฉีดฟรีค่ะ (เราไปฉีดที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ฟรีทุกตัวยกเว้น flu shot ค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. ไปขอใบรับรองโสด ที่อำเภอค่ะ
หลายคนแจ้งว่าต้องมีพยานไปด้วย แต่ของเราไม่ได้เอาไปด้วย จนท.ก็เซ็นรับรองเป็นพยานให้ค่ะ
ใบนี้ ต้องเอาไปแปล ด้วยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3.ขอใบตำรวจ ที่สถานีตำรวจแห่งชาติ แถวๆ สยามค่ะ
ก่อนจะขอเอกสารตัวนี้ เราจะต้องมีใบรับรองโสดก่อนนะคะ
และใบรับรองนี้จะมีอายุเพียงแค่ 1 ปี เพราะฉะนั้นบางคนก็รอจนกว่าจะได้รับ NOA2 แล้วถึงไปขอ เพราะเผื่อติดนู่นติดนี่ จะได้ไม่เสียเงินฟรี
โดยการขอเอกสารแบบปกติใช้เวลา 15-30 วัน ค่าใช้จ่าย 150 บาท
แบบด่วน (ไม่ทราบว่ากี่วัน) ค่าใช้จ่าย 1,500 บาท ค่ะ
ถ้าอยากจะรอจนได้รับ NOA2 แล้ว ถึงขอก็ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าถึงเวลาต้องส่ง packet 3 สามารถส่งเข้าไปได้ก่อน วันสัมภาษณ์เราถือเอกสารตามไปทีหลังได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
+1
4. เอกสารรับรองสถานะทางการเงินของแฟน
Tax Return ย้อนหลัง 3 ปี
W2
ใบรับรองการทำงานจากสถานที่ทำงาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าทำครบทุกอย่างแล้ว ระหว่างนี้ก็รอค่ะ รอจนกว่าจะได้รับ NOA2
ซึ่งแจ้งไว้ข้างต้นแล้วว่าระยะเวลาประมาณ 6-8 เดือน โดยประมาณ
โดยหลังจากได้ NOA2 เราก็จะได้รับเลข NVC ค่ะ
โดยเลขนี้ จะใช้ในการติดตามเคสเราหลังจากนี้ค่ะ
หลังจากได้ NVC case number แล้ว
เราก็ควรจะเริ่มกรอกเอกสาร DS-160, ลงทะเบียนที่อยู่ GSS, และก็ชำระค่าธรรมเนียม $265 ค่ะ
เก็บเอกสารทั้งหมดพร้อมถ่ายเอกสารไว้ด้วยนะคะ เผื่อต้องใช้ เผื่อหาย เพราะถ้าหายนี่ต้องเสียเงินอีกรอบเลยค่ะ
และเราก็สามารถตรวจสอบสถานะ เพื่อจัดส่งเอกสาร Packet 3 ให้สถานทูตค่ะ
ถ้าเมื่อสถานะขึ้น Ready เมื่อไหร่ สามารถส่งเอกสารได้เลย
โดยเอกสารใน Packet 3 คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และหลังจากนี้ก็รอนัดสัมภาษณ์ค่ะ
แป้ปเดียวเลย ของเราส่งไป อีก 3 วันต่อมาก็ได้นัดรับสัมภาษณ์เลยค่ะ
และก่อนจะไปสัมภาษณ์ก็ไปตรวจร่างกาย
โดยทางสถานทูตจะกำหนดโรงพยาบาลมาให้ค่ะ เราเลือกโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ถ้าตรวจวันจันทร์-พฤหัสบดี จะได้รับเอกสารวันศุกร์ค่ะ (กรณีผลตรวจปกติ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากไปรับผลตรวจสุขภาพ ก็รอวันสัมภาษณ์อย่างเดียวเลยค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียมไปในวันสัมภาษณ์เรียกว่า Packet 4 ค่ะ
โดยหลักๆ ก็จะเป็นเอกสารตัวจริงที่เรามี, ใบตรวจสุขภาพ, และเอกสารประกอบความสัมพันธ์ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เริ่มจากเข้าคิวด้านหน้า
พอเข้าไปด้านในก็แจ้งเจ้าหน้าที่ในห้องกระจกที่เขียนว่า Step 1 ค่ะ
และก็ขึ้นไปนั่งรอเจ้าหน้าที่เคาท์เตอร์ A B C เพื่อจัดเตรียมเอกสาร
โดยเจ้าหน้าที่จะถามหาเอกสารตัวจริงทั้งหมดที่เรามีค่ะ ถ้ามีเอกสารที่แปล ก็ต้องเอาตัวจริงไปด้วยนะคะ
และก็รอสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ไม่นานค่ะ ประมาณ 1 นาที (แต่รอนานมาก) ก็เสร็จแล้ว
เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้เลยค่ะ รอรับเอกสารที่บ้าน
หวังว่ากระทู้เราคงมีประโยชน์ สำหรับคนที่เริ่มหาข้อมูลนะคะ
ถ้าสงสัย สามารถถามในกรุ๊ปได้เลย มีคนรอให้ความรู้เพียบเลยค่ะ แต่ก่อนจะถาม ควรศึกษาด้วยตัวเองก่อนนะคะ : )
ขอบคุณค่ะ