อ่านแคปชั่นแล้วไม่ต้องงงนะค่ะ ทริปนี้ชะนีไปเจอพี่คนหนึ่งในเพจชวนเพื่อนเที่ยวไปซีบู เกาะที่เราวางแผนจะไปเที่ยวคนเดียวอยู่นานแล้ว แต่ด้วยความที่เราทำงานอยู่ที่นี่เป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองเลยไม่กล้าไปคนเดียว พอเราเห็นพี่เค้าทักอินบ็อกมา คอนเฟริ์มสิค่ะ...รออะไร
ทริปนี้เป็นทริปแรกในหลายๆทริปที่เราแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากจ่ายตัง555 เพราะพี่เค้าเป็นหัวหน้าทริปดังนั้นเราทำได้แค่เป็นสมาชิกที่ดี หลายๆคนอาจจะตั้งคำถามว่าเราไปเที่ยวกับคนแปลกหน้ามันจะดีหราาาาาา Stay Tune ค่ะเพื่อนๆ
แผนการท่องเที่ยวก่อนเดินทาง

(วันแรกได้ไปแค่ที่เดียวเพราะเครื่องดีเลย์ไป 4 ชม.เลย)
เริ่มแรกเลย เราขึ้นเครื่องที่มะนิลาไฟท์ 10 โมง พร้อมกับพี่อีกสองคนที่เดินทางมาจาก จาการ์ตาและ โฮจิมินท์ ประสบการณ์แรกคือเครื่องไม่ยอมยัน11โมง เราก็กำลังจะหลับ ลืมตามาเห็นท้องฟ้า ก้อนเมฆสวยงาม.....ซักพัก technical problem เครื่องบินลงที่เดิมจ้า เราตื่นมาพอดีก็นึกว่าถึงซีบูแล้วแค่ประตูมันเปิดไม่ได้ ผ่านไปบ่ายสาม...อ้าววววกัปตันประกาศเครื่องกำลังจะบินไปซีบูถึงบางอ้อเลยจ้าาาาา
เป็นอันว่ามาถึง ซีบูประมาณ4 โมง จากที่เวลาเดิมคือ 11.30 พี่ๆอีกสองคนที่มานอนรอเราที่ซีบู 1 คืน และทัวร์ก็มารอนานมากแล้วเป็นอันทริปล่ม ไม่เป็นท่า
พอเราขึ้นรถปุ้ปเสียง เมาท์มอย สนุกสนานมหาศาล ประหนึ่งทุกคนรู้จักกันมานานแล้ว....แต่เอะเรามาจากเพจชวนเพื่อนเที่ยวนี่หน่า ทำไมเจอกันครั้งแรกสนิทกันเร็วจัง.....เอิ่มเลยแถวพี่ๆเค้าว่า "พี่ๆรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าค่ะ คำตอบคือ ค่ะ 10ปีอัพที่รู้จักกันมา" อะหืมแล้วชะนีแปลกหน้าที่อายุน้อยที่สุดอย่างเราจะรอดมั้ยเค้ารู้จักกันมานานแล้ว T_T
-คำตอบรอดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พี่ๆทุกคนน่ารักเป็นกันเองและตลกเบอร์แรงส์ ชะนีน้อยอย่างเรากะมีความสุขกันไปตามระเบียบ
ที่แรกที่เรามาคือ Port San Pedro
พอมาถึงเราก็ถ่ายรูปกันได้ประมาณ 5 นาที ฝนตกจ้าาาา ทุกคนวิ่งขึ้นรถอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องนัดหมาย5555

(ขอถ่ายกับป้ายแพร้บนึง เดี่ยวจะหาว่ามาไม่ถึง)
และคนขับรถก้พาเราไปอีกที่ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน เพราะฝนตกลงไปก็ทำไรไม่ได้ เลยตรงไปที่พัก Jaynet Over View ที่ Oslob เพราะเราติดอยู่ในเครื่องเกิน 4 ชม. การเดินทางจากสนามบิน Mactan ไป Oslob ใช้เวลานานพอสมควร ประมาณ 4-5 ชม.และทางค่อนข้างลำบากมาก แนะะนำให้พกยาดมหรือลูกอมเปรี้ยวๆมาด้วยนะค่ะ อิอิ
เรามาถึงที่พักประมาณสามทุ่มค่ะ ทุกคนหิวโหยเลยสั่งอาหารที่พักทาน ส่วนรสชาติ.....อะไรข้ามๆได้ก็ปล่อยผ่านค่ะ แต่ชะนีอย่างเราแอบสงสารพี่ๆที่ไปด้วยกันเพราะเราใช้ชีวิตอยู่ที่ฟิลิปปินส์มาปีกว่าเข้าใจรสชาติอาหารที่นี่ดี ไม่เค็มมากก็มันมาก กลัวพี่ๆเค้าจะกินกันไม่ได้ แต่เนื่องด้วยทุกคนเป็นคนง่าย สบายๆ ไม่เยอะ อาหารไม่ค่อยหร่อยแต่เมาท์มอยกันมันส์ กินไปเมาท์ไปมันก็รับได้ค่ะ
ที่พักของเราชื่อ Jaynet Overview Resort ซึ่งเป็นที่พักติดทะเล เราก้นั่งกินข้าว จิบเบียร์ เมาท์มอยฟังเสียงคลื่นไป แต่มองไม่เห็นไรเพราะมืดแล้ว 555 ราตรีสวัสค่ะ
day 2

(พระอาทิตย์ขึ้นจากหน้าห้องค่ะ พี่มาสผู้ซึ่งถ่ายรูปให้ทุกคน นอกจากตัวเองเป็นผู้ตื่นเช้ามาถ่ายให้)
เราทานอาหารเช้าตอนตีห้าครึ่ง เพื่อที่จะไปดู ปลาฉลามวาฬตอนหกโมงเช้า พอเราไปถึง OMG.... อันนั้นคือคิวหรืองานวัด คนมหาศาลล้านเจ็ด ค่าชมน้องหลามคนละ 1,000 เปโซ เราตกลงเช่ากล้องของทัวร์ ราคา 550 เปโซเพราะเค้าถ่ายรูปให้เราด้วย พวกเราไปรอที่ท่าปรากฎว่า มาหกโมงเช้าได้คิว 209 จ้าาา หันมามองหน้ากัน แล้วถามไกด์ว่า รอนานแค่ไหน นางบอก ประมาณ 2 ชม เลยตัดสินใจไปน้ำตก Tumalog ที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ใช้เวลาไม่ถึง 40 นาทีในการเดินทางและถ่ายรูป คนขับรถจอดรถที่ลาดจอดรถ และพวกเราก้แว้นมอไซด์รับจ้างแถวนั้น ไป-กลับ ประมาณ 50 เปโซ และค่าเข้าชม อีกคนละ 20 เปโซ

(บรรยากาศดีมากๆสดชื่น รู้สึกเหมือนเอาน้ำในตู้เย็นมาอาบ 55)


(ชะนีน้อยและเดอะเก้งส์วัยเก๋า40++)
เรากลับมาที่เดิมคิวที่เราได้ยินเค้าประกาศ คือ119 แล้วเรา 209 เอิ่มมมม ไปหาที่นั่งรอเพราะไกด์บอกอีกประมาณ 1 ชม.
และแล้วเวลาอันน่าตื่นเต้นก็มาถึง คิวของเราโดนเรียก พวกเรายืนรวมตัวกันและมีครอบครัวคนจีนขึ้นเรือลำเดียวกัน คนพายเรือพาเราไปยังบริเวณที่ปลาฉลามวาฬว่ายน้ำอยู่พวกเราตื่นเต้นมากเพราะน้องหลามตัวใหญ่มากกกกก ลืมบอกเค้าไม่ให้เราทาครีมกันแดดหรือน้ำหอมนะค่ะเพราะน้องหลามเค้าเซนซิทีฟ พอเค้าบอกให้เราโดดคือ ทุกคนโดดตู้มมมมมม ชะนีอย่างเราไม่รอดค่ะ สำลักน้ำ แสบตา แสบผิวประหนึ่งโดนข้าวสารเสก แต่ก็อดทนขอเพียงให้ได้พบหน้าน้องหลามผู้น่ารัก พวกเราใช้เวลาประมาณ ครึ่งชม.

ดื่มด่ำความน่ารักของน้องหลามกันพอควรจากนั้นกลับมาถึงฝั่ง ล้างตัวแล้วก็เดินทางต่อไปที่ หาด Similon ซึ่งท่าเรืออยู่ไม่ไกลจากท่าเรือดูน้องหลามวาฬ

(เวลาลงบันไดมันจะย่องๆ ประมาณนี้ค่ะ เห็นน้องที่มีคนอุ้มมั้ยค่ะ น้องอ้วกใส่เราเต็มๆ.... ไม่เป็นไรนะค่ะลูก พี่เข้าใจหนูเมาเรือชิมิ)
พอเราลงมาถึงหาด OMG อันนี้คือหาดหรือสวรรค์ ทำไมน้ำใส หาดขาวเบอร์นี้ ไม่ใช่ขาวธรรมดาแต่ขาวมาก ตัดกับน้ำทะเลสีเสียว ฟ้า และ น้ำเงินเข้มแบบชัดเจนมาก จะเอาชัดกว่านี้พี่ต้องไปตัดสีในโฟโต้ช้อปเองละที่นี่ไม่มีอาหารขาย แต่เราสั่งอาหารที่ท่าเรือและนั่งกินลมชมวิวไม่นานก็
มีเรืออาหารเขียนชื่อพวกเรา และเอามาส่ง ท้องอิ่มแล้วมีพลังเล่นน้ำแบบสุดๆ

(ยิ้มได้แม้ทุกคนหิวโหย รอเรืออาหารมาส่ง)


น้ำใส้ม้วากกก แล้วไม่ได้แสบตาหรือเค็มเหมือนทะเลแถวบ้าน555เล่นไปค่ะ พอบ่ายสามเราก็นั่งเรือกลับมาขึ้นฝั่ง
เป็นเวลาเกือบบ่ายสี่ คนขับรถพอเราไปโบสถ์ Boljoon Church ซึ่งอยู่ใกล้ๆที่พัก



(ยายเค้ามาขายเทียนแท่งละ5เปโซ เราอยากอุดหนุนเลยให้ไปแบบไม่ต้องทอน ถ้าพื่อนๆผ่านมาก็ช่วยอุดหนุนยายหน่อยนะค่ะ ใครจะไปรู้เทียนของยายอาจจะทำให้คำอธิฐานของเพื่อนๆเป็นจริงก็เป็นได้ค่ะ)
ถ่ายรูปกันจนพอใจ เราก็นั่งรถกลับมาที่พักแวะเซเว่นถ้าเพื่อนๆ เจอแวะเลยนะค่ะไม่ต้องรอป้ายหน้าเพราะมันมีน้อยไม่ได้เยอะเหมือนบ้านเรา ไก่ย่างข้างทางก้ไม่เลวนะค่ะเค็มนิดๆแต่ก็รับได้ พอถึงที่พักเราก็จัดเจง กับแกล้ม เบียร์แบบขวดละลิตร นั่งดูพระอาทิตย์ตกชิวๆ
มาท์มอยกันพอควรกะแยกย้ายกันไปพักผ่อน เป็นอันจนทริป Day 2 ค่ะ
Day3
(อาหารเช้าหลักร้อย วิวหลักล้าน)
วันนี้เรานัดมอเตอร์ไซด์ห้างดงปินอยให้ขับรถพาเราไปส่งที่ท่าเรือ เวลา 9.00 ให้ทันขึ้นเรือที่ท่าเรือ Oslob รอบ 11 โมง เพื่อที่จะข้ามไปฝั่ง Panglao

(รถคันเดียยวสามารถยัดพวกเราชะนีทั้ง5 และกระเป๋าของผองเราได้หมด อื้อหือม่ายยยยน่าเชื่อ)
ระหว่างทางพวกเราก็เพลิดเพลินกับการนั่ง กินลม ชิวิว ของวิวข้างทางซึ่งพูดเลยว่าความรู้สึกต่างจากนั่งรถติดแอร์แบบเมื่อวานมากๆๆๆๆ
เนื่องจากท่าเรือ อยู่ใกล้ๆกับโบสถ์ Our Lady of Immaculate Conception Church หรือ Oslob church เราเลยแวะเยี่ยมชมและถ่ายรูปอีกแร้น



(นั่งพักดูดน้ำมะพร้าวลูกโตๆแบบแบ่งกันสองคนกะยังไม่หมดไป ชมวิวไปมันชิวจิจิ)
ได้เวลาเราก็ไปที่ท่าเรือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://apekoptravel.com/


เนื่องจากเรื่อที่เราจะนั่งข้ามฝากเป็นเรือลำใหญ่เราเลยต้องนั่งเราเล็กๆ และความเก๋อยู่ที่ ไม่พายนะจ่ะ ใช้เชือกผูกแล้วดึงเอา หุหุ
พอเราไปถึงเรือก้ประมาณ11 โมงแต่เราต้องรอ กรุ้ปทัวร์ที่ไปน้ำดำดูน้องหลามด้วยเพราะเรือมีแค่วันละเที่ยว

(ในระหว่างที่เรือนิ่งพวกเราจะสดใสเบอร์นี้)
เรานัดรถมารับตอนบ่ายสอง แต่เราก็ไปถึงฝั่งประมาณบ่ายสามค่ะ T T หากใครจะข้ามฝั่งมาที่.....แนะนำให้พกยาดม ลูกอมเปรี้ยว หรือซื้อมะม่วงข้างทางเอานะค่ะ เพราะเรือแล่นเร็วและปิดประตูหน้าต่างไม่ค่อยมีอากาศหายใจ นอกจกเพื่อนๆจะไปนั่งท้ายๆเรือ ส่วนชะนีอย่างเรา ซ้ายชะนีแม่อ้วกโอ้กอ้าง ขวาชะนีน้อยเกาหลีก้ไม่แพ้กัน เราอยู่ตรงกลางก็......ขอยาดมพี่ๆเดอะแกงส์ ทำไรไม่ได้นอกจากอดทน 3 ชมเอง เหอะๆ
พอถึงท่าเรือ Panglao คนรถก็มารอเราและพาเราไปที่แรกคือ พิพิธภัณฑ์หอย....อะหืมถ้าใครรีบไม่ต้องมาก้ได้แต่ถ้าเวลาเหลือก็ตามสะดวกเลยค่ะ

(ข้างในมันไม่มีอะไรจริงๆนะ)
โบสถ์ St. Augustine Parish


ถ้ำ Hinagdanan Cave เราแวะซื้ออะไรรองท้องเพราะ สี่โมงแล้วพวกเรายังไม่ได้ทานมื้อเที่ยง จากนั้นก็ใช้เวลาไม่นานไปการเดินชมถ้ำเพราะถ้ำไม่ได้ใหญ่ แต่เข้าไปก็จะเย็นๆ สดชื่นๆ

ที่ต่อไปคือ Bee Farm เรามาถึงกันประมาณ เกือบห้าโมง บรรยากาศก็จะสบายๆ พระอาทิตย์ก็กำลังจะตกพอดิบ พอดี ที่นี่มีร้านอาหารให้ได้นั่งดูวิวทะเลกันแบบ ชิวๆ แถมยังมีร้านขายของที่ระลึกให้เลือกกันมากมาย รวมถึง ไอศครีมออแกนิค ซึ่งชะนีอย่างเราได้ชิมรส spicy ginger และ salt honey ในส่วนของรสชาตินั้นno comment ได้มั้ย 5555 แต่หากเพื่อนเลือกเป็นรสผลไม้ ก็อร่อยอยู่น้าาา




เป็นอันจบทริป เราเลยมุ่งหน้าไปที่พัก ซึ่งอยู่ในย่านชุมชนแนวๆพัทยาเบาๆ จากต้นซอยยันท้ายซอยสุดหาด Alona beach เพื่อหาร้านอาหารนัวๆข้างทาง เลยมาจบที่ร้านนี้จำชื่อไม่ได้แต่ร้านอยู่ซ้ายมือมีป้ายใหญ่ๆ และ ปูปลา มาขายชั่งกันแบบสดๆ ซึ่งเมนูหน้าร้านใหญ่และมีอาหารไทยเยอะที่สุด!!

(สั่งต้มยำได้ต้มข่ากินได้ ไม่ติด)
หนังท้องตึงแล้วก็นั่งวินกลับที่พัก

(เรานั่งวินจากแถวร้านอาหารมาที่พัก ยังงงๆว่านี่คือรถรับส่งหรือผับกันเนี่ย เสียง ไฟมาเต็ม
https://pantip.com/topic/38558655
เมื่อชะนีไปซีบู ดูพี่ฉลามวาฬ พร้อมเดอะแกงค์4 สาวที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก!!
ทริปนี้เป็นทริปแรกในหลายๆทริปที่เราแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากจ่ายตัง555 เพราะพี่เค้าเป็นหัวหน้าทริปดังนั้นเราทำได้แค่เป็นสมาชิกที่ดี หลายๆคนอาจจะตั้งคำถามว่าเราไปเที่ยวกับคนแปลกหน้ามันจะดีหราาาาาา Stay Tune ค่ะเพื่อนๆ
แผนการท่องเที่ยวก่อนเดินทาง
เริ่มแรกเลย เราขึ้นเครื่องที่มะนิลาไฟท์ 10 โมง พร้อมกับพี่อีกสองคนที่เดินทางมาจาก จาการ์ตาและ โฮจิมินท์ ประสบการณ์แรกคือเครื่องไม่ยอมยัน11โมง เราก็กำลังจะหลับ ลืมตามาเห็นท้องฟ้า ก้อนเมฆสวยงาม.....ซักพัก technical problem เครื่องบินลงที่เดิมจ้า เราตื่นมาพอดีก็นึกว่าถึงซีบูแล้วแค่ประตูมันเปิดไม่ได้ ผ่านไปบ่ายสาม...อ้าววววกัปตันประกาศเครื่องกำลังจะบินไปซีบูถึงบางอ้อเลยจ้าาาาา
เป็นอันว่ามาถึง ซีบูประมาณ4 โมง จากที่เวลาเดิมคือ 11.30 พี่ๆอีกสองคนที่มานอนรอเราที่ซีบู 1 คืน และทัวร์ก็มารอนานมากแล้วเป็นอันทริปล่ม ไม่เป็นท่า
พอเราขึ้นรถปุ้ปเสียง เมาท์มอย สนุกสนานมหาศาล ประหนึ่งทุกคนรู้จักกันมานานแล้ว....แต่เอะเรามาจากเพจชวนเพื่อนเที่ยวนี่หน่า ทำไมเจอกันครั้งแรกสนิทกันเร็วจัง.....เอิ่มเลยแถวพี่ๆเค้าว่า "พี่ๆรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าค่ะ คำตอบคือ ค่ะ 10ปีอัพที่รู้จักกันมา" อะหืมแล้วชะนีแปลกหน้าที่อายุน้อยที่สุดอย่างเราจะรอดมั้ยเค้ารู้จักกันมานานแล้ว T_T
-คำตอบรอดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พี่ๆทุกคนน่ารักเป็นกันเองและตลกเบอร์แรงส์ ชะนีน้อยอย่างเรากะมีความสุขกันไปตามระเบียบ
ที่แรกที่เรามาคือ Port San Pedro
พอมาถึงเราก็ถ่ายรูปกันได้ประมาณ 5 นาที ฝนตกจ้าาาา ทุกคนวิ่งขึ้นรถอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องนัดหมาย5555
และคนขับรถก้พาเราไปอีกที่ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน เพราะฝนตกลงไปก็ทำไรไม่ได้ เลยตรงไปที่พัก Jaynet Over View ที่ Oslob เพราะเราติดอยู่ในเครื่องเกิน 4 ชม. การเดินทางจากสนามบิน Mactan ไป Oslob ใช้เวลานานพอสมควร ประมาณ 4-5 ชม.และทางค่อนข้างลำบากมาก แนะะนำให้พกยาดมหรือลูกอมเปรี้ยวๆมาด้วยนะค่ะ อิอิ
เรามาถึงที่พักประมาณสามทุ่มค่ะ ทุกคนหิวโหยเลยสั่งอาหารที่พักทาน ส่วนรสชาติ.....อะไรข้ามๆได้ก็ปล่อยผ่านค่ะ แต่ชะนีอย่างเราแอบสงสารพี่ๆที่ไปด้วยกันเพราะเราใช้ชีวิตอยู่ที่ฟิลิปปินส์มาปีกว่าเข้าใจรสชาติอาหารที่นี่ดี ไม่เค็มมากก็มันมาก กลัวพี่ๆเค้าจะกินกันไม่ได้ แต่เนื่องด้วยทุกคนเป็นคนง่าย สบายๆ ไม่เยอะ อาหารไม่ค่อยหร่อยแต่เมาท์มอยกันมันส์ กินไปเมาท์ไปมันก็รับได้ค่ะ
ที่พักของเราชื่อ Jaynet Overview Resort ซึ่งเป็นที่พักติดทะเล เราก้นั่งกินข้าว จิบเบียร์ เมาท์มอยฟังเสียงคลื่นไป แต่มองไม่เห็นไรเพราะมืดแล้ว 555 ราตรีสวัสค่ะ
day 2
เราทานอาหารเช้าตอนตีห้าครึ่ง เพื่อที่จะไปดู ปลาฉลามวาฬตอนหกโมงเช้า พอเราไปถึง OMG.... อันนั้นคือคิวหรืองานวัด คนมหาศาลล้านเจ็ด ค่าชมน้องหลามคนละ 1,000 เปโซ เราตกลงเช่ากล้องของทัวร์ ราคา 550 เปโซเพราะเค้าถ่ายรูปให้เราด้วย พวกเราไปรอที่ท่าปรากฎว่า มาหกโมงเช้าได้คิว 209 จ้าาา หันมามองหน้ากัน แล้วถามไกด์ว่า รอนานแค่ไหน นางบอก ประมาณ 2 ชม เลยตัดสินใจไปน้ำตก Tumalog ที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ใช้เวลาไม่ถึง 40 นาทีในการเดินทางและถ่ายรูป คนขับรถจอดรถที่ลาดจอดรถ และพวกเราก้แว้นมอไซด์รับจ้างแถวนั้น ไป-กลับ ประมาณ 50 เปโซ และค่าเข้าชม อีกคนละ 20 เปโซ
เรากลับมาที่เดิมคิวที่เราได้ยินเค้าประกาศ คือ119 แล้วเรา 209 เอิ่มมมม ไปหาที่นั่งรอเพราะไกด์บอกอีกประมาณ 1 ชม.
และแล้วเวลาอันน่าตื่นเต้นก็มาถึง คิวของเราโดนเรียก พวกเรายืนรวมตัวกันและมีครอบครัวคนจีนขึ้นเรือลำเดียวกัน คนพายเรือพาเราไปยังบริเวณที่ปลาฉลามวาฬว่ายน้ำอยู่พวกเราตื่นเต้นมากเพราะน้องหลามตัวใหญ่มากกกกก ลืมบอกเค้าไม่ให้เราทาครีมกันแดดหรือน้ำหอมนะค่ะเพราะน้องหลามเค้าเซนซิทีฟ พอเค้าบอกให้เราโดดคือ ทุกคนโดดตู้มมมมมม ชะนีอย่างเราไม่รอดค่ะ สำลักน้ำ แสบตา แสบผิวประหนึ่งโดนข้าวสารเสก แต่ก็อดทนขอเพียงให้ได้พบหน้าน้องหลามผู้น่ารัก พวกเราใช้เวลาประมาณ ครึ่งชม.
พอเราลงมาถึงหาด OMG อันนี้คือหาดหรือสวรรค์ ทำไมน้ำใส หาดขาวเบอร์นี้ ไม่ใช่ขาวธรรมดาแต่ขาวมาก ตัดกับน้ำทะเลสีเสียว ฟ้า และ น้ำเงินเข้มแบบชัดเจนมาก จะเอาชัดกว่านี้พี่ต้องไปตัดสีในโฟโต้ช้อปเองละที่นี่ไม่มีอาหารขาย แต่เราสั่งอาหารที่ท่าเรือและนั่งกินลมชมวิวไม่นานก็
มีเรืออาหารเขียนชื่อพวกเรา และเอามาส่ง ท้องอิ่มแล้วมีพลังเล่นน้ำแบบสุดๆ
เป็นเวลาเกือบบ่ายสี่ คนขับรถพอเราไปโบสถ์ Boljoon Church ซึ่งอยู่ใกล้ๆที่พัก
ถ่ายรูปกันจนพอใจ เราก็นั่งรถกลับมาที่พักแวะเซเว่นถ้าเพื่อนๆ เจอแวะเลยนะค่ะไม่ต้องรอป้ายหน้าเพราะมันมีน้อยไม่ได้เยอะเหมือนบ้านเรา ไก่ย่างข้างทางก้ไม่เลวนะค่ะเค็มนิดๆแต่ก็รับได้ พอถึงที่พักเราก็จัดเจง กับแกล้ม เบียร์แบบขวดละลิตร นั่งดูพระอาทิตย์ตกชิวๆ
มาท์มอยกันพอควรกะแยกย้ายกันไปพักผ่อน เป็นอันจนทริป Day 2 ค่ะ
Day3
(อาหารเช้าหลักร้อย วิวหลักล้าน)
วันนี้เรานัดมอเตอร์ไซด์ห้างดงปินอยให้ขับรถพาเราไปส่งที่ท่าเรือ เวลา 9.00 ให้ทันขึ้นเรือที่ท่าเรือ Oslob รอบ 11 โมง เพื่อที่จะข้ามไปฝั่ง Panglao
ระหว่างทางพวกเราก็เพลิดเพลินกับการนั่ง กินลม ชิวิว ของวิวข้างทางซึ่งพูดเลยว่าความรู้สึกต่างจากนั่งรถติดแอร์แบบเมื่อวานมากๆๆๆๆ
เนื่องจากท่าเรือ อยู่ใกล้ๆกับโบสถ์ Our Lady of Immaculate Conception Church หรือ Oslob church เราเลยแวะเยี่ยมชมและถ่ายรูปอีกแร้น
ได้เวลาเราก็ไปที่ท่าเรือ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเราไปถึงเรือก้ประมาณ11 โมงแต่เราต้องรอ กรุ้ปทัวร์ที่ไปน้ำดำดูน้องหลามด้วยเพราะเรือมีแค่วันละเที่ยว
เรานัดรถมารับตอนบ่ายสอง แต่เราก็ไปถึงฝั่งประมาณบ่ายสามค่ะ T T หากใครจะข้ามฝั่งมาที่.....แนะนำให้พกยาดม ลูกอมเปรี้ยว หรือซื้อมะม่วงข้างทางเอานะค่ะ เพราะเรือแล่นเร็วและปิดประตูหน้าต่างไม่ค่อยมีอากาศหายใจ นอกจกเพื่อนๆจะไปนั่งท้ายๆเรือ ส่วนชะนีอย่างเรา ซ้ายชะนีแม่อ้วกโอ้กอ้าง ขวาชะนีน้อยเกาหลีก้ไม่แพ้กัน เราอยู่ตรงกลางก็......ขอยาดมพี่ๆเดอะแกงส์ ทำไรไม่ได้นอกจากอดทน 3 ชมเอง เหอะๆ
พอถึงท่าเรือ Panglao คนรถก็มารอเราและพาเราไปที่แรกคือ พิพิธภัณฑ์หอย....อะหืมถ้าใครรีบไม่ต้องมาก้ได้แต่ถ้าเวลาเหลือก็ตามสะดวกเลยค่ะ
โบสถ์ St. Augustine Parish
หนังท้องตึงแล้วก็นั่งวินกลับที่พัก