GUNKUL ผนึก “ยูนิคอร์ด” ลุยติดตั้งโซลาร์รูฟ กำลังผลิต 1.92 MW เพิ่มศักยภาพ-ช่วยลดต้นทุน หนุนเสถียรภาพองค์กรแข็งแกร่ง

https://www.share2trade.com/index.php?mod=news&file=view&id=135

        บมจ.กันกลุเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL)  และ บมจ.ยูนิคอร์ด (UCT) ร่วมลงนามในสัญญาโครงการก่อสร้างระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา(Solar PV Rooftop) กำลังการผลิต 1.92 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 60  ล้านบาท บนพื้นที่ 11,000 ตารางเมตร สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าโดยเฉลี่ยปีละ 2.6 ล้านหน่วยต่อปี คาดเริ่มติดตั้งเมษายนนี้  “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” ประธานกรรมการบริหาร เผยโครงการดังกล่าวช่วยเสริมศักยภาพ และส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจทั้ง 2 แห่งให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ปัจจัยที่สำคัญช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าขององค์กรได้เป็นอย่างดี

    นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL  เปิดเผยว่า  บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามในสัญญาโครงการก่อสร้างระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) กับ บริษัท ยูนิคอร์ด จำกัด (มหาชน) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1.92 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เฟส แบ่งเป็นเฟส 1 ประมาณ 1.24 เมกะวัตต์ และเฟส 2 ประมาณ 680 กิโลวัตต์

    “ความร่วมมือทางธุรกิจกันในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของกลุ่มบริษัทฯ และจะเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า พลังงานแสงอาทิตย์สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ สำหรับภาคอุตสาหกรรม และภาคการผลิตได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าที่ถูกลง และสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานหลักได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานให้กับบริษัท ยูนิคอร์ด โดยคาดว่าจะทยอยก่อสร้างได้ช่วงเดือนเมษายน” นางสาวโศภชากล่าว

ทั้งนี้ ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทยังคงผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานทดแทน เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงาน โดยคาดว่าจะดำเนินการศึกษาความสามารถในการติดตั้งโซล่าแบบทุ่นลอยน้ำให้กับพื้นที่ผิวน้ำที่มีศักยภาพของบริษัท ยูนิคอร์ด จำกัด (มหาชน) ร่วมกันในเฟสถัดไป

    ด้านนายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ยูนิคอร์ด จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและส่งออก ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า อาหารกระป๋อง และอาหารสัตว์ รายใหญ่ของประเทศไทย  กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของ GUNKUL ในการจัดหาโซลูชั่นด้านพลังงานทดแทนให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และอุตสาหกรรมต่างๆ  โดยมีทีมงานที่มีความชำนาญ และทุ่มเทเพื่อการพัฒนาในธุรกิจพลังงานทดแทน ทำให้บริษัทฯ มั่นใจในการร่วมมือกันครั้งนี้   ซึ่งเชื่อว่าโครงการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา ขนาดกำลังการผลิต 1.92 เมกะวัตต์ จะทำให้ต้นทุนทางด้านพลังงานไฟฟ้าของธุรกิจลดลงราว 7% โดยจะนำไฟฟ้าไปใช้ทั้งในส่วนของห้องเย็น และกระบวนการผลิตจำนวนมาก

    “ปัจจุบันบริษัทฯ มีการใช้กำลังไฟฟ้าในโรงงานรวม 6 เมกะวัตต์ต่อเดือน จึงมีแนวคิด เพื่อลดต้นทุนด้านไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งมองว่าการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่ง ที่ช่วยประหยัดพลังงานที่ใช้อยู่และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งมั่นใจว่าโครงการนี้จะมีส่วนช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ ในฐานะเป็นโรงงานสีเขียว และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบริษัทฯได้” นายอมรพันธุ์กล่าว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่