ทำไมคนสูงอายุ ถึงไม่ชอบระบอบประชาธิปไตยครับ?

ต้องบอกก่อนว่าปกติจขกทไม่ค่อยอินกับการเมืองนะครับ เพราะคิดว่ายังเด็กและเป็นเรื่องไกลตัว

แต่ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง จขกท เห็น content ใน social มากมายจากเพื่อนที่แชร์เกี่ยวกับการเมือง เลยเกิดสนใจและเข้าไปอ่าน comment บ้าง

แล้วจขกทพอเข้าใจได้จากรูปโปรไฟล์ ว่าจะมีคนสองกลุ่มใหญ่ๆที่เห็นตรงข้ามกัน คือวัยรุ่น และผู้สูงอายุ

ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มวัยรุ่น มักจะอยู่ข้างประชาธิปไตย ซึ่งผมคิดตามแล้วก็พอเข้าใจได้ ก็ฟังดูมีเหตุผล

แต่พอลองคิดตามว่าถ้าจขกทเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม จะคิดอย่างไร พ้อยหลักคืออยากทราบ mild set ของผู้ใหญ่กลุ่มนี้ครับ ใครพอทราบ แชร์ให้ฟังหน่อย

ปล.โปรดแสดงความเห็นแบบสุภาพนะครับ , ถ้าแท็กผิดห้อง ขออภัยครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 22
คนสูงอายุนี่คือพวกกลุ่ม 60-70 ที่ได้เบี้ยยังชีพและเงิน 500 ใช่มั้ย? ไม่แปลกที่เค้าจะชอบประยุทธ์

เอาจริงๆคนแก่ไม่ได้สนเรื่องระบอบ เค้าดูแค่ว่าคนไหนจะมาเป็นนายก บางคนเค้าคิดเช่นนั้นจริงๆ

ส่วนชนชั้นกลาง จะมีการวิเคราะห์ที่ลึกลงมาหน่อย มองว่า แต่ละระบอบมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ควรเลือกแบบไหน แล้วมาดูที่พรรค ชนชั้นกลางจะเลือกคนเลือกพรรคที่ตัวเองจะได้ประโยชน์สูงสุดเป็นหลัก

กลุ่มวัยรุ่น นศ. จะมองที่อุดมการณ์ เค้าจะเลือกคนที่สร้างความฝันและหยิบยื่นความฝันและชี้นำทางให้ กลุ่มนี้ไม่ได้มองเรื่องผลประโยชน์ที่จะได้ แต่จะมองที่อุดมการณ์ของผู้นำและความทันสมัย พรรคที่ชูจุดขายเรื่องความก้าวหน้า จะได้ใจคนรุ่นใหม่

จริงๆ ทุกระบอบมีดีมีแย่ แต่สิ่งที่ถ่วงความเจริญ สร้างความเหลื่อมล้ำ คือระบอบที่เอื้อให้ผู้นำสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ในระยะยาวๆ ในขณะที่ปชช. ไม่สามารถมีสิทธิ์มีเสียงหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ แบบจำใจต้องยอมให้เค้ามาเป็นผู้นำในระยะยาวต่างหาก เพราะแบบนี้ การที่มีการเลือกตั้งทุกๆ 4 ปี มีการตรวจสอบ มีการฟังเสียงประชาชน ระบอบประชาธิปไตย มันจึงมีความสำคัญแลมีความหมาย แต่ตราบใดถ้าผู้นำอ้างระบอบประชาธิปไตย แต่ตัวเองมีเสียงข้างมากในสภาและผูกขาดกินตำแหน่งยาวๆ ไม่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ไม่ฟังเสียงประชาชน มันก็คือเผด็จการในคราบระบอบประชาธิปไตยดีๆนี่เอง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เอาจริงๆนะ  เราวัย 29 จริงๆก็ไม่ได้แก่อะไร  แต่พูดตรงๆ สำหรับเราคนเดียว ในความคิดของเราอะ
เราเป็นคนนึงที่เชื่อเสมอว่าจริงๆแล้วระบอบการปกครองไม่ได้สำคัญไปกว่าตัวบุคคลผู้ที่มีอำนาจเลย  

ถ้าคนกลุ่มที่มีอำนาจบริหารประเทศ เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ รักประชาชน
เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชน มีใจรักและต้องการพัฒนาประเทศจริงๆ ไม่ทุจริต ไม่โกงกินบ้านเมือง
สุดท้ายแล้วต่อให้เป็นระบอบเผด็จการ หรือระบอบอะไรก็เถอะ เราคิดว่าโดยรวมมันก็ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้นะ
และเชื่อว่าจะไปได้ดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบอบไหนก็ตาม

ตรงกันข้ามนะ ให้แบบเป็นประชาธิปไตยจ๋าๆเลย แต่คนที่อยู่ในสภาสุดท้ายแล้วเป็นแบบที่เราเคยเห็นๆกันจนชินตา
เล่นมือถือระหว่างประชุมบ้าง เล่นยูทุป หลับบ้าง ทะเลาะตบตีชกต่อยกันบ้าง ห้องน้ำสภาแฝงไปด้วยผลประโยชน์ การแบ่งเค้กชิ้นโต
การตกลงผลประโยชน์ ฉันเอาเท่านี้นะ คุณเอาเท่านั้นนะ  ถ้าคุณให้ฉันเท่านี้ฉันจะช่วยคุณแบบนั้นนะ  
เต็มไปด้วยผลประโยชน์แอบแฝง เงื่อนไขต่อรอง (อิงจากที่อดีตนักการเมืองท่านนึงเคยแฉไว้)
โดยเอาประชาชน เอาม็อบ เอาคำว่าประชาธิปไตย มาเป็นเครื่องมือ
โอเค สุดท้ายแล้วอาจจะบอกว่าอำนาจก็อยู่ที่ประชาชน มีสิทธิล่าชื่อถอดถอน มีสิทธิแย้ง มีสิทธิอภิปราย
แต่ในทางปฏิบัติจริงมันก็นะ ประชาชนสักกี่คนที่จะอยากไปยุ่งวุ่นวาย บางคนเลือกตั้งยังแทบจะขี้เกียจไปกันเลย  

แน่นอนว่าถ้าสามารถความคุมตัวแปรพรรค ตัวแปรบุคคล ว่านายกผู้นำเอย พรรคการเมืองเอย ล้วนเป็นคนดี เพอร์เฟ็ค ไม่ทุจริต รักบ้านรักเมือง
ระบอบประชาธิปไตย ก็ย่อมดีกว่าแน่นอน ไม่ใช่ว่าโดยส่วนตัวแอนตี้หรือไม่ชอบนะ ถ้าได้จริงก็คงเป็นรัฐสภาในอุดมคติเลย

แต่เอาจริงๆค่อนข้างสิ้นหวังกับประเทศ โดยเฉพาะทุกวันนี้เห็นคนที่มาสมัคร คนที่มาหาเสียง คนที่มาดีเบตกัน แต่ละคนก็หน้าเดิมๆ
พูดจาก็เหมือนเดิม ขายฝันเหมือนเดิม เถียงกันในเรื่องเดิมๆ ดูแล้วเต็มไปด้วยการเตรียมที่จะตกลงผลประโยชน์เงื่อนไขต่างๆนานาเหมือนเดิม
แบ่งแบบขวาจัด ซ้ายจัด ที่ดูเป็นกลางๆหน่อยก็คือกลุ่มที่พร้อมไหล พร้อมเปลี่ยนสีตามสภาวะแวดล้อม

ยังมองไม่เห็นพรรคไหนที่ดูแล้ว เป็นพรรคที่มีนโยบายที่ดี มีความสามารถ แล้วอยู่ฝั่งประชาชน ตั้งใจจะพัฒนาประเทศจริงๆ
พรรคการเมืองแสดงออกถึงความจริงใจ หรือขายจุดขายของพรรคว่าจะไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชั่นจริงๆเลย

แทนที่การเลือกตั้งเราจะมาพิจารณาว่า พรรคไหนดีกว่ากัน  นายกคนไหนดีกว่ากัน โฆษณาจุดดี
แต่ทุกวันนี้ดูจากตัวเลือก คือกลายเป็นต้องมาพิจารณาตัดสินใจว่า  พรรคไหน นายกคนไหน "แย่น้อยกว่า"กัน  

ยังไม่รวมทัศนคติแย่ๆบางอย่างของคนไทยบางกลุ่มที่ก็ยังสุดโต่ง ซึ่งพร้อมจะสร้างจะก่อความขัดแย้งตลอด
กลุ่มที่หน้ามืดตามัวเชื่อในทฤษฎีสิ่งของมีแค่สองด้าน  แบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกันในลักษณะของ ขาว-ดำ  ซ้าย-ขวา  ห้ว-ก้อย  
ถ้าคุณไม่ซ้าย แสดงว่าคุณขวา, ถ้าคุณไม่ขวา แสดงว่าคุณซ้าย
ถ้าคุณไม่แดง แสดงว่าคุณเหลือง, ถ้าคุณไม่เหลือง แสดงว่าคุณแดง
ไม่ชอบทัก... แสดงว่าเผด็จการ , ไม่ชอบลุง แสดงว่า สมุนทัก...

คือตรรกะพังๆเหล่านี้ ดูแล้วมันกลายเป็นสิ่งที่จะสร้างความขัดแย้งวนเวียนกันไปแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น  

ไม่รู้นะ สำหรับหลายๆคนอาจตื่นเต้นกับการเลือกตั้งครั้งนี้
แต่สำหรับเรา เอาตรงๆ ว่ามองไปแล้วก็ท้อแท้ มืดมน เหมือนเดิม

ดังนั้นสรุปแล้วคิดว่า mind set ของคนกลุ่มนี้ ไม่น่าจะใช่ว่าไม่เอาประชาธิปไตยนะ  
แต่ถูกโยนให้อยู่ฝั่งตรงข้ามไปโดยปริยาย เพียงเพราะอาจจะไม่โอเคกับตัวบุคคล
ของฝั่งที่อ้างตัวเองว่าเป็นตัวแทนของประชาธิปไตย เท่านั้นเอง
ทั้งที่ก็อาจจะไม่ได้โอเคกับอีกฝั่งเช่นกัน(แต่น้อยกว่า) . . . . แต่มองไปแล้วอาจจะเป็นทางเลือกที่ เสียหายน้อยกว่า ก็แค่นั้นเอง


เอาจริงๆอยากให้บัตรเลือกตั้งมันมีช่องพิเศษจัง  ช่องแบบว่าไม่เอาซักพรรค แบบถ้าเสียงประชาชนเกินสัดส่วนกี่ % กาช่องนี้ไปแล้ว
จะแบนนักการเมืองที่ลงสมัครชุดนี้ทุกคนทุกพรรคสัก 10 ปี  นี่จะกาจนกว่าไม่เห็นนักการเมืองหน้าเดิมโผล่มาเป็นตัวเลือกแม้แต่คนเดียวเลย  


ปล...เดี๋ยวอย่างกรณีความเห็นของเราก็มีเคสคนที่มาโยนมาด่าว่าเป็นสลิ่ม อำมาตย์  เชื่อมั๊ย  5555555  เห้อออออออออ


edit : แก้ไขคำพิมพ์ภาษาไทยผิดบางคำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่