"It doesn't matter how slow you go, as long as you don't stop"
- Confucius

สวัสดีค่ะ
เป็นการโพสกระทู้ครั้งแรกในพันทิป ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
มีโอกาสได้ไปไปเทรคเส้นทาง Everest Base Camp via Gokyo มาเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2017 เห็นมีกระทู้รีวิวรายละเอียดการเตรียมตัวเยอะแล้ว วันนี้เลยแค่อยากจะมาแชร์รูปภาพให้ได้ดูกันเพลินๆค่ะ พอเป็นไอเดียเพิ่มเติมว่าไปเที่ยวช่วงเดือนนี้สภาพอากาศเส้นทางเป็นอย่างไร

เราได้สัมผัสหิมาลัยครั้งแรกในปี 2016 กับเส้นทาง Annapurna Base Camp
ตั้งแต่นั้นชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หาเรื่องออกไปเดินป่าเดินเขาไม่หยุดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เราหลงรักความเรียบง่ายของชีวิตบนภูเขา หลงรักความสงบในใจที่ภูเขามอบให้
การปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทางที่ดูจะพิเศษและจริงใจกว่าการท่องเที่ยวแบบไหนๆ
ณ จุดนั้นเหมือนมันไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าก้าวถัดไปที่อยู่ตรงหน้า
ตัวเรา ปัญหาของเรา มันดูเล็กนิดเดียวเวลายืนอยู่ท่ามกลางภูเขาที่สูงหลายพันเมตร
เวลา 24 ชั่วโมงในชีวิตประจำวันที่เหมือนจะไม่เคยพอ
กลับดูมากมายเหลือเกินเวลาที่เราอยู่ตรงนั้น ทำให้เราได้มีเวลาทบทวนสิ่งต่างๆ
ที่สำคัญคือมันสอนให้เรามองชีวิตและเป้าหมายในมุมมองที่เปลี่ยนไป

ภาพวาดด้านบนนี้เป็นภาพวาด Everest ที่วาดไว้ 2 วันก่อนออกเดินทาง
บอกตรงๆตอนนั้นไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จ กลัวนู่นกลัวนี่ไปหมด
นับวันรอมาทั้งปีเพื่อจะได้เห็นภาพนี้ ก็เลยวาดรูปให้กำลังใจตัวเองก่อนไป

ขออนุญาตแปะคลิปให้ดู เป็นบรรยากาศภาพรวมของทริปนี้
ที่เราพูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นทริปที่ดีที่สุดในชีวิต

ถ้าชื่นชอบรูปภาพ ทั้งภาพถ่ายและภาพวาด
ติดตามได้ที่ Facebook Page และ instagram นะคะ
https://www.facebook.com/giftllee/
https://www.instagram.com/giftllee/
Instagram @giftllee

สำหรับไกด์ เราใช้เจ้านี้ค่ะ
https://www.facebook.com/incredibletreks/
___________________________________

Kathmandu
กาฐมาณฑุในความทรงจำปี 2016 ของเราวุ่นวายฝุ่นตลบกว่านี้มาก เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งออกกฎหมายห้ามรถวิ่งใน Thamel ทำให้การเดินเล่นในทาเมลปลอดภัยขึ้นเยอะ (แต่ก็เสียอรรถรสความ Survival ไปบ้างเหมือนกัน 555) เรานัดพบกับไกด์ตั้งแต่ที่สนามบิน ไกด์ชื่อ Krishna (กฤษณะ) จากบริษัท Incredible Treks & Tours ซึ่งเป็นเจ้าที่เราใช้บริการตั้งแต่ตอน ABC และคิดว่าต่อจากนี้ถ้าจะไปเทรคที่เนปาล ก็คงใช้บริการเจ้านี้ต่อ เพราะเขาดูแลดีมาก ด้วยความที่เราใช้เวลาร่วมกันเยอะมากๆ ตอนนี้เลยเหมือนเป็นเพื่อนกันไปแล้ว

หลังจากนอนที่กาฐมาณฑุ 1 คืน
เราก็ออกเดินทางจากสนามบิน Domestic บินไปยังเมือง Lukla ประตูสู่ Everest
หลังจากเทรค ABC เมื่อตุลาคม 2016 เราก็นับวันรอวันที่จะได้กลับมาที่นี่อีก
อาจจะฟังดูเว่อร์ แต่ว่า ทันทีที่เครื่องบินทะยานขึ้นฟ้า แล้วมองเห็นแนวเทือกเขาหิมาลัยยาวตลอดแนวสายตา
น้ำตามันรื้นขึ้นมาเลย..  สวรรค์จะหน้าตาเป็นแบบนี้รึเปล่านะ

Lukla
ไม่ว่าจะไป Base Camp หรือพิชิตยอด Everest ทุกคนต่างเริ่มต้นก้าวแรกกันที่นี่
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว สิ่งที่ EBC ต่างจาก ABC คือแค่เครื่องลงก็เห็นภูเขาหิมะแล้ว
มนุษย์เมืองร้อนอย่างเราก็ดี๊ด๊าอดตื่นเต้นไม่ได้








Lukla - Phakding - Namche
2 วันแรกวิวก็จะป่าๆเขียวๆหน่อย กลางวันอากาศดีค่ะ แดดสว่างสดใส
เย็นสบายกำลังดีเหมาะกับการเดิน



Namche Bazaar
Namche เป็นเมืองที่ทำให้ภาพของการเทรคครั้งนี้ของเราผิดกับที่จินตนาการไว้มาก
เพราะมันเจริญมาก มีพร้อมทุกอย่าง แทบจะเหมือน Kathmandu เลย (แค่ของแพงกว่า)
ใครขาดเหลืออะไรฉุกเฉินคือหาได้ที่นี่สบายๆ

ตอนกลับมาเอาภาพวาดที่นี่มาวาดด้วย เป็นภาพที่วาดแล้วมีความสุขมากๆ
ความรู้สึกตอนนั้นมันแวบกลับมาเลย



Sagarmatha National Park, Namche
เราพักที่ Namche 2 คืนเพื่อปรับสภาพร่างกาย
โดยวันที่สองไกด์พาขึ้นไปที่ Museum ซึ่งมีทั้งประวัติศาสตร์
และข้อมูลทางนิเวศวิทยาของพื้นที่แถบนี้
Sagarmatha เป็นชื่อภาษาท้องถิ่นของ Everest ก่อนที่จะถูกพิชิต


รูปปั้นของ Tenzing Norgay
ถ้าอากาศดี จริงๆจะแนะนำให้ขึ้นไปชมวิวที่ Everest viewpoint
แต่ตอนเราไปเมฆเยอะ ไกด์เลยว่าไปพิพิธภัณฑ์ดีกว่า
จากพิพิธภัณฑ์เรามีโอกาสได้เห็น Everest เป็นครั้งแรก
ตื่นเต้นมากกกกกกกก  บรรยายไม่ถูกเลยว่ารู้สึกดีขนาดไหน
วันแรกถ่ายรูปไม่ทัน เมฆบังก่อน แต่เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้เห็นเต็มๆไร้สิ่งใดบดบัง
เห็นแล้วก็มีกำลังใจเดิน




ไว้เดี๋ยวมาต่อนะคะ รอติดตามกันด้วยนาา