รีวิว Trekking Everest Basecamp - ขอให้กระทู้นี้ เป็นกระทู้รีวิวเพื่อรำลึกถึงสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ในเนปาล



ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศเนปาลก่อนนะครับ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผมถือว่าผมกับคณะที่ไปด้วยกันทั้งสามคนโชคดีมากๆ ที่กลับมาก่อนเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว 1 สัปดาห์ เพราะตอนแรกพวกผมวางแผนกันไว้ว่าจะไป Trekking โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ Everest Basecamp หรือ EBC หลังจากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมกับน้องคนนึงซึ่งอยู่ในทริปครั้งนี้ด้วย ได้ไป Trekking ที่ Annapurna Basecamp กันมาแล้ว และสัญญากันว่าครั้งนี้เราจะไป EBC กัน แรกเริ่มเดิมทีทริปนี้ถูกวางโปรแกรมไว้วันที่ 9-27 เมษายน 2558 แต่เกิดเหตุบังเอิญที่ทำให้น้องคนนั้นต้องไปงานที่ยุโรป เราเลยจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโปรแกรมให้เป็นวันที่ 2-19 เมษายน 2558 (ซึ่งถ้าไม่เปลี่ยนโปรแกรม ตอนที่เกิดเรื่อง พวกผมคงโดนไปด้วยแน่ๆ)  พอหลังจากเปลี่ยนวันเดินทางกันก็ติดต่อเอเจนซี่ทัวร์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนที่ไป ABC แล้วเราก็คุยกันเรื่องโปรแกรมจนสรุปออกมาได้ประมาณนี้

ตารางเดินทาง
Day 01 : Kathmandu airport พัก 1 คืน ที่Thamel
Day 02 : ขึ้นเครื่องบินเล็ก จาก Kathmandu ไป Lukla (2886m.) แล้วเริ่มเดินเลย ถึง Phakding
Day 03 : Phakding ไป Namche Bazaar (3440 m.)
Day 04 : พักผ่อนที่ Namche Bazar เพื่อให้ร่างกายปรับระดับความสูง เดินขึ้นไปด้านบนสุดของ Namche เพื่อชมพิพิธภัณฑ์
Day 05 : Namche Bazaar ไป Dole (4040m.) ผ่าน Khumjung dole
Day 06 : Dole ไป machharma 4300m.)
Day 07 : Macharma ไป  Gokyo [4750m]
Day 08 : พักผ่อนที่ Gokyo
Day 09 : Gokyo ไป Thangna(4700m.)
Day 10 :Thangna ไป Chola pass (5385m.) and trek to Zongla (4900m.)
Day 11 :Zongla ไป Lobuche (4930 m.)
Day 12 : Lobuche ไป Everest Base Camp via Gorakshep (5200m.)
Day 13 : Gorakshep ไป Kala Patthar (5545m.) and trek to Pherich(4243m.)
Day 14 : Pheriche ไป Tyangboche (3867 m.)
Day 15 : Tyangboche ไป Namche Bazaar (3440 m )
Day 16 : Namche Bazaar ไป Lukla (2886 m.)
Day 17 : บินกลับจาก Lukla ถึง Kathmandu
Day 18 : กลับ กทม

แต่เนื่องจากผมเจออาการ AMS Altitude Mountain Sickness เล่นงานตั้งแต่วันที่ 4-5 บวกกับไซนัสอักเสบรุนแรง ผมเลยต้องลงมา แต่พอดีขึ้น วันที่ 7 ผมก็ขี่มอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบๆ ซึ่งจะรีวิวสถานที่เหล่านั้นให้ดูกันแทนครับ ซึ่งก็เหมือนเดิม ผมเดินทางพร้อมด้วยโทรศัพท์ Galaxy S4 เครื่องเดียว เหมือนตอนที่แบกเป้ไปญี่ปุ่นคนเดียว (อ่านได้ที่กระทู้นี้ครับ >>> http://pantip.com/topic/33095126 ) ภาพสวยไม่สวยยังไงต้องขออภัยด้วย

หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มหาอุปกรณ์การเดินทางกัน โดยเฉพาะผมที่คราวที่ไป ABC นั้น อุปกรณ์ผมไม่พร้อมเลย คราวที่แล้วเป็นการ trek ครั้งแรกของผม ผมไม่เคยมีรองเท้า trekking และมันก็ค่อนข้างแพง ผมเลยใช้รองเท้า รด. ไปเดิน ซึ่งพอกลับมามันสร้างความทรมานให้กับหัวเข่าของผมมาก เพราะรองเท้ามันไม่ได้รองรับแรงกระแทกให้กับข้อเท้าและหัวเข่าเลย มาคราวนี้ผมเลยตั้งใจซื้อ 1 คู่ เป็นของ Merrel รุ่น Gore-tex พื้นรองเท้าแบบ Vibrant ครับ (ข้อมูลพวกนี้หาเอาเองนะครับ) หลังจากนั้นเราก็หาพวกเสื้อกันหนาว เสื้อขนเป็ดต่างๆ, เสื้อกันลม, กางเกงกันลมกันหนาว, หมวก, ถุงมือ, ไม้ค้ำ Trekking Pole, ซึ่งของต่างๆ พอมารวมๆ กันแล้วเราต้องพยายามจัดสรรให้น้ำหนักกระเป๋าไม่มากเกินไป เพราะมันจะมีบางช่วงของการเดินทางที่เราต้องแบกกระเป๋าเอง มันจะทำให้เราลำบาก แต่ตอนเดินขึ้นเขาจะมีคนแบกที่เราจ้างไว้ สำหรับผมมีเป้ใหญ่ 1 ใบ เป้เล็กไว้ใส่ของใช้ติดตัว 1 ใบแค่นั้นครับ



สิ่งสำคัญสุดท้ายคือการซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศ ผมใช้ของ BUPA ครับ เพราะอ่านแล้วน่าจะครอบคลุมทั้งหมด เพราะทริป trekking EBC นี่เค้าบังคับให้มีประกันการเดินทางด้วย

ทีนี้ก็ถึงเวลาเดินทาง การเดินทางจากประเทศไทยถึงเนปาล ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ลงที่สนามบิน Kathmandu อากาศที่ Kathmandu ค่อนข้างร้อนเลยทีเดียว จากนั้นคนที่เราซื้อแพ็คเกจนำเที่ยวก็มารับเราที่สนามบิน เข้าไปที่ Thamel เพื่อเข้าที่พัก และพักผ่อน

ภาพห้องนอน ใน Shree Thibet Guesthouse เป็นGuesthouse ของคนที่เป็นเจ้าของบริษัทนำเที่ยวที่พวกเราใช้บริการ และบรรยากาศ Thamel ยามดึก



และก็หมดวันแรก เป็นวันที่ค่อนข้างชิลมากครับ เดี๋ยวเรามาต่อวันที่สองกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่