เป็นความค้างคาใจของเรามานานมาก เนื่องจากอดีตแฟนต้องการซื้อบ้านให้เป็นสมบัติของครอบครัวเค้า แต่เนื่องจากเค้าไม่สามารถกู้คนเดียวผ่าน จึงขอให้เราช่วยกู้ร่วมให้ เราสองคนไม่ได้จดทะเบียนสมรส เราเป็นเพศเดียวกัน แต่ธนาคารอนุมัติให้ผ่าน และเราเป็นผู้กู้หลัก
บ้านหลังนี้เราอยู่ด้วยกันสองคน...เราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องบ้าน เพราะเรามีบ้านพ่อแม่อีกหลังที่เราอยู่ประจำวันธรรมดาเพื่อไปทำงานสะดวก (คอนโดก็มีแต่ให้คนเช่าอยู่) ส่วนเสาร์อาทิตย์เราจะมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกัน เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในบ้านเป็นของเราทั้งหมด...ผ่านไปหนึ่งปีหลังจากมีบ้านหลังนี้ อดีตแฟนต้องการแยกทางกัน (เราคบกันมาเกือบสิบปี) โดยเค้าได้ออกจากบ้านไปและไปอยู่กับคนใหม่ แต่เรายังอยู่บ้านหลังนี้วันเสาร์อาทิตย์ตามปกติที่เคยเป็น...โดยที่ตกลงกันว่า เราจะยังไม่ถอนชื่อเราออก แต่เราขออยู่บ้านหลังนี้จนครบสัญญา 3 ปี เพื่อที่เค้าจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมปรับ 3% จากยอดกู้ประมาณ 2.7 ล้าน เมื่อครบสามปี เราจะย้ายออกและถอนชื่อเราออก ทางฝั่งเค้าก็ไปขอทำเรื่องกู้คนเดียวกับทางธนาคารต่อไป
ผ่านมาประมาณ 7 เดือน แฟนใหม่ของอดีตแฟน เมสเสสมาไล่ให้เราออกจากบ้านหลังนี้ไปทันที เพื่อให้ครอบครัวของอดีตแฟนมาอยู่บ้านหลังนี้ (คำพูดหยาบคายในเมสเสสนั้นยาวมากและมีข้อความหมิ่นประมาทเยอะมาก ซึ่งเราไม่ได้พิมพ์ตอบโต้อะไรกลับไปเลย และเพิ่งรู้ภายหลังว่าสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้...แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ทำ)...เราตอบตกลง แต่เราต้องการขอถอนชื่อเราออกจากการกู้ร่วมทันทีด้วยเช่นกัน...ทางฝั่งอดีตแฟนมองว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากมันเป็นข้อตกลงกันแต่แรกตอนที่ยังรักกันว่า เราต้องกู้ร่วมให้เค้าต่อจนครบสามปี แต่เราควรจะย้ายออกทันที
ทางอดีตแฟนเป็นคนผ่อนค่ะ ที่เคยตกลงกันตอนยังรักกัน เราจะกู้ร่วมให้ไปเรื่อยๆจนกว่ารายได้เค้าจะสามารถกู้คนเดียวได้ และบ้านหลังนี้ก็จะเป็นของเค้า...แต่พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าถอนชื่อเราออกตอนนี้ รายได้ของทางอดีตแฟนไม่สามารถกู้คนเดียวผ่านแน่นอน อีกทั้งค่าปรับกับทางธนาคารรวมถึงค่าใช้จ่ายกับกรมที่ดิน รวมแล้วก็เป็นแสนกว่าบาทได้ ทางเค้าจึงอยากขอให้ช่วยกู้ร่วมให้ก่อน แต่ต้องออกจากบ้านหลังนี้ทันที โดยแฟนใหม่ใช้คำพูดว่า เราหน้าด้านมากที่ยังกล้าอยู่บ้านหลังนี้ เพียงแค่มีชื่อกู้ร่วมแค่นี้เอง
สิ่งที่เรากังวลคือเรื่องหนี้ที่เรามีภาระผูกพันทางกฏหมาย เราถึงอยู่บ้านนี้ อย่างน้อยมันก็อยู่ในสายตาเรา ถ้าเกิดเหตุอะไร เราก็ยังแก้ไขได้ทัน ถ้าเค้ามีปัญหาการเงิน ผ่อนไม่ไหวเมื่อไหร่ หนี้พวกนี้เราก็ต้องรับผิดชอบด้วยเต็มๆ
เราจึงอยากถามความเห็นจากคนอื่นว่า เราควรจะให้กู้ร่วมไปจนครบกำหนดสามปี แต่ต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปทันที...หรือควรจะถอนชื่อจากผู้กู้ร่วมแล้วย้ายออก?
ตามความรู้สึกเรา นอกจากเราจะเจ็บปวดที่ถูกทิ้งอย่างไม่ไยดีแล้ว ยังต้องยอมกู้ร่วมให้ โดยที่เค้าอ้างว่า มันเป็นข้อตกลงกันมาก่อนในอดีต เราควรทำตามข้อตกลงนั้น หากเราไม่ทำ เราคือคนที่เห็นแก่ตัว...
***แก้ไขข้อความ เพราะเพื่อนบอกให้ tag เพศที่สามด้วย***
เลิกกันแล้ว แต่ต้องช่วยกู้ร่วมบ้านให้...คนอื่นๆคิดอย่างไรกันบ้าง
บ้านหลังนี้เราอยู่ด้วยกันสองคน...เราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องบ้าน เพราะเรามีบ้านพ่อแม่อีกหลังที่เราอยู่ประจำวันธรรมดาเพื่อไปทำงานสะดวก (คอนโดก็มีแต่ให้คนเช่าอยู่) ส่วนเสาร์อาทิตย์เราจะมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกัน เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในบ้านเป็นของเราทั้งหมด...ผ่านไปหนึ่งปีหลังจากมีบ้านหลังนี้ อดีตแฟนต้องการแยกทางกัน (เราคบกันมาเกือบสิบปี) โดยเค้าได้ออกจากบ้านไปและไปอยู่กับคนใหม่ แต่เรายังอยู่บ้านหลังนี้วันเสาร์อาทิตย์ตามปกติที่เคยเป็น...โดยที่ตกลงกันว่า เราจะยังไม่ถอนชื่อเราออก แต่เราขออยู่บ้านหลังนี้จนครบสัญญา 3 ปี เพื่อที่เค้าจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมปรับ 3% จากยอดกู้ประมาณ 2.7 ล้าน เมื่อครบสามปี เราจะย้ายออกและถอนชื่อเราออก ทางฝั่งเค้าก็ไปขอทำเรื่องกู้คนเดียวกับทางธนาคารต่อไป
ผ่านมาประมาณ 7 เดือน แฟนใหม่ของอดีตแฟน เมสเสสมาไล่ให้เราออกจากบ้านหลังนี้ไปทันที เพื่อให้ครอบครัวของอดีตแฟนมาอยู่บ้านหลังนี้ (คำพูดหยาบคายในเมสเสสนั้นยาวมากและมีข้อความหมิ่นประมาทเยอะมาก ซึ่งเราไม่ได้พิมพ์ตอบโต้อะไรกลับไปเลย และเพิ่งรู้ภายหลังว่าสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้...แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ทำ)...เราตอบตกลง แต่เราต้องการขอถอนชื่อเราออกจากการกู้ร่วมทันทีด้วยเช่นกัน...ทางฝั่งอดีตแฟนมองว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากมันเป็นข้อตกลงกันแต่แรกตอนที่ยังรักกันว่า เราต้องกู้ร่วมให้เค้าต่อจนครบสามปี แต่เราควรจะย้ายออกทันที
ทางอดีตแฟนเป็นคนผ่อนค่ะ ที่เคยตกลงกันตอนยังรักกัน เราจะกู้ร่วมให้ไปเรื่อยๆจนกว่ารายได้เค้าจะสามารถกู้คนเดียวได้ และบ้านหลังนี้ก็จะเป็นของเค้า...แต่พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าถอนชื่อเราออกตอนนี้ รายได้ของทางอดีตแฟนไม่สามารถกู้คนเดียวผ่านแน่นอน อีกทั้งค่าปรับกับทางธนาคารรวมถึงค่าใช้จ่ายกับกรมที่ดิน รวมแล้วก็เป็นแสนกว่าบาทได้ ทางเค้าจึงอยากขอให้ช่วยกู้ร่วมให้ก่อน แต่ต้องออกจากบ้านหลังนี้ทันที โดยแฟนใหม่ใช้คำพูดว่า เราหน้าด้านมากที่ยังกล้าอยู่บ้านหลังนี้ เพียงแค่มีชื่อกู้ร่วมแค่นี้เอง
สิ่งที่เรากังวลคือเรื่องหนี้ที่เรามีภาระผูกพันทางกฏหมาย เราถึงอยู่บ้านนี้ อย่างน้อยมันก็อยู่ในสายตาเรา ถ้าเกิดเหตุอะไร เราก็ยังแก้ไขได้ทัน ถ้าเค้ามีปัญหาการเงิน ผ่อนไม่ไหวเมื่อไหร่ หนี้พวกนี้เราก็ต้องรับผิดชอบด้วยเต็มๆ
เราจึงอยากถามความเห็นจากคนอื่นว่า เราควรจะให้กู้ร่วมไปจนครบกำหนดสามปี แต่ต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปทันที...หรือควรจะถอนชื่อจากผู้กู้ร่วมแล้วย้ายออก?
ตามความรู้สึกเรา นอกจากเราจะเจ็บปวดที่ถูกทิ้งอย่างไม่ไยดีแล้ว ยังต้องยอมกู้ร่วมให้ โดยที่เค้าอ้างว่า มันเป็นข้อตกลงกันมาก่อนในอดีต เราควรทำตามข้อตกลงนั้น หากเราไม่ทำ เราคือคนที่เห็นแก่ตัว...
***แก้ไขข้อความ เพราะเพื่อนบอกให้ tag เพศที่สามด้วย***