สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนนะคะ

กลับมาเจอกันอีกแล้ว ก็เขียนมา 2 รีวิวแล้ว
https://pantip.com/topic/36862785 (ไปเวียดนามกันไหม.....ไปเหอะแล้วจะชอบ ลุยเวียดนากลางกัน!!!!!)
https://pantip.com/topic/37763736 (Tokyo Sakura trip เดินงงๆในดงดอกไม้ (March-April 2018))
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของการไปเที่ยวประจำปีของบริษัท เราได้โดนบังคับให้ไปประเทศจีน เนื่องจากเรามีฐานลูกค้าที่นั่นเยอะ
อ่านมาตรงนี้อาจจะงง ไหนว่าทริปตามใจ คือให้ไปประเทศจีนแต่จะไปที่ไหนก็แล้วแต่ไม่บังคับ ไอ้เราตอนแรกก็ได้ยินมาเยอะนะคะ
เรื่องราวต่างๆของประเทศจีน เลยกะว่าเซี้ยงไฮ้เนี่ยแหละตัวเลือกที่ปลอดภัยสุด...
แต่!!!! เราดันไปอ่านเจอภูเขาหิมะ คนเกิดเมืองร้อนอยากเราอยากจะไปสัมผัสหิมะสักครั้งเลย ตัดสินใจใหม่ เป็น คุนหมิง - ลี่เจียง – แชงกรีล่า
เราก็หาข้อมูลใน Pantip นี่แหละคะ แต่อยากมาแชร์ประสบการณ์ดีๆ เลยอยากมาเขียนบ้าง เพราะการมาเที่ยวครั้งนี้ได้มากกว่าวิวสวยๆ แต่ยังได้ประสบการณ์ดีๆ และลบอคติต่อประเทศจีนของเราไปจนหมดสิ้นเลย ลองอ่านกันดูนะ
**การเตรียมตัว
แอพที่ต้องมีติดเครื่องไว้มีดังนี้
1. Google Translate
นี่คือตัวช่วยชีวิตที่ดีที่สุดเลย เราต้องใช้คุยกับทุกคน เน้นว่าทุกคนเลยเพราะเค้าพูดภาษาอังกฤษกันได้น้อยมากคือน้อยกว่าเราไปอี๊ก เราสามารถพิมให้เค้าอ่าน หรือพูดให้เค้าฟังๆได้เลย มันสะดวกและจำเป้นมากจริงๆ
2. WeChat
แอพนี้คือแอพที่คนจีนเล่นกันค่ะ แต่ที่มีประโยชน์มากคือมันมีโปรแกรมแปลภาษาให้ด้วย คือพิมพ์ภาษาจีนมาเราสามารถกดแปลเป็นภาษาไทยได้เลย แล้วพอเราพิมกลับมันก็จะแปลเป็นภาษาจีนให้เค้ากลับคือดีมาก ต้องมีเลยนะแอพนี้
3. Map.Me
เอาจริงๆใช้Google Map ก็ได้นะคะ แต่อันนี้คือตำแหน่งมันแน่นอนกว่า ใช้อันนี้หาตำแหน่งแล้วเดินตาม Google Map สะดวกกว่าเพราะแอพมันค่อนข้างช้านิดนึง
4. VPN Betternet
แอพนี้เราเอาไว้สำหรับเล่น Facebook LINE อะไรก็แล้วแต่ของ Google อะคะ เวลาใช้ Wifi โรงแรมจะเปิดไม่ได้ต้องเชื่อมต่อกับแอพนี้ก่อนคะ ถ้า Wifi แรงพอก็เล่นได้ลื่นไหลเลยแหละ
5. Sim Card
เราใช้ซิมของ AIS SIM 2 FLY คะ ราคา 399 บาทสัญญาณดีมากคะ อยู่บนภูเขาฉือข่าก็คือไลด์สดได้ เน็ต 4 GB อัพโหลดรูปสบายๆเลยคะ
การทำวีซ่า ทางเราให้ตัวแทนทำให้คะ ค่าทำปกติจะอยู่ที่ 1,500 บาท ถ้าไม่อยากยุ่งยากทำเองลองหาดูนะคะ มีตัวแทนทำวีซ่าเยอะเลย ก็จะมีค่าดำเนินการด้วย ของเราบวกค่าทำปอีก 500 จ้า
ค่าใช้จ่ายและการเครื่องแต่งกายจะสรุปให้ฟังทีหลังนะคะ.....พร้อมแล้วตามมาเลย
เริ่มออกเดินทางกันตอนเช้าวันที่ 17 มกราคม ด้วยสายการบินที่ใครๆก็บินได้ ราคาตั๋วไปกลับ กรุงเทพ-คุนหมิง ประมานคนละ 5000 บาทคะ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนิดๆก็มาถึงแล้วเร็วมากกกกกก

สนามบินคุนหมิงก็ถือว่าใหญ่ในระดับนึงนะคะ พอลงจากเราลงเครื่องกัน 12:30 พอดี จากนั้นเราก็ออกทางประตู 3 เพื่อจะไปซื้อตั๋วรถบัสเข้าเมืองคะ

โดยระหว่างทางจะมีพนักงานที่ใส่สายสะพายอยู่แถวๆประตู จะพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยคะ เราเลยบอกไปว่า I will go to Kunming Train Station เขาก็บอกมาเลยคะหัวเซอจ้าน แปลว่าสถานีรถไฟนั่นแหละคะ แล้วก็บอกเรามาว่า Buy ticket of bus number 2

โชคดีที่เราเตรียมภาษาจีนมาเลยเอาให้คนขายตั๋วดู ก็บอกเรากลับมาว่า หัวเซอจ้าน ถ้าใครจะไปบอกคำนี้ได้เลยคะ ถึงแน่นอน ราคาตั๋ว 25 หยวนคะ จากนั้นก็ข้ามถนนมานั่งรถบัสหมายเลข 2 เอากระเป๋าไว้ใต้ท้องรถเลยคะ ยกเองนะเค้าไม่ช่วย555+
จากนั้นก่อนขึ้นรถเขาก็จะพ่นภาษาจีนใส่เรารัวๆคะ เราเลยบอกหัวเซอจ้าน ก็ไล่ให้เราขึ้นรถเลย นั่งไปเรื่อยๆคนใส่สายสะพายก็จะบรรยายอะไรไม่รู้คะ ภาษาจีนตามเคยและเดินถามทุกคนเลยว่าไปไหน ไปยังไง ถ้าเป็นคนจีนก็จะเมาท์มอยยาวไปคะ พอถึงเราเราก็บอกลี่เจียง พอเค้าจะอ้าปากพูดต่อเราก็ ไทยกัว จบข่าวคะ นางก็จะผ่านเราไป555+

ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงคะนั่งยาวๆสุดสายเลย รถจะมาจอดหน้าโรงแรม ซึ่งเราจำชื่อไม่ได้ต้องขออภัย
พอเดินออกมาริมถนนก็จะเห็นสถานีรถไฟอยู่ไกลๆคะ เดินตรงขึ้นไปเล้ย

พอเข้าไปก็จะเจอจุดตรวจสแกนกระเป๋าคะ สแกนทุกอย่างที่มี น้ำเอาเข้าได้แต่ต้องเปิดกินให้ดูด้วย แปลกเนอะ

พอเข้าไปก็จะเห็นรูปปั้นกระทิงหน้าสถานีคะ

ของเราตั๋วรถไฟจองออนไลน์มาจาก China Easy Ticket ลองหาดูในFacebook นะคะ สะดวกดีค่ะราคาไม่ต่างจากซื้อเองเท่าไหร่
พอเข้าไปแล้วให้หาป้ายมี่เขียนว่า Ticket 1 จะอยู่ทางด้านขวามือจากกระทิงค่ะ

พอเข้าไปจะเห็นช่องซื้อตั๋วมากมาย เราก็นำไปจองกับพาสสปอร์ตไปแลกคั๋วที่ช่อง 8 คะ

เหมือนเดิมคะ พูดแต่ภาษาจีน เราเลยยื่นใบจองและพาสสปอร์ตของสมาชิกทั้งหมดให้เจ๊เค้าไปเลย อ้อลืมบอกไปทริปนี้ไปกัน 7 คนคะ
ชาย 1 หญิง 6 อายุมีทุกหลัก 4.3.2 อิอิ
พอเจ๊เค้าตรวจสอบชื่อเรียบร้อยก็จะออกตั๋วมาให้เราคะ จากนั้นเราก็ไปฝากกระเป๋ากัน เพราะจองรถไฟรอบ 3 ทุ่มเอาไว้มีเวลาเที่ยวอีกหลายชั่วโมง

จากที่ซื้อตั๋วให้เดินไปออกไปทางขวามือคะ พอเห็นเหมือนเป็นสถานีทางออกของรถไฟฟ้า ให้เลี้ยวขวาอีกทีเจอที่ฝากกระเป๋าเลยคะ

เราอ่านรีวิวมา เค้าบอกว่าใบละ 5 หยวนแต่ว่าเราฝากทั้งกระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว กับเป้ขนาดกลางกันทุกคน เลยโดนกันไปทั้งหมด 96 หยวน
แล้วเค้าก็จะให้ป้ายพร้อมใบเสร็จมาคะ ก่อนไปเดินเที่ยวก็เข้าห้องน้ำกันก่อน เจอของดีเลยจ้า แสดงว่ามาถึงแล้ว 555+
แต่ว่าห้องที่ไม่มีก็ถือว่าโอเคนะคะ ไม่สะอาดเอี่ยม แต่ก็พอเข้าได้ เป็นระบบเซ็นเซอร์ด้วย ดีงาม
จากนั้นเรามีแพลนหลายที่มากคะ ทั้งเขาซีซาน วัดหยวนทง และ Jin Bi Square แต่กว่าจะแลกตั๋ว จัดการกระเป๋า ก็บ่าย 3 กว่าแล้วคะ แต่ก็ยังจะดื้อไปวัดหยวนทงอยู่ แต่เราต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี South Ring Road

ที่เลือกสถานีเพราะอยากเดินเล่นเรื่อยๆ และก็เรื่อยๆจริงๆคะกว่าจะมาถึงสถานีก็จะ 4 โมงและ แวะกันตลอดทาง 555+

ร้านนี้คือปลาหมึกอร่อยมาก ดีมาก
เลยตัดใจไป Jin Bi Square อย่างเดียวแทน จากสถานี South Ring Road ไปลงสถานี Dongfeng Square การซื้อตั๋วไม่ยุ่งยากคะ
แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะโดนคนจีนทำทีมาเป็นสอนวิธีการซื้อแต่ดันแซงคิว เจ็บใจชะมัด!!!!!!

วิธีซื้อก็ให้กดเลือกสถานีที่เราจะไปหน้าจอจะขึ้นสถานีและราคาที่ต้องจ่ายมาให้เราคะ จากนั้นเราก็กดราคาตาม
สถานีที่จะลงและเงิน เรียบร้อยได้ตั๋วมาแล้ว ราคารถไฟจะอยู่ที่ 2-3 หยวนคะ

พอมาถึงเราก็นึกว่าเดินไม่ไกลแต่ไม่ใช่เลย ไกลมากกกก คือออกมาจาก สถานีทางออก H ให้เดินตรงไปเลยคะ เดินตรงยาวๆไป ระหว่างทางจะมีร้านขายของเยอะแยะเราก็ตามเดิมคะ แวะกันตลอดทาง 5555

เดินมาสักพักจะเห็นห้างคาร์ฟูนั่นคือใกล้ถึงแล้วค่ะ ด้านหน้าคาร์ฟูจะเป็นลานกว้างๆ เหมือนลานเมืองไว้นั่งเล่นอะไรประมานนั้น

แล้วก็มีร้านขายของเสียบไม้ราดซอสหมาล่าต่างๆ พี่ๆเราก็แวะคะ ความหิวครอบงำ 555+

ส่วนเราสนใจขนมเปี๊ยะกุหลาบมากกว่า เพราะได้ยินมาว่าเป็นของขึ้นชื่อของมนฑนยูนนาน ร้านอยู่ข้างๆหมาล่า แล้วคนต่อแถวเยอะเลยไปลองกัน ชิ้นละประมาณ 5-12 หยวนคะ

มีหลากหลายรสชาด ไม่ได้มีแค่กุหลาบอย่างเดียว ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆ แต่ชิมไปแล้วอร่อยดีเหอะ แต่พอหลายๆคำชักหวานคะ
ถ้าลดความหวานลงหน่อยจะอร่อยมากกกกก เราซื้อมา 2 อย่างอันนี้อะไรไม่รู้ แต่ไส้เหมือนเป็นถั่ว

อีกอันเป็นเหมือนทารต์คะ ก็อร่อยดี

ในส่วนของหมาล่านั้นก็…..มันเย็นมาก ไม่อุ่นอะไรให้เลย กินตอนแรกอร่อยคะ กินหลายๆคำลิ้นชักแปลกๆเหมือนมีอะไรมาเคลือบอะ
อยากชิมก็ไม้เดียวพอนะ 555
กินเรียบร้อยเราก็เดินไปที่เป้าหมายของเราต่อ ให้เดินไปซอยข้างๆร้านหมาล่านั่นแหละคะ พอเจอแยกก็เลี้ยวขวา จะเจอซุ้มประตูอันนึง อันนั้นคือไม่ใช่นะ ให้เดินไปตรงไปจากประตูนั้น จะเห็นประตูม้าทองไก่ทองคะ

สวยนะคะ แต่เราอยู่จนไฟเปิดไม่ได้ เพราะต้องถึงสถานีตอน 2 ทุ่ม เลยเดินกลับไปขึ้นรถที่สถานีเดิม แต่เรามาเห็นว่ามีสถานีชื่อ Kunming Raiway Station นี่ต้องเป็นทางขึ้นรถไฟที่เราเห็นก่อนไปฝากกระเป๋าแน่ๆ เลยตัดสินนใจลงสถานีนั้น แต่!!!!!คิดผิดมาก คือมันไปโผล่ตรงไหนไม่รู้ เราต้องเดินอ้อมทางด่วนไกลมากกกก กว่าจะถึงสถานีพอเข้าไปใหม่ก็ต้องสแกนกระเป๋าเหมือนเดิมนะ จากนั้นเราก็ไปรับกระเป๋า และเดินไปขึ้นรถไฟกัน

พอขึ้นไปจะมีป้ายบอกเลขขบวนรถไฟว่าเราต้องขึ้นชานชลาไหน

เราก็เดินไปตามนั้นเลยคะ มวลมหาประชาชนเยอะมาก เชื่อแล้วว่าคนประเทศเขาเยอะจริงๆ พอถึงใกล้ถึงเวลาคนก็จะเริ่มต่อแถวคะ คือรถออกตรงเวลามาก ไม่สายเลย เราต้องไปต่อแถวเพื่อเจาะตั๋วก่อนคะ

จากนั้นก็เดินตามชานชลาที่ป้ายบอก ตรงนี้แหละนรกของคนมีกระเป๋าลาก บันไดยาวมากคือเราช็อกอยู่เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา

จากนั้นก็หาขบวนและขึ้นรถคะ เราคิดว่าห้องมันจะกว้างนิดหน่อยเพราะเราจองแบบ Soft Sleep แต่ไม่ใช่เลยมันแคบ

แบบแคบอะ กระเป๋า 24 นิ้ว 2 ใบวางข้างล่างเต็มแล้วอะเหลือที่นิดเดียว เรานอนกะคนอื่นอีกสองคนด้วย
แต่โชคดีที่เจอคนไทย และกระเป๋าเค้าไม่ใหญ่มาก เลยยัดใต้เตียงได้สบายๆ และคนไทยที่เจอก็นิสัยดีมากเราคุยกันยาวเลยก่อนจะนอน
แต่ไม่ได้ขอLINEไว้ติดต่อกันนะคะ เสียดายเหมือนกันได้เจอพื่อนใหม่ทั้งที
คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า มกราคม 2019 – ทริปไปตามใจ งบเบาๆ ใครๆก็ไปได้
https://pantip.com/topic/36862785 (ไปเวียดนามกันไหม.....ไปเหอะแล้วจะชอบ ลุยเวียดนากลางกัน!!!!!)
https://pantip.com/topic/37763736 (Tokyo Sakura trip เดินงงๆในดงดอกไม้ (March-April 2018))
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของการไปเที่ยวประจำปีของบริษัท เราได้โดนบังคับให้ไปประเทศจีน เนื่องจากเรามีฐานลูกค้าที่นั่นเยอะ
อ่านมาตรงนี้อาจจะงง ไหนว่าทริปตามใจ คือให้ไปประเทศจีนแต่จะไปที่ไหนก็แล้วแต่ไม่บังคับ ไอ้เราตอนแรกก็ได้ยินมาเยอะนะคะ
เรื่องราวต่างๆของประเทศจีน เลยกะว่าเซี้ยงไฮ้เนี่ยแหละตัวเลือกที่ปลอดภัยสุด...
แต่!!!! เราดันไปอ่านเจอภูเขาหิมะ คนเกิดเมืองร้อนอยากเราอยากจะไปสัมผัสหิมะสักครั้งเลย ตัดสินใจใหม่ เป็น คุนหมิง - ลี่เจียง – แชงกรีล่า
เราก็หาข้อมูลใน Pantip นี่แหละคะ แต่อยากมาแชร์ประสบการณ์ดีๆ เลยอยากมาเขียนบ้าง เพราะการมาเที่ยวครั้งนี้ได้มากกว่าวิวสวยๆ แต่ยังได้ประสบการณ์ดีๆ และลบอคติต่อประเทศจีนของเราไปจนหมดสิ้นเลย ลองอ่านกันดูนะ
**การเตรียมตัว
แอพที่ต้องมีติดเครื่องไว้มีดังนี้
1. Google Translate
นี่คือตัวช่วยชีวิตที่ดีที่สุดเลย เราต้องใช้คุยกับทุกคน เน้นว่าทุกคนเลยเพราะเค้าพูดภาษาอังกฤษกันได้น้อยมากคือน้อยกว่าเราไปอี๊ก เราสามารถพิมให้เค้าอ่าน หรือพูดให้เค้าฟังๆได้เลย มันสะดวกและจำเป้นมากจริงๆ
2. WeChat
แอพนี้คือแอพที่คนจีนเล่นกันค่ะ แต่ที่มีประโยชน์มากคือมันมีโปรแกรมแปลภาษาให้ด้วย คือพิมพ์ภาษาจีนมาเราสามารถกดแปลเป็นภาษาไทยได้เลย แล้วพอเราพิมกลับมันก็จะแปลเป็นภาษาจีนให้เค้ากลับคือดีมาก ต้องมีเลยนะแอพนี้
3. Map.Me
เอาจริงๆใช้Google Map ก็ได้นะคะ แต่อันนี้คือตำแหน่งมันแน่นอนกว่า ใช้อันนี้หาตำแหน่งแล้วเดินตาม Google Map สะดวกกว่าเพราะแอพมันค่อนข้างช้านิดนึง
4. VPN Betternet
แอพนี้เราเอาไว้สำหรับเล่น Facebook LINE อะไรก็แล้วแต่ของ Google อะคะ เวลาใช้ Wifi โรงแรมจะเปิดไม่ได้ต้องเชื่อมต่อกับแอพนี้ก่อนคะ ถ้า Wifi แรงพอก็เล่นได้ลื่นไหลเลยแหละ
5. Sim Card
เราใช้ซิมของ AIS SIM 2 FLY คะ ราคา 399 บาทสัญญาณดีมากคะ อยู่บนภูเขาฉือข่าก็คือไลด์สดได้ เน็ต 4 GB อัพโหลดรูปสบายๆเลยคะ
การทำวีซ่า ทางเราให้ตัวแทนทำให้คะ ค่าทำปกติจะอยู่ที่ 1,500 บาท ถ้าไม่อยากยุ่งยากทำเองลองหาดูนะคะ มีตัวแทนทำวีซ่าเยอะเลย ก็จะมีค่าดำเนินการด้วย ของเราบวกค่าทำปอีก 500 จ้า
ค่าใช้จ่ายและการเครื่องแต่งกายจะสรุปให้ฟังทีหลังนะคะ.....พร้อมแล้วตามมาเลย
เริ่มออกเดินทางกันตอนเช้าวันที่ 17 มกราคม ด้วยสายการบินที่ใครๆก็บินได้ ราคาตั๋วไปกลับ กรุงเทพ-คุนหมิง ประมานคนละ 5000 บาทคะ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนิดๆก็มาถึงแล้วเร็วมากกกกกก
สนามบินคุนหมิงก็ถือว่าใหญ่ในระดับนึงนะคะ พอลงจากเราลงเครื่องกัน 12:30 พอดี จากนั้นเราก็ออกทางประตู 3 เพื่อจะไปซื้อตั๋วรถบัสเข้าเมืองคะ
โดยระหว่างทางจะมีพนักงานที่ใส่สายสะพายอยู่แถวๆประตู จะพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยคะ เราเลยบอกไปว่า I will go to Kunming Train Station เขาก็บอกมาเลยคะหัวเซอจ้าน แปลว่าสถานีรถไฟนั่นแหละคะ แล้วก็บอกเรามาว่า Buy ticket of bus number 2
โชคดีที่เราเตรียมภาษาจีนมาเลยเอาให้คนขายตั๋วดู ก็บอกเรากลับมาว่า หัวเซอจ้าน ถ้าใครจะไปบอกคำนี้ได้เลยคะ ถึงแน่นอน ราคาตั๋ว 25 หยวนคะ จากนั้นก็ข้ามถนนมานั่งรถบัสหมายเลข 2 เอากระเป๋าไว้ใต้ท้องรถเลยคะ ยกเองนะเค้าไม่ช่วย555+
จากนั้นก่อนขึ้นรถเขาก็จะพ่นภาษาจีนใส่เรารัวๆคะ เราเลยบอกหัวเซอจ้าน ก็ไล่ให้เราขึ้นรถเลย นั่งไปเรื่อยๆคนใส่สายสะพายก็จะบรรยายอะไรไม่รู้คะ ภาษาจีนตามเคยและเดินถามทุกคนเลยว่าไปไหน ไปยังไง ถ้าเป็นคนจีนก็จะเมาท์มอยยาวไปคะ พอถึงเราเราก็บอกลี่เจียง พอเค้าจะอ้าปากพูดต่อเราก็ ไทยกัว จบข่าวคะ นางก็จะผ่านเราไป555+
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงคะนั่งยาวๆสุดสายเลย รถจะมาจอดหน้าโรงแรม ซึ่งเราจำชื่อไม่ได้ต้องขออภัย
พอเดินออกมาริมถนนก็จะเห็นสถานีรถไฟอยู่ไกลๆคะ เดินตรงขึ้นไปเล้ย
พอเข้าไปก็จะเจอจุดตรวจสแกนกระเป๋าคะ สแกนทุกอย่างที่มี น้ำเอาเข้าได้แต่ต้องเปิดกินให้ดูด้วย แปลกเนอะ
พอเข้าไปก็จะเห็นรูปปั้นกระทิงหน้าสถานีคะ
ของเราตั๋วรถไฟจองออนไลน์มาจาก China Easy Ticket ลองหาดูในFacebook นะคะ สะดวกดีค่ะราคาไม่ต่างจากซื้อเองเท่าไหร่
พอเข้าไปแล้วให้หาป้ายมี่เขียนว่า Ticket 1 จะอยู่ทางด้านขวามือจากกระทิงค่ะ
พอเข้าไปจะเห็นช่องซื้อตั๋วมากมาย เราก็นำไปจองกับพาสสปอร์ตไปแลกคั๋วที่ช่อง 8 คะ
เหมือนเดิมคะ พูดแต่ภาษาจีน เราเลยยื่นใบจองและพาสสปอร์ตของสมาชิกทั้งหมดให้เจ๊เค้าไปเลย อ้อลืมบอกไปทริปนี้ไปกัน 7 คนคะ
ชาย 1 หญิง 6 อายุมีทุกหลัก 4.3.2 อิอิ
พอเจ๊เค้าตรวจสอบชื่อเรียบร้อยก็จะออกตั๋วมาให้เราคะ จากนั้นเราก็ไปฝากกระเป๋ากัน เพราะจองรถไฟรอบ 3 ทุ่มเอาไว้มีเวลาเที่ยวอีกหลายชั่วโมง
จากที่ซื้อตั๋วให้เดินไปออกไปทางขวามือคะ พอเห็นเหมือนเป็นสถานีทางออกของรถไฟฟ้า ให้เลี้ยวขวาอีกทีเจอที่ฝากกระเป๋าเลยคะ
เราอ่านรีวิวมา เค้าบอกว่าใบละ 5 หยวนแต่ว่าเราฝากทั้งกระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว กับเป้ขนาดกลางกันทุกคน เลยโดนกันไปทั้งหมด 96 หยวน
แล้วเค้าก็จะให้ป้ายพร้อมใบเสร็จมาคะ ก่อนไปเดินเที่ยวก็เข้าห้องน้ำกันก่อน เจอของดีเลยจ้า แสดงว่ามาถึงแล้ว 555+
แต่ว่าห้องที่ไม่มีก็ถือว่าโอเคนะคะ ไม่สะอาดเอี่ยม แต่ก็พอเข้าได้ เป็นระบบเซ็นเซอร์ด้วย ดีงาม
จากนั้นเรามีแพลนหลายที่มากคะ ทั้งเขาซีซาน วัดหยวนทง และ Jin Bi Square แต่กว่าจะแลกตั๋ว จัดการกระเป๋า ก็บ่าย 3 กว่าแล้วคะ แต่ก็ยังจะดื้อไปวัดหยวนทงอยู่ แต่เราต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี South Ring Road
ที่เลือกสถานีเพราะอยากเดินเล่นเรื่อยๆ และก็เรื่อยๆจริงๆคะกว่าจะมาถึงสถานีก็จะ 4 โมงและ แวะกันตลอดทาง 555+
ร้านนี้คือปลาหมึกอร่อยมาก ดีมาก
เลยตัดใจไป Jin Bi Square อย่างเดียวแทน จากสถานี South Ring Road ไปลงสถานี Dongfeng Square การซื้อตั๋วไม่ยุ่งยากคะ
แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะโดนคนจีนทำทีมาเป็นสอนวิธีการซื้อแต่ดันแซงคิว เจ็บใจชะมัด!!!!!!
วิธีซื้อก็ให้กดเลือกสถานีที่เราจะไปหน้าจอจะขึ้นสถานีและราคาที่ต้องจ่ายมาให้เราคะ จากนั้นเราก็กดราคาตาม
สถานีที่จะลงและเงิน เรียบร้อยได้ตั๋วมาแล้ว ราคารถไฟจะอยู่ที่ 2-3 หยวนคะ
พอมาถึงเราก็นึกว่าเดินไม่ไกลแต่ไม่ใช่เลย ไกลมากกกก คือออกมาจาก สถานีทางออก H ให้เดินตรงไปเลยคะ เดินตรงยาวๆไป ระหว่างทางจะมีร้านขายของเยอะแยะเราก็ตามเดิมคะ แวะกันตลอดทาง 5555
เดินมาสักพักจะเห็นห้างคาร์ฟูนั่นคือใกล้ถึงแล้วค่ะ ด้านหน้าคาร์ฟูจะเป็นลานกว้างๆ เหมือนลานเมืองไว้นั่งเล่นอะไรประมานนั้น
แล้วก็มีร้านขายของเสียบไม้ราดซอสหมาล่าต่างๆ พี่ๆเราก็แวะคะ ความหิวครอบงำ 555+
ส่วนเราสนใจขนมเปี๊ยะกุหลาบมากกว่า เพราะได้ยินมาว่าเป็นของขึ้นชื่อของมนฑนยูนนาน ร้านอยู่ข้างๆหมาล่า แล้วคนต่อแถวเยอะเลยไปลองกัน ชิ้นละประมาณ 5-12 หยวนคะ
มีหลากหลายรสชาด ไม่ได้มีแค่กุหลาบอย่างเดียว ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆ แต่ชิมไปแล้วอร่อยดีเหอะ แต่พอหลายๆคำชักหวานคะ
ถ้าลดความหวานลงหน่อยจะอร่อยมากกกกก เราซื้อมา 2 อย่างอันนี้อะไรไม่รู้ แต่ไส้เหมือนเป็นถั่ว
อีกอันเป็นเหมือนทารต์คะ ก็อร่อยดี
ในส่วนของหมาล่านั้นก็…..มันเย็นมาก ไม่อุ่นอะไรให้เลย กินตอนแรกอร่อยคะ กินหลายๆคำลิ้นชักแปลกๆเหมือนมีอะไรมาเคลือบอะ
อยากชิมก็ไม้เดียวพอนะ 555
กินเรียบร้อยเราก็เดินไปที่เป้าหมายของเราต่อ ให้เดินไปซอยข้างๆร้านหมาล่านั่นแหละคะ พอเจอแยกก็เลี้ยวขวา จะเจอซุ้มประตูอันนึง อันนั้นคือไม่ใช่นะ ให้เดินไปตรงไปจากประตูนั้น จะเห็นประตูม้าทองไก่ทองคะ
สวยนะคะ แต่เราอยู่จนไฟเปิดไม่ได้ เพราะต้องถึงสถานีตอน 2 ทุ่ม เลยเดินกลับไปขึ้นรถที่สถานีเดิม แต่เรามาเห็นว่ามีสถานีชื่อ Kunming Raiway Station นี่ต้องเป็นทางขึ้นรถไฟที่เราเห็นก่อนไปฝากกระเป๋าแน่ๆ เลยตัดสินนใจลงสถานีนั้น แต่!!!!!คิดผิดมาก คือมันไปโผล่ตรงไหนไม่รู้ เราต้องเดินอ้อมทางด่วนไกลมากกกก กว่าจะถึงสถานีพอเข้าไปใหม่ก็ต้องสแกนกระเป๋าเหมือนเดิมนะ จากนั้นเราก็ไปรับกระเป๋า และเดินไปขึ้นรถไฟกัน
พอขึ้นไปจะมีป้ายบอกเลขขบวนรถไฟว่าเราต้องขึ้นชานชลาไหน
เราก็เดินไปตามนั้นเลยคะ มวลมหาประชาชนเยอะมาก เชื่อแล้วว่าคนประเทศเขาเยอะจริงๆ พอถึงใกล้ถึงเวลาคนก็จะเริ่มต่อแถวคะ คือรถออกตรงเวลามาก ไม่สายเลย เราต้องไปต่อแถวเพื่อเจาะตั๋วก่อนคะ
จากนั้นก็เดินตามชานชลาที่ป้ายบอก ตรงนี้แหละนรกของคนมีกระเป๋าลาก บันไดยาวมากคือเราช็อกอยู่เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
จากนั้นก็หาขบวนและขึ้นรถคะ เราคิดว่าห้องมันจะกว้างนิดหน่อยเพราะเราจองแบบ Soft Sleep แต่ไม่ใช่เลยมันแคบ
แบบแคบอะ กระเป๋า 24 นิ้ว 2 ใบวางข้างล่างเต็มแล้วอะเหลือที่นิดเดียว เรานอนกะคนอื่นอีกสองคนด้วย
แต่โชคดีที่เจอคนไทย และกระเป๋าเค้าไม่ใหญ่มาก เลยยัดใต้เตียงได้สบายๆ และคนไทยที่เจอก็นิสัยดีมากเราคุยกันยาวเลยก่อนจะนอน
แต่ไม่ได้ขอLINEไว้ติดต่อกันนะคะ เสียดายเหมือนกันได้เจอพื่อนใหม่ทั้งที