สวัสดีเพื่อนชาวพันทิปทุกคนคะ

หลังจากดองมานานว่าจะเขียนดีไหมเพราะมีรีวิวญี่ปุ่นดีๆเยอะเหลือเกิน แต่ก็มาคิดได้ว่า เขียนแบบเป็นบันทึกเดินทางส่วนตัวเหมือนครั้งที่แล้วละกัน
ใครมีแพลนจะไปเวียดนามตามไปดูได้นะคะ
https://pantip.com/topic/36862785/comment4-1
ทริปนี้ถือเป็นทริปที่โชคดีมากคะ เราจองตั๋วช่วงวันที่ 27 มีนาคม 2018 – 1 เมษายน 2018 มันจะเป็นช่วงที่ซากุระเพิ่งเริ่มบานเอง
แต่ๆๆๆซากุระดันบานเต็มที่ตอนเราไปพอดีเจ้าของกระทู้กับผู้ร่วมทริปคงใช้บุญไปกันหมดกับทริปนี้ 555+
คือต้องบอกก่อนนะคะว่าเราเป็นติ่งเกาหลีเพราะฉะนั้นญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ไม่อยู่ในหัว และไม่เคยศึกษาอะไรจริงจังเลย
จะเกาะพี่ที่ร่วมทริปซะส่วนใหญ่ ถ้าจะเอาแบบการเดินทางละเอียดยิบให้ข้ามเราไปได้เลย555+

เริ่มจากวันแรกเราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ ใครๆก็บินได้นั่นเอง ใช้เวลา 5 ชั่วโมง ในการเดินทาง

ถึงสนามบินนาริตะ 2 ทุ่มพอดี จากสนามบินเราก็ซื้อตั๋ว Keisei Skyliner เพื่อเดินทางเข้าตัวเมือง
เราซื้อแบบไปกลับหรือ Round Trip + กับตั๋ว Sub Way 72 ชั่วโมง ในราคา 5400 เยน ถ้าใครจะเที่ยวแต่ในเมืองโตเกียวเราแนะนำซื้อแบบนี้
เราใช้คุ้มมากอะ ไปได้ทุกที่เลยไม่ยุ่งยากด้วย

จากสนามบินไปถึงที่พักเราที่ Ueno ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีคะ เราพักกันที่โรงแรม Hotel Sardonyx Ueno

ห้องก็จะสไตล์ญี่ปุ่นคะ แคบหน่อยแต่ก็ถือว่าโอเคเลยนะคะกับการนอนสองคนมีเตียงให้ 1 เตียง แต่ไซส์จะประมาณเตียงเดี่ยวโรงแรมบ้านเรา555+
มีโซฟาให้ กับโต๊ะเล็กๆ 1 ตัว

มีทีวีจอแบน 1 เครื่อง ไดร์เป่าผมจะอยู่ด้านล่างทีวี พร้อมกับกาน้ำร้อน ชา และแก้วน้ำ 4 ใบคะ กับตู้เย็นเล็กๆพอให้ใส่น้ำใส่ขนมได้นิดหน่อย
ในส่วนของห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำฝักบัวพร้อมอ่างอาบน้ำ

มีสบู่ ครีมนวด ครีมอาบน้ำ และสบู่ล้างมือล้างหน้า กลิ่นหอมใช้ได้เลยคะ

ในส่วนของอุปกรณ์อาบน้ำมีฟองน้ำถูกตัว แปรงสีฟันพร้อมยาสีฟัน หวีและใบมีดโกนคะ
ผ้าขนหนูเค้ามีผืนใหญ่ให้นะคะและผืนเล็กอีกผืนไม่ต้องขนมาเลย

สาเหตุที่เรามาพักที่นี่เพราะการเดินทางสะดวกมากคะ ถ้าจากสถานีรถไฟหน้าสวนอุเอโนะ เดินข้ามถนนมาทางขวามือเจอซอยแรกเลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงยาวๆไปเลยคะ พอลอดทางรถไฟมาแล้ว จะเห็นถนนใต้ทางด่วนเลี้ยวขวาแล้วเจอโรงแรมเลยคะ แล้วที่เราทะลุซอยมาก็ตลาดAmeyokoนั่นแหละ ใกล้สวน ใกล้ตลาด ใกล้สถานีรถไฟ ที่สำคัญ เซเว่น แฟมิลี่ ลอว์สัน รวมถึงร้าน Text Free ล้อมรอบคะ ทำเลเค้าดีจริงๆมาพักกันที่นี่ด้วยนะ
หลังจากจัดการเรื่องที่พักเสร็จเราก็หาไรกินเลยคะ เรามาสายนี้ชุดไม่เปลี่ยนถึงจะหนาวช่างมันขอกินก่อน 555+
มื้อแรกมากินกันที่ร้าน Isomaru Suisun ร้านปิ้งย่างอาหารทะเลที่ใครๆเค้าก็บอกว่าต้องมาลอง จัดไปคะ
จากที่พักเดินไปทางซ้าย ตรงไปเข้าซอยที่สองนับจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายไปเจอร้านเลยคะ สังเกตุจากรูปมันปูและป้ายร้านมีคลื่นทะเลสีน้ำเงินคือใช่เลย
เข้าร้านมานั่งการสั่งอาหารจะเป็นระบบสั่งผ่านไอแพดคะ เราชอบมากคือไม่ต้องมาบอกว่าเอาอะไรเท่าไหร่กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจหมดไปเป็นชั่วโมง และนี่คืออาหารที่เราสั่งมา

มันปูคือดีมากอร่อยอะคือจะบอกไงดี มันๆหวานๆมีเนื้อให้เคี้ยวนิดหน่อย ถ้าได้ข้าวร้อนๆนี่จะฟินมากอะ ต้องลองจริงๆนะ

ส่วนสลัดกุ้งทอดก็อร่อยคะ ดูท่าทางเหมือนจะเลี่ยนแต่ไม่เลยคะแป้งด้านนอกกรอบๆเจอเนื้อกุ้งเด้งๆข้างในคือดี

ปลาย่างคือสดมากกกกเนื้อดีใช้ตะเกียบคีบแล้วไม่ป่นเป็นผง แต่จืดไปหน่อยจิ้มโชยุนิดนึงรสดีขึ้นเยอะคะ

หอยย่างที่เค้าบอกให้เอามาจิ้มมันปู คุณคะมันฟินมาก กินเปล่าๆก็อร่อยนื้อแน่นหวานเหลือเกิน

อันนี้มันคือเห็ดเข็มทอง กับปลาหมึก เค้าห่อให้ฟอยด์มาให้อะคะ เลยเอามาย่างในเปลือกหอยกันซะเลย อร่อยคะ ปลาหมึกไม่เหนียว ซอสอร่อย อันนี้ได้ฟรีมั้ง เพราะไม่ได้สั่งอะ แต่ก็กินจนหมด 555+

อันนี้แฉะอะ คือรสชาติใช้ได้นะ แต่ข้างในมันแฉะๆเลยทำให้เราไม่ค่อยโอเค แต่รวมๆก็อร่อยทุกอย่างนะ
จบมื้อแรกแบบประทับใจ โดนค่าเสียหายกันไปคนละ 1777 เยน (กินกัน 5 คน) ระหว่างทางกลับที่พักก็แวะแฟมิลี่ซื้อน้ำสักหน่อยคะ
โรงแรมไม่มีให้มั้งหรือเราไม่ได้หาก็ไม่รู้นะ แล้วก้ซื้อขนมไปด้วยนิดหน่อย
เราติดใจอันนี้มาก

มันคือพุดดิ้งชาเขียวถั่วแดง คืออร่อยมาก พุดดิ้งเด้งๆ รสชาเขียวแท้ กินพร้อมถั่วแดงกวนที่ไม่หวานมาก คือฟินนนน
แล้ววันอื่นไปหาซื้อก็ไม่มี อยากกินอีกจัง
วันที่ 2 ตะลุยดิสนีย์แลนด์กัน
ตื่นเช้าลงมาก็มากินอาหารเช้าของโรงแรมรองท้องกันก่อน เขาจะมีคูปองให้มาแลกอาหารเช้าคะ มีประมาณ 3-4 เมนู
วันนี้เราเลือกกินแซนวิชคะ หน้าตาแบบนี้มีน้ำซุปผักมาให้ในชุดด้วยคะ

ขนมบังเหมือนจะแข็งนะ แต่ไม่เลยเนื้อแน่นแล้วก็หอมอร่อย ผักก็สดคืออิ่มเลยอะคะ แล้วก็จะมีน้ำ ชา&กาแฟ บริการตัวเองให้ด้วยคะ
อิ่มแล้วก็ไปดิสนีย์แลนด์กันเถอะ
ในการเดินทางเรายังไม่ได้ใช้ตั๋ว 72 ชั่วโมงนะคะ เราซื้อตั๋วเป็นรอบเอา หน้าตาแบบนี้

เพราะจะคำนวนให้บัตรหมดอายุวันกลับพอดีจะได้คุ้มหน่อย อีกอย่างต้องซื้อตั๋วรถไฟนั่งไปนอกเมืองด้วยหรือว่ารถไฟ JR นั่นแหละ
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงเรื่องการเดินทางสายไหนต่อสายไหนลงสถานีไหนเราขอข้ามน้า เราตามพี่เค้ามา อิอิ

ถึงล้าวววว อีกอย่างที่เราโชคดีคือ คนน้อยมากเราก็ใจชื้นเลย ไม่ต้องรอต่อคิวซื้อตั๋วเข้าสวนสนุกเดินไปซื้อแบบสวยๆ

แต่เราก็พบความจริงว่า อ๋อเค้าเข้ามากันหมดแล้วไง เรามาสายเลยไม่เห็นคนที่หน้าประตู 555+

เข้ามาเราก็ไปซื้อที่คาดผมก่อนคะเดี๋ยวจะไม่อิน เราซื้อแบบนี้มาโดนไป 1400 เยน เพื่อใครอยากรู้ราคานะคะ
ที่คาดผมจะราคาตั้งแต่ 1200-1700 เยนคะ ส่วนที่หมวกจะประมาณ 2000 – 3000++ เยนคะ พอกลมกลืนแล้วเราก็ไปกันเลย

อ้อเค้ามีแผนที่กับตารางพาเหรดเป็นภาษาไทยให้เราด้วยนะคะ ตอนแรกเรามาต่อเครื่องเล่น Buzz Lightyear คะเพราะมองกันว่าแถวไม่ยาว

แต่มันขด 3 รอบคะคุณรอกันมาเกือบชั่วโมงเลยตัดสินใจไปกด Fast Pass กันดีกว่าเพราะต้องรออีก 2 ชั่วโมงครึงเลยถึงจะได้เล่น
แต่พอไปกด Fast Pass เหมือนสวรรค์ลงโทษ เวลาที่ได้เล่นดันตรงกับพาเหรดพอดีเลยตัดใจไม่เล่นคะ
เพราะเราไม่ใช่สายเครื่องเล่นอยู่แล้ว มากับพี่วัย 40 ด้วยต้องนึกถึงแก่นิดนึง
เราเลยเดินเล่นรอบสวนสนุกเลยคะ เดินทุกจุดคนเยอะทุกจุด

แล้วเราก็ไปนั่งรอดูพาเหรดกันมันสวยมากคะ คุ้มค่าที่นั่งรอจริงๆ

พอดูพาเหรดเสร็จเราก็เดินหาของกินไปเรื่อยๆ จนเจอน่องไก่งวงอันใหญ่มาก คืออิ่มแน่นอน แต่เห็นแถวแล้วใจหาย
เราเลยให้พี่ไปต่อแถวไก่ ส่วนเราไปต่อแถวไอติม ทุกอย่างต้องต่อแถวคะ แต่อร่อยมากจริงๆนะ ต่อไปเหอะคุ้มค่าการรอ

อันนี้รสออกแนวน้ำผลไม้ สดชื่นดีคะ

อันนี้คุ้กี้สอดไส้ไอติมชิดชิพคะ เม็ดช๊อคชิพใหญ่สะใจมาก อร่อยเหมือนกัน
น่องไก่ตามมาติดๆ

พี่บอกมันคือไก่งวง เนื้อมันเหนียวๆอะ ก็อร่อยดีคะ อิ่มด้วย
แล้วก็เดินเล่นวนเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เสียตังกันพอประมาณก็กลับไปรอดูพาเหรดที่จุดเดิมคะ

ปราสาทตอนเย็นๆ สวยมาก คนมารอถ่ายรูปเต็มเลย เราก็เดินเล่นรอให้เค้าเปิดไฟก่อนคะ

เปิดไฟแล้วสวยกว่าเดิมไปอี๊ก รอสักพักพาเหดก็มาคะ
กลางวันว่าสวยแล้ว กลางคืนยิ่งสวยเข้าไปใหญ่

พาเหรดจบก็กลับกันเลย มื้อเย็นวันนี้เราฝากท้องกับแฟมิลี่คะ นี่คือที่ได้มา อร่อยทุกอย่างจริงๆนะ

เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ ตัวอักษรเกิน
Tokyo Sakura trip เดินงงๆในดงดอกไม้ (March-April 2018)
หลังจากดองมานานว่าจะเขียนดีไหมเพราะมีรีวิวญี่ปุ่นดีๆเยอะเหลือเกิน แต่ก็มาคิดได้ว่า เขียนแบบเป็นบันทึกเดินทางส่วนตัวเหมือนครั้งที่แล้วละกัน
ใครมีแพลนจะไปเวียดนามตามไปดูได้นะคะ
https://pantip.com/topic/36862785/comment4-1
ทริปนี้ถือเป็นทริปที่โชคดีมากคะ เราจองตั๋วช่วงวันที่ 27 มีนาคม 2018 – 1 เมษายน 2018 มันจะเป็นช่วงที่ซากุระเพิ่งเริ่มบานเอง
แต่ๆๆๆซากุระดันบานเต็มที่ตอนเราไปพอดีเจ้าของกระทู้กับผู้ร่วมทริปคงใช้บุญไปกันหมดกับทริปนี้ 555+
คือต้องบอกก่อนนะคะว่าเราเป็นติ่งเกาหลีเพราะฉะนั้นญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ไม่อยู่ในหัว และไม่เคยศึกษาอะไรจริงจังเลย
จะเกาะพี่ที่ร่วมทริปซะส่วนใหญ่ ถ้าจะเอาแบบการเดินทางละเอียดยิบให้ข้ามเราไปได้เลย555+
เริ่มจากวันแรกเราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ ใครๆก็บินได้นั่นเอง ใช้เวลา 5 ชั่วโมง ในการเดินทาง
ถึงสนามบินนาริตะ 2 ทุ่มพอดี จากสนามบินเราก็ซื้อตั๋ว Keisei Skyliner เพื่อเดินทางเข้าตัวเมือง
เราซื้อแบบไปกลับหรือ Round Trip + กับตั๋ว Sub Way 72 ชั่วโมง ในราคา 5400 เยน ถ้าใครจะเที่ยวแต่ในเมืองโตเกียวเราแนะนำซื้อแบบนี้
เราใช้คุ้มมากอะ ไปได้ทุกที่เลยไม่ยุ่งยากด้วย
จากสนามบินไปถึงที่พักเราที่ Ueno ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีคะ เราพักกันที่โรงแรม Hotel Sardonyx Ueno
ห้องก็จะสไตล์ญี่ปุ่นคะ แคบหน่อยแต่ก็ถือว่าโอเคเลยนะคะกับการนอนสองคนมีเตียงให้ 1 เตียง แต่ไซส์จะประมาณเตียงเดี่ยวโรงแรมบ้านเรา555+
มีโซฟาให้ กับโต๊ะเล็กๆ 1 ตัว
มีทีวีจอแบน 1 เครื่อง ไดร์เป่าผมจะอยู่ด้านล่างทีวี พร้อมกับกาน้ำร้อน ชา และแก้วน้ำ 4 ใบคะ กับตู้เย็นเล็กๆพอให้ใส่น้ำใส่ขนมได้นิดหน่อย
ในส่วนของห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำฝักบัวพร้อมอ่างอาบน้ำ
มีสบู่ ครีมนวด ครีมอาบน้ำ และสบู่ล้างมือล้างหน้า กลิ่นหอมใช้ได้เลยคะ
ในส่วนของอุปกรณ์อาบน้ำมีฟองน้ำถูกตัว แปรงสีฟันพร้อมยาสีฟัน หวีและใบมีดโกนคะ
ผ้าขนหนูเค้ามีผืนใหญ่ให้นะคะและผืนเล็กอีกผืนไม่ต้องขนมาเลย
สาเหตุที่เรามาพักที่นี่เพราะการเดินทางสะดวกมากคะ ถ้าจากสถานีรถไฟหน้าสวนอุเอโนะ เดินข้ามถนนมาทางขวามือเจอซอยแรกเลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงยาวๆไปเลยคะ พอลอดทางรถไฟมาแล้ว จะเห็นถนนใต้ทางด่วนเลี้ยวขวาแล้วเจอโรงแรมเลยคะ แล้วที่เราทะลุซอยมาก็ตลาดAmeyokoนั่นแหละ ใกล้สวน ใกล้ตลาด ใกล้สถานีรถไฟ ที่สำคัญ เซเว่น แฟมิลี่ ลอว์สัน รวมถึงร้าน Text Free ล้อมรอบคะ ทำเลเค้าดีจริงๆมาพักกันที่นี่ด้วยนะ
หลังจากจัดการเรื่องที่พักเสร็จเราก็หาไรกินเลยคะ เรามาสายนี้ชุดไม่เปลี่ยนถึงจะหนาวช่างมันขอกินก่อน 555+
มื้อแรกมากินกันที่ร้าน Isomaru Suisun ร้านปิ้งย่างอาหารทะเลที่ใครๆเค้าก็บอกว่าต้องมาลอง จัดไปคะ
จากที่พักเดินไปทางซ้าย ตรงไปเข้าซอยที่สองนับจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายไปเจอร้านเลยคะ สังเกตุจากรูปมันปูและป้ายร้านมีคลื่นทะเลสีน้ำเงินคือใช่เลย
เข้าร้านมานั่งการสั่งอาหารจะเป็นระบบสั่งผ่านไอแพดคะ เราชอบมากคือไม่ต้องมาบอกว่าเอาอะไรเท่าไหร่กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจหมดไปเป็นชั่วโมง และนี่คืออาหารที่เราสั่งมา
มันปูคือดีมากอร่อยอะคือจะบอกไงดี มันๆหวานๆมีเนื้อให้เคี้ยวนิดหน่อย ถ้าได้ข้าวร้อนๆนี่จะฟินมากอะ ต้องลองจริงๆนะ
ส่วนสลัดกุ้งทอดก็อร่อยคะ ดูท่าทางเหมือนจะเลี่ยนแต่ไม่เลยคะแป้งด้านนอกกรอบๆเจอเนื้อกุ้งเด้งๆข้างในคือดี
ปลาย่างคือสดมากกกกเนื้อดีใช้ตะเกียบคีบแล้วไม่ป่นเป็นผง แต่จืดไปหน่อยจิ้มโชยุนิดนึงรสดีขึ้นเยอะคะ
หอยย่างที่เค้าบอกให้เอามาจิ้มมันปู คุณคะมันฟินมาก กินเปล่าๆก็อร่อยนื้อแน่นหวานเหลือเกิน
อันนี้มันคือเห็ดเข็มทอง กับปลาหมึก เค้าห่อให้ฟอยด์มาให้อะคะ เลยเอามาย่างในเปลือกหอยกันซะเลย อร่อยคะ ปลาหมึกไม่เหนียว ซอสอร่อย อันนี้ได้ฟรีมั้ง เพราะไม่ได้สั่งอะ แต่ก็กินจนหมด 555+
อันนี้แฉะอะ คือรสชาติใช้ได้นะ แต่ข้างในมันแฉะๆเลยทำให้เราไม่ค่อยโอเค แต่รวมๆก็อร่อยทุกอย่างนะ
จบมื้อแรกแบบประทับใจ โดนค่าเสียหายกันไปคนละ 1777 เยน (กินกัน 5 คน) ระหว่างทางกลับที่พักก็แวะแฟมิลี่ซื้อน้ำสักหน่อยคะ
โรงแรมไม่มีให้มั้งหรือเราไม่ได้หาก็ไม่รู้นะ แล้วก้ซื้อขนมไปด้วยนิดหน่อย
เราติดใจอันนี้มาก
มันคือพุดดิ้งชาเขียวถั่วแดง คืออร่อยมาก พุดดิ้งเด้งๆ รสชาเขียวแท้ กินพร้อมถั่วแดงกวนที่ไม่หวานมาก คือฟินนนน
แล้ววันอื่นไปหาซื้อก็ไม่มี อยากกินอีกจัง
วันที่ 2 ตะลุยดิสนีย์แลนด์กัน
ตื่นเช้าลงมาก็มากินอาหารเช้าของโรงแรมรองท้องกันก่อน เขาจะมีคูปองให้มาแลกอาหารเช้าคะ มีประมาณ 3-4 เมนู
วันนี้เราเลือกกินแซนวิชคะ หน้าตาแบบนี้มีน้ำซุปผักมาให้ในชุดด้วยคะ
ขนมบังเหมือนจะแข็งนะ แต่ไม่เลยเนื้อแน่นแล้วก็หอมอร่อย ผักก็สดคืออิ่มเลยอะคะ แล้วก็จะมีน้ำ ชา&กาแฟ บริการตัวเองให้ด้วยคะ
อิ่มแล้วก็ไปดิสนีย์แลนด์กันเถอะ
ในการเดินทางเรายังไม่ได้ใช้ตั๋ว 72 ชั่วโมงนะคะ เราซื้อตั๋วเป็นรอบเอา หน้าตาแบบนี้
เพราะจะคำนวนให้บัตรหมดอายุวันกลับพอดีจะได้คุ้มหน่อย อีกอย่างต้องซื้อตั๋วรถไฟนั่งไปนอกเมืองด้วยหรือว่ารถไฟ JR นั่นแหละ
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงเรื่องการเดินทางสายไหนต่อสายไหนลงสถานีไหนเราขอข้ามน้า เราตามพี่เค้ามา อิอิ
ถึงล้าวววว อีกอย่างที่เราโชคดีคือ คนน้อยมากเราก็ใจชื้นเลย ไม่ต้องรอต่อคิวซื้อตั๋วเข้าสวนสนุกเดินไปซื้อแบบสวยๆ
แต่เราก็พบความจริงว่า อ๋อเค้าเข้ามากันหมดแล้วไง เรามาสายเลยไม่เห็นคนที่หน้าประตู 555+
เข้ามาเราก็ไปซื้อที่คาดผมก่อนคะเดี๋ยวจะไม่อิน เราซื้อแบบนี้มาโดนไป 1400 เยน เพื่อใครอยากรู้ราคานะคะ
ที่คาดผมจะราคาตั้งแต่ 1200-1700 เยนคะ ส่วนที่หมวกจะประมาณ 2000 – 3000++ เยนคะ พอกลมกลืนแล้วเราก็ไปกันเลย
อ้อเค้ามีแผนที่กับตารางพาเหรดเป็นภาษาไทยให้เราด้วยนะคะ ตอนแรกเรามาต่อเครื่องเล่น Buzz Lightyear คะเพราะมองกันว่าแถวไม่ยาว
แต่มันขด 3 รอบคะคุณรอกันมาเกือบชั่วโมงเลยตัดสินใจไปกด Fast Pass กันดีกว่าเพราะต้องรออีก 2 ชั่วโมงครึงเลยถึงจะได้เล่น
แต่พอไปกด Fast Pass เหมือนสวรรค์ลงโทษ เวลาที่ได้เล่นดันตรงกับพาเหรดพอดีเลยตัดใจไม่เล่นคะ
เพราะเราไม่ใช่สายเครื่องเล่นอยู่แล้ว มากับพี่วัย 40 ด้วยต้องนึกถึงแก่นิดนึง
เราเลยเดินเล่นรอบสวนสนุกเลยคะ เดินทุกจุดคนเยอะทุกจุด
แล้วเราก็ไปนั่งรอดูพาเหรดกันมันสวยมากคะ คุ้มค่าที่นั่งรอจริงๆ
พอดูพาเหรดเสร็จเราก็เดินหาของกินไปเรื่อยๆ จนเจอน่องไก่งวงอันใหญ่มาก คืออิ่มแน่นอน แต่เห็นแถวแล้วใจหาย
เราเลยให้พี่ไปต่อแถวไก่ ส่วนเราไปต่อแถวไอติม ทุกอย่างต้องต่อแถวคะ แต่อร่อยมากจริงๆนะ ต่อไปเหอะคุ้มค่าการรอ
อันนี้รสออกแนวน้ำผลไม้ สดชื่นดีคะ
อันนี้คุ้กี้สอดไส้ไอติมชิดชิพคะ เม็ดช๊อคชิพใหญ่สะใจมาก อร่อยเหมือนกัน
น่องไก่ตามมาติดๆ
พี่บอกมันคือไก่งวง เนื้อมันเหนียวๆอะ ก็อร่อยดีคะ อิ่มด้วย
แล้วก็เดินเล่นวนเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เสียตังกันพอประมาณก็กลับไปรอดูพาเหรดที่จุดเดิมคะ
ปราสาทตอนเย็นๆ สวยมาก คนมารอถ่ายรูปเต็มเลย เราก็เดินเล่นรอให้เค้าเปิดไฟก่อนคะ
เปิดไฟแล้วสวยกว่าเดิมไปอี๊ก รอสักพักพาเหดก็มาคะ
กลางวันว่าสวยแล้ว กลางคืนยิ่งสวยเข้าไปใหญ่
พาเหรดจบก็กลับกันเลย มื้อเย็นวันนี้เราฝากท้องกับแฟมิลี่คะ นี่คือที่ได้มา อร่อยทุกอย่างจริงๆนะ
เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ ตัวอักษรเกิน