ความพ่อ ความแม่ในสังคมไทย (ยุคเก่า...มั้ย)

(ยาวนิดนึงนะคะ)

เรานั่งอ่านกระทู้ของคุณหมายเลขสมาชิก 4026625    https://pantip.com/topic/38529012แล้วก็ได้แต่คิดว่า เรื่องแบบนี้ในสังคมไทยจะมีไปอีกหลายๆปี จนกว่าจะเปลี่ยน Generation ใหม่ (รึเปล่านะ)

ส่วนตัวเคยโดนและเคยจัดการกับปัญหานี้ จนทุกวันนี้พ่อแม่เค้าก็แก่ไปตามวัยและเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขึ้นน่ารักขึ้นไปตามวัยด้วยค่ะ

อาจจะเพราะพ่อกับแม่ยอมรับความจริงเกี่ยวกับน้องชายเราได้มากขึ้นด้วย  

เราเป็นลูกบุญธรรมของพ่อแม่ค่ะ  แต่ว่าพ่อกับแม่ไม่ค่อยได้เลี้ยงเราหรอก ฝากบ้านคนนั้นที คนนี้ทีตามสไตล์คนจนที่อยู่บ้านนอกอะนะคะ

การเลี้ยงดูของพ่อแม่นี่ค่อนข้างที่จะ violence  คือถ้าเป็นที่ ตปท  พ่อแม่คงโดนจับหรือเสียสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเราไปเลย

และสิ่งที่แย่ที่ครอบครัวแบบนี้สั่งสอนลูกๆคือ ให้พ่อแม่ด่าทุบตีปางตายเทียบกับคนอื่นที่มาพูดดีๆพ่อแม่ก็รักลูกมากกว่าอยู่ดี

มันอาจจะจริงที่พ่อแม่รักลูก  แต่การใช้อารมณ์และการใช้ความรุนแรงก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แถมยังกลายเป็นแผลฝังลึกให้เราไปหลายปี

ซึ่งหลายๆครั้งเราโดนตีแบบที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงผิด หรือถึงโดนตี โดยเฉพาะการดีแบบใช้ให้ญาติที่คอยตีคอยแกล้งเราตลอด

จับเราเอาไว้ แล้วแม่ก็ตีและพูดคำที่ไม่ดีกับเรา และหัวเราเยาะเราพร้อมๆกับคนเหล่านั้น

พ่อเคยกระทืบเราจนสลบ เราตาเขียวไปโรงเรียนเลยค่ะ

หนักค่ะจิตใจบอบช้ำหนัก ใช้เวลาในการเยียวยาเยอะมาก

และสิ่งนี้ที่ทำให้ช่วงก่อนเราเข้าบำบัดตัวเอง พอเรามีแฟน เรามักจะเลือกคนที่นิสัยเหมือนพ่อแม่ ไม่ว่าเค้าจะทำไม่ดีขนาดใหน เราก็รัก

แล้วก็ให้อภัยเสมอ

ตอนนั้นพอเราจะขึ้น ม.1 เค้าก็มายื่นคำขาดว่าเค้าจะไม่ส่งเสียเรา และให้เราออกไปทำงานรับจ้าง หาเงินช่วยเค้า

เรายืนกรานว่าเราจะเรียนต่อ เพราะเรารักโรงเรียนมากและเรียนดีได้ที่ 1 ตลอด แถมไปแข่งวิชาการนู่นนี่ตลอด

เค้าก็บอกว่าถ้าเราจะเรียนก็เรียนไป แต่เค้าไม่ส่งเสียนะ เราก็โอเคค่ะ หนูส่งตัวเองเรียนก็ได้  

แล้วเค้าก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น  เราอยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาค่ะ และเราก็ทำตามที่เราตั้งประกาศิตเอาไว้คือส่งตัวเองเรียน

เราโชคดีที่ได้ทุนเรียนดีมาตลอด เราได้ทุนเรียนจนจบ ป.โทค่ะ ไปเรียนต่างประเทศ ฝึกงานต่างประเทศอะไรต่างๆ

หน้าที่การงานก้าวหน้าขึ้นค่อนข้างโอเค ทำงานที่เรารัก

เราส่งเสียที่บ้าน ตั้งแต่ที่เรียนจบ ป.ตรีแล้วค่ะ  ให้ทุกเดือน เป็นเงินเดือน และเพิ่มจำนวนทุกครั้งที่เราเลื่อนตำแหน่ง

ถึงจะยังไง เราก็รักเค้าค่ะ  

เราพบจิตแพทย์ เราลงเรียนด้านการบำบัดเพิ่มเติม เพื่อที่จะเข้าใจจริงๆ เพื่อที่จะรักษาบาดแผลต่างๆที่เกิดขึ้น

ช่วงก่อนหน้านี้พ่อแม่ของเินเราหนัก เป็นเวลาสามปีกว่า เพราะบอกว่าต้องให้น้อง เพราะน้องสอบติดเข้าโรงเรียนจ่าอากาศ

เรามีเพื่อนทำงานที่นั่นค่ะ  ผ่านไปซักปีนึงเราถึงนึกได้ เราเลยบอกเพื่อน และฝากให้ช่วยดูแล สอดส่องให้ด้วย

เพื่อนไปเช็ค สรุปว่าไม่มีชื่อน้องเป็นนักเรียนที่นั่น

เรากับเพื่อนก็ช่วยกันเช็คทุกอย่าง ระหว่างนั้นน้องก็ขอเงินหนักขึ้นเรื่อยๆ  พอเราได้หลักฐานและรู้ความจริงแน่ๆว่าน้องไม่ได้เป็นนักเรียนที่ใหนเลย

แต่เป็นทหารเกณฑ์ที่ที่นึงแบบสมัครใจ  และสมัครอยู่ต่ออีก 2 ปี  น้องก็เลยมีเครื่องแบบต่างๆใส่กลับบ้านให้พ่อแม่ดู

พอเราบอกความจริงกับพ่อแม่ เค้าไม่เชื่อหรอกค่ะ เค้าโกรธด้วย

เราก็เลยให้น้องที่คอยช่วยที่เป็นทหารชั้นผู้ใหญ่หน่อย ไปพบกับพ่อแม่ และแจ้งความจริงด้วยตัวเอง เพราะเราหวังดีกัน

ช่วยกันป้องกันไม่ให้น้องไปทำแบบนี้หรือไปหลอกคนอื่นๆที่ไม่ใช่คนในครอบครัว เพราะถ้าถึงตอนนั้นคือเรื่องจะใหญ่กว่านี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่