ต้องบอกก่อนเลยว่าตัวเองไม่เคยสนใจการเดินป่าหรือการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติเลยสักนิด จนวันหนึ่งมีรุ่นพี่ชวนเข้าป่าด้วยกัน บวกกับตัวเองก็เหนื่อยจากปัญหาการงาน ปัญหาชีวิตหลาย ๆ อย่าง ทำให้ “วันหนึ่งผมตัดสินใจที่จะเข้าป่า” แล้วผลที่ได้ มันเกินความคาดหมาย การเดินทางเข้าป่าครั้งนั้น ทำให้วิถีการท่องเที่ยวของตัวเองเปลี่ยนไปตลอดกาล…
“การเดินป่า”กิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดท้าทายของคน “สายลุย” ต้องกายพร้อม ใจพร้อม และต้องสตรองอย่างหนัก โดยเฉพาะมือใหม่หัดเข้าป่า จะเดินป่าทั้งทีต้องเตรียมตัวยังไง เพื่อให้การเดินเข้าป่าเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ตะกุกตะกะ เที่ยวป่าอย่างมีความสุข บำบัดจิตใจไปในตัว…
วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า…..วลีฮิตจากศิลปินชื่อดังคนหนึ่งในช่วงที่ผ่านมา เป็นที่ถูกใจของวัยรุ่นหลายคน ด้วยเนื้อเพลงส่วนหนึ่งที่ว่า “ถ้าเราเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า” แต่รู้หรือไม่ ป่าสามารถช่วยทำให้เราหายเหนื่อยได้จริง ด้วยศาสตร์ที่มีชื่อว่า Shinrin Yoku จากญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า “การอาบป่า” ศาสตร์บำบัดร่างกายและจิตใจด้วยการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น การเดินเที่ยวในป่า มองต้นไม้ ฟังเสียงลม ลำธาร และนกร้อง การสูดอากาศบริสุทธิ์ หรือ สูดกลิ่นหอมสดชื่นจากดอกไม้ หรือจะการโอบกอดต้นไม้ฯลฯ ซึ่งถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยชาวญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2525
Photo Credit : ภาพจาก pexels.com และภาพหนังสือ Forest Bathing
ผลจากการศึกษาและสำรวจในประเทศญี่ปุ่น พบว่า “การอาบป่า” สามารถฟื้นฟูกลไกต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับเนื้อหาในหนังสือ Forest Bathing ของ Qing Li ประธานสมาคมเวชศาสตร์เขตร้อนของญี่ปุ่นที่กล่าวว่า ต้นไม้สามารถรักษาและบำบัดร่างกายจิตใจด้วยการปล่อยน้ำมันหอมระเหยช่วยต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ Phytoncides ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านระบบภูมิคุ้มกัน ลดความดันโลหิต ความเครียด ความวิตกกังวล ปรับปรุงการนอนหลับและความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังอาจช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็งและภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้การอาบป่ายังถูกนำไปใช้รักษาเด็กที่มีสมาธิสั้นอีกด้วย

สำหรับสาวกที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติก็เตรียมแผนที่จะเดินเท้าเข้าป่ากางเต้นท์ ไปสัมผัสการใช้ชีวิตสุดชิคส์ และลมหนาวที่พัดพา ท่ามกลางธรรมชาติรุมล้อม ตื่นตอนเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้น ใครจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยบำบัดจิตใจได้และร่างกายได้อย่างน่าอัศจรรย์
“แต่สำหรับมือใหม่ที่อยากเข้าป่าเผื่อสัมผัสกับธรรมชาติอันน่าทึ่ง ต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?เพื่อให้การเดินป่าเป็นไปอย่างสนุก…มีความสุขสุดสุด”
ไม่ว่าจะเป็นสายเดินป่าหรือสายออฟโรด นี่ถือเป็นกิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดท้าทายอีกกิจกรรมหนึ่งของคน “สายลุย” ต้องใช้พละกำลังและร่างกายในการเดินป่าหลายกิโลเมตร บวกกับการที่คุณต้องแบกสัมภาระหนัก ๆ บอกเลยว่า ใครที่อ่อนแองานนี้ก็ต้องแพ้ไปตามระเบียบ!!
สำหรับมือใหม่หัดลุยต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? ถ้าอยากลุย…เราคือเพื่อนกัน!
1. เตรียมร่างกายให้พร้อม : ร่างกายสำคัญที่สุด เมื่อใกล้ถึงกำหนดวันที่จะแบ็คแพคเข้าป่า ควรดูแลร่างกายของตัวเองให้แข็งแรง เพราะหากป่วยหรือบาดเจ็บขึ้นมา อาจจะเป็นอุปสรรคในการเดินป่าของคุณ ดังนั้น เตรียมร่างกายของคุณให้แข็งแรง ฝึกเดินหรือวิ่งตามสวนสาธารณะเพื่อสัมผัสกับการเดินทางระยะไกล เพราะเดี๋ยวตอนเดินเข้าป่าของจริง ร่างกายจะไม่ไหวเอาเสียก่อน
2. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการเดินป่า : อุปกรณ์สำหรับการเดินป่าในที่นี้หมายถึงระหว่างที่เราเดินเข้าไปในป่า ต้องมีอุปกรณ์สำคัญ ๆ ที่ขาดไม่ได้อย่างยิ่ง ประกอบด้วย เข็มทิศ , รองเท้าสำหรับเดินป่า (งดพวกรองเท้าแตะหรือรองเท้าส้นสูง) เอาเป็นรองเท้าที่ใส่สบาย , ถุงกันทากหรือปลิง , เสื้อกันฝน (กรณีฝนตก) , ไม้เท้าเดินป่า ฯลฯ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้งานระหว่างการเดินป่า เพราะพื้นที่ภายในป่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ! บางจุดเป็นทางที่มีความชัน มีหลุม มีบ่อ ถ้าเราไม่เตรียมของพวกนี้ไป อาจเกิดอันตรายได้
3. เตรียมอุปกรณ์สำหรับค้างแรม : อุปกรณ์สำหรับค้างแรมกรณีที่นอนค้างคืนอย่างน้อย 1 คืน สำคัญที่สุดคือ เต้นท์ , ถุงนอน , เปล , หมอน , เสื่อ , ผ้าใบ ฯลฯ อุปกรณ์พวกนี้จำเป็นอย่างยิ่งในการเข้าป่า กรณีค้างแรมอย่างน้อย 1 คืน เพราะช่วงกลางคืนไม่เหมาะอย่างยิ่งในการเดินป่า ส่วนใหญ่จะปักหลักพักผ่อนนอนหลับ เพื่อเก็บแรงไว้เดินป่าต่อในเช้าวันรุ่งขึ้น
4. เตรียมอุปกรณ์ เสื้อผ้า เครื่องใช้ : กรณีที่ต้องค้างแรมมากกว่า 1 คืน อาจจะต้องเปลี่ยนชุด ฉะนั้น เตรียมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไปอย่างน้อย 2-3 ชุด (ไม่ควรเอาไปเยอะ) และอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำ อาทิ ผ้าขนหนู , แชมพู , สบู่ , โฟมล้างหน้า , แปรงสีฟัน , ยาสีฟัน ฯลฯ เพื่อใช้ในการชำระล้างร่างกายให้สะอาด กรณีที่บางพื้นที่มีห้องน้ำไว้ให้บริการ แต่พื้นที่บางแห่งอาจจะอยู่กลางป่าเลย อาจจะไม่มีห้องน้ำ แต่มีเป็นน้ำตกหรือลำธารแทน ต้องอาบน้ำจากจุดนั้น นอกจากนี้ ไฟฉาย , พาวเวอร์แบงค์ , อุปกรณ์ปฐมพยาบาล บอกเลยว่าขาดไม่ได้!!
5. เตรียมเครื่องอุปโภค บริโภค : อาหารเป็นสิ่งจำเป็นในการประทังชีวิตขณะเดินเข้าป่า ฉะนั้น ควรเตรียมอาหารสำเร็จรูปที่ประกอบอาหารได้ง่าย ๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป , ไข่ เป็นต้น แต่ถ้าหากอยากจะประกอบอาหารด้วยตนเองภายในป่า ก็เตรียมอุปกรณ์สำหรับประกอบอาหารที่เป็นลักษณะของการเข้าป่า เช่น ไฟแช็ค ,หม้อใบเล็ก ๆ ,ช้อน-ส้อม ,วัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร พวก ข้าว เนื้อหมู ไข่ไก่ ผัก เป็นต้น และก็ขนมถุง ขนมปัง น้ำดื่ม ก็อย่าลืมเตรียมไปด้วย แต่ไม่ต้องเตรียมไปเยอะมากนัก เอาไปแค่พอจำเป็นเท่านั้น
การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจรวมถึงสิ่งของที่จะต้องแบกไปด้วย อย่างไรก็ตาม พกเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น อย่าลืมว่าเราต้องเดินป่าด้วย การจัดกระเป๋าเป้สำหรับเดินป่าอย่าให้เกิน ร้อยละ 15-20 ของน้ำหนักตัวเรา ไม่งั้นบอกเลยว่า ลำบากแน่ๆ เราจะเดินป่าอย่างยากลำบาก
ถ้าเราเตรียมตัวมาดี เตรียมตัวมาพร้อม การเดินป่าก็จะเป็นเรื่องสนุก ๆ และเราก็จะมีความสุขกับการท่องเที่ยวสีเขียวตามแบบฉบับแบ็คแพ็คเกอร์สายลุย ขอให้สนุกกับการเดินป่า…และการพักผ่อนร่างกายและจิตใจท่ามกลางธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์
อ่านบทความน่าสนใจอีกมากมายต่อได้ที่ :
https://www.facebook.com/kinyupen.co/
[CR] วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า…บำบัดร่างกายและจิตใจด้วยศาสตร์ “Shinrin Yoku”
“การเดินป่า”กิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดท้าทายของคน “สายลุย” ต้องกายพร้อม ใจพร้อม และต้องสตรองอย่างหนัก โดยเฉพาะมือใหม่หัดเข้าป่า จะเดินป่าทั้งทีต้องเตรียมตัวยังไง เพื่อให้การเดินเข้าป่าเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ตะกุกตะกะ เที่ยวป่าอย่างมีความสุข บำบัดจิตใจไปในตัว…
วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า…..วลีฮิตจากศิลปินชื่อดังคนหนึ่งในช่วงที่ผ่านมา เป็นที่ถูกใจของวัยรุ่นหลายคน ด้วยเนื้อเพลงส่วนหนึ่งที่ว่า “ถ้าเราเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า” แต่รู้หรือไม่ ป่าสามารถช่วยทำให้เราหายเหนื่อยได้จริง ด้วยศาสตร์ที่มีชื่อว่า Shinrin Yoku จากญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า “การอาบป่า” ศาสตร์บำบัดร่างกายและจิตใจด้วยการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น การเดินเที่ยวในป่า มองต้นไม้ ฟังเสียงลม ลำธาร และนกร้อง การสูดอากาศบริสุทธิ์ หรือ สูดกลิ่นหอมสดชื่นจากดอกไม้ หรือจะการโอบกอดต้นไม้ฯลฯ ซึ่งถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยชาวญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2525
ผลจากการศึกษาและสำรวจในประเทศญี่ปุ่น พบว่า “การอาบป่า” สามารถฟื้นฟูกลไกต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับเนื้อหาในหนังสือ Forest Bathing ของ Qing Li ประธานสมาคมเวชศาสตร์เขตร้อนของญี่ปุ่นที่กล่าวว่า ต้นไม้สามารถรักษาและบำบัดร่างกายจิตใจด้วยการปล่อยน้ำมันหอมระเหยช่วยต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ Phytoncides ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านระบบภูมิคุ้มกัน ลดความดันโลหิต ความเครียด ความวิตกกังวล ปรับปรุงการนอนหลับและความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังอาจช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็งและภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้การอาบป่ายังถูกนำไปใช้รักษาเด็กที่มีสมาธิสั้นอีกด้วย
สำหรับสาวกที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติก็เตรียมแผนที่จะเดินเท้าเข้าป่ากางเต้นท์ ไปสัมผัสการใช้ชีวิตสุดชิคส์ และลมหนาวที่พัดพา ท่ามกลางธรรมชาติรุมล้อม ตื่นตอนเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้น ใครจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยบำบัดจิตใจได้และร่างกายได้อย่างน่าอัศจรรย์
ไม่ว่าจะเป็นสายเดินป่าหรือสายออฟโรด นี่ถือเป็นกิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดท้าทายอีกกิจกรรมหนึ่งของคน “สายลุย” ต้องใช้พละกำลังและร่างกายในการเดินป่าหลายกิโลเมตร บวกกับการที่คุณต้องแบกสัมภาระหนัก ๆ บอกเลยว่า ใครที่อ่อนแองานนี้ก็ต้องแพ้ไปตามระเบียบ!!
สำหรับมือใหม่หัดลุยต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? ถ้าอยากลุย…เราคือเพื่อนกัน!
1. เตรียมร่างกายให้พร้อม : ร่างกายสำคัญที่สุด เมื่อใกล้ถึงกำหนดวันที่จะแบ็คแพคเข้าป่า ควรดูแลร่างกายของตัวเองให้แข็งแรง เพราะหากป่วยหรือบาดเจ็บขึ้นมา อาจจะเป็นอุปสรรคในการเดินป่าของคุณ ดังนั้น เตรียมร่างกายของคุณให้แข็งแรง ฝึกเดินหรือวิ่งตามสวนสาธารณะเพื่อสัมผัสกับการเดินทางระยะไกล เพราะเดี๋ยวตอนเดินเข้าป่าของจริง ร่างกายจะไม่ไหวเอาเสียก่อน
2. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการเดินป่า : อุปกรณ์สำหรับการเดินป่าในที่นี้หมายถึงระหว่างที่เราเดินเข้าไปในป่า ต้องมีอุปกรณ์สำคัญ ๆ ที่ขาดไม่ได้อย่างยิ่ง ประกอบด้วย เข็มทิศ , รองเท้าสำหรับเดินป่า (งดพวกรองเท้าแตะหรือรองเท้าส้นสูง) เอาเป็นรองเท้าที่ใส่สบาย , ถุงกันทากหรือปลิง , เสื้อกันฝน (กรณีฝนตก) , ไม้เท้าเดินป่า ฯลฯ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้งานระหว่างการเดินป่า เพราะพื้นที่ภายในป่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ! บางจุดเป็นทางที่มีความชัน มีหลุม มีบ่อ ถ้าเราไม่เตรียมของพวกนี้ไป อาจเกิดอันตรายได้
3. เตรียมอุปกรณ์สำหรับค้างแรม : อุปกรณ์สำหรับค้างแรมกรณีที่นอนค้างคืนอย่างน้อย 1 คืน สำคัญที่สุดคือ เต้นท์ , ถุงนอน , เปล , หมอน , เสื่อ , ผ้าใบ ฯลฯ อุปกรณ์พวกนี้จำเป็นอย่างยิ่งในการเข้าป่า กรณีค้างแรมอย่างน้อย 1 คืน เพราะช่วงกลางคืนไม่เหมาะอย่างยิ่งในการเดินป่า ส่วนใหญ่จะปักหลักพักผ่อนนอนหลับ เพื่อเก็บแรงไว้เดินป่าต่อในเช้าวันรุ่งขึ้น
4. เตรียมอุปกรณ์ เสื้อผ้า เครื่องใช้ : กรณีที่ต้องค้างแรมมากกว่า 1 คืน อาจจะต้องเปลี่ยนชุด ฉะนั้น เตรียมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไปอย่างน้อย 2-3 ชุด (ไม่ควรเอาไปเยอะ) และอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำ อาทิ ผ้าขนหนู , แชมพู , สบู่ , โฟมล้างหน้า , แปรงสีฟัน , ยาสีฟัน ฯลฯ เพื่อใช้ในการชำระล้างร่างกายให้สะอาด กรณีที่บางพื้นที่มีห้องน้ำไว้ให้บริการ แต่พื้นที่บางแห่งอาจจะอยู่กลางป่าเลย อาจจะไม่มีห้องน้ำ แต่มีเป็นน้ำตกหรือลำธารแทน ต้องอาบน้ำจากจุดนั้น นอกจากนี้ ไฟฉาย , พาวเวอร์แบงค์ , อุปกรณ์ปฐมพยาบาล บอกเลยว่าขาดไม่ได้!!
5. เตรียมเครื่องอุปโภค บริโภค : อาหารเป็นสิ่งจำเป็นในการประทังชีวิตขณะเดินเข้าป่า ฉะนั้น ควรเตรียมอาหารสำเร็จรูปที่ประกอบอาหารได้ง่าย ๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป , ไข่ เป็นต้น แต่ถ้าหากอยากจะประกอบอาหารด้วยตนเองภายในป่า ก็เตรียมอุปกรณ์สำหรับประกอบอาหารที่เป็นลักษณะของการเข้าป่า เช่น ไฟแช็ค ,หม้อใบเล็ก ๆ ,ช้อน-ส้อม ,วัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร พวก ข้าว เนื้อหมู ไข่ไก่ ผัก เป็นต้น และก็ขนมถุง ขนมปัง น้ำดื่ม ก็อย่าลืมเตรียมไปด้วย แต่ไม่ต้องเตรียมไปเยอะมากนัก เอาไปแค่พอจำเป็นเท่านั้น
การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจรวมถึงสิ่งของที่จะต้องแบกไปด้วย อย่างไรก็ตาม พกเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น อย่าลืมว่าเราต้องเดินป่าด้วย การจัดกระเป๋าเป้สำหรับเดินป่าอย่าให้เกิน ร้อยละ 15-20 ของน้ำหนักตัวเรา ไม่งั้นบอกเลยว่า ลำบากแน่ๆ เราจะเดินป่าอย่างยากลำบาก
ถ้าเราเตรียมตัวมาดี เตรียมตัวมาพร้อม การเดินป่าก็จะเป็นเรื่องสนุก ๆ และเราก็จะมีความสุขกับการท่องเที่ยวสีเขียวตามแบบฉบับแบ็คแพ็คเกอร์สายลุย ขอให้สนุกกับการเดินป่า…และการพักผ่อนร่างกายและจิตใจท่ามกลางธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์
อ่านบทความน่าสนใจอีกมากมายต่อได้ที่ : https://www.facebook.com/kinyupen.co/