TWO TOP สองอันตราย - [บทความวุ่นวายในประจิม] - ตอนที่ 35 : จุดอ่อน

ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

=====================================================================================

ตอนที่ 35 : จุดอ่อน


    การที่จินโดนยูยะโจมตี ทำให้ปรีกลับมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จนลุกออกมาท้าสู้กับยูยะอีกครั้งได้

    แต่เพราะอะไรปรีถึงฮึดออกมาต่อสู้ได้อีกครั้ง

    นั่นเพราะเมื่อเขาเห็นจินและพรรคพวกพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่แม้จะสู้ยูยะไม่ได้ก็ตาม แต่ยังยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่มีใครยอมแพ้ และยิ่งมาเห็นจินโดนโจมตีอีก ย่อมทำให้เขาไม่อาจอยู่เฉยได้ ต้องพยายามออกมาต่อสู้อีกครั้ง

    ดังนั้น เหมือนกับว่ามันมีพลังที่ไม่อาจบรรยายได้หลั่งไหลเพิ่มพลังให้กับปรีจนสามารถลุกขึ้นออกมาต่อสู้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งมันอาจจะเป็นพลังแห่งความรักที่มีให้จินและทุกคนก็เป็นได้

    ปรีหันบอกเหล่าสี่ขุนพลให้ถอยออกก่อน เพราะต้องการที่จะต่อสู้กับยูยะตัวต่อตัวอีกครั้ง ซึ่งในทีแรกจินกับขุนพลที่เหลือทำท่าจะไม่เชื่อฟัง แต่เมื่อทุกคนมองดูความแน่วแน่และสภาพร่างกายของปรีที่กลับดีขึ้นแล้ว จึงยอมทำตามแต่โดยดี

    คล้ายพวกเขาเชื่อว่าการต่อสู้ครั้งนี้ ปรีสามารถต่อสู้กับยูยะได้แน่

    ปรีหันมองจินอีกครั้ง พูดขึ้นต่อว่า

    “จิน... ขอบใจเธอมาก คราวนี้ฉันจะจัดการทุกอย่างให้จบเรื่องเอง”

    “อืม...” จินมองตอบ เธอดูสภาพของหนุ่มผมหยิกที่เปลี่ยนไป แล้วค่อย ๆ คลี่ยิ้มเล็ก ๆ ให้ พูดต่อว่า “นายเองก็อย่าเป็นอะไรล่ะ”

    ปรียิ้มตอบ พูดอย่างมั่นใจว่า “แน่นอน”

    ซึ่งรอยยิ้มของทั้งสองคนนี้ คล้ายเป็นการเพิ่มพลังให้กับทั้งคู่ด้วย เพราะพอจินคลี่ยิ้มให้ สีหน้าของปรีก็กลับมามีสีสันมากขึ้นคล้ายอาการเริ่มดีขึ้นอีก เช่นเดียวกัน พอปรียิ้มตอบจิน เธอก็คล้ายมีพลังกายเพิ่มขึ้น ไม่หลงเหลืออาการบาดเจ็บจากที่โดนยูยะเตะใส่เลย

    ยูยะนิ่งมองการสนทนาของทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์ ซึ่งมันก็แน่ล่ะ... เพราะเขาหลงรักจิน แล้วมาเห็นจินส่งยิ้มอย่างนี้ให้ปรี ย่อมไม่พอใจแน่

    เขาแม้ไม่ได้ขัดขวางหรือเข้าไปทำอะไรกับทั้งคู่อีก แต่ก็พูดแทรกการสนทนาของทั้งสองว่า

    “พอได้แล้ว..ปรี ถึงฉันไม่รู้ว่าทำไมนายถึงยังยืนไหวทั้งที่โดนไปแล้วขนาดนั้น แต่เมื่อลุกขึ้นมาอยากสู้กับฉันอีก ก็ย่อมได้ ..ฉันก็ต้องการจัดการนายให้สิ้นซากอยู่แล้ว”

    ว่าแล้วหนุ่มผมทองก็ขยับตัวตั้งท่าเตรียมพร้อมของตน

    ปรีผงกศีรษะรับการตั้งท่าของยูยะ เมื่อเขาเห็นเหล่าสี่ขุนพลขยับกายหลีกเข้าด้านข้าง ตัวเองก็ตั้งท่าคล้ายไม่ตั้งท่าตามแบบฉบับของตนขึ้นมา

    การต่อสู้ของสองจักรพรรดิเริ่มขึ้นอีกครั้ง

    ทันทีที่ปรีสบตา ยูยะก็พุ่งหายไปจากการมองเห็นของปรีอย่างฉับพลัน แน่นอนว่าด้วยความเร็วสูงสุดของยูยะขณะนี้ ต่อให้ปรีมีขณิกสมาธิก็มองไม่ทัน เขาจึงมองไม่รู้ว่ายูยะเคลื่อนที่ไปทางไหน

    แต่ปรีคาดการณ์ได้

    หลังจากการโดนยูยะโจมตีจนเกือบแย่ ปรีก็มองดูการต่อสู้ของยูยะกับสี่ขุนพลโดยตลอด อย่างที่นักกีฬาว่ากัน ผู้อยู่ในสนามย่อมไม่เห็นทุกสิ่งในสนาม จำเป็นต้องมีโค้ชดูอยู่ด้านนอกสนาม เช่นเดียวกัน พอปรีมองดูการต่อสู้เหล่านั้น เขาก็เริ่มอ่านทางการเคลื่อนไหวของยูยะได้

    พอไม่เห็นยูยะในสายตา ปรีก็ออกตัวพุ่งไปข้างหน้าคล้ายกับไม่เกรงกลัวความเร็วที่มองไม่ทันของยูยะเลย

    ยูยะปรากฏด้านซ้ายของปรีอย่างไม่มีใครล่วงรู้ แล้วฉากเตะเข้าใส่ปรีอย่างรวดเร็ว

    ไม่ทราบว่าปรีมองทันหรือไม่ หรือว่าเขาคาดการณ์ไว้ก่อน จึงขยับตัวหมุนหลบหลีกในลักษณะการเคลื่อนที่เป็นวงกลมใกล้เคียงกับการเคลื่อนที่แบบวงกลมโดยไม่ฝืนแรงของใหญ่และยูยะ

    ลูกเตะนี้ปรีจึงหลบได้

    แต่ทว่าเท้าที่สองของยูยะช่างตามมารวดเร็วนัก ถีบปรีจนกระเด็นออกไปหลายก้าว ซึ่งขณะที่ปรีกระเด็นออกไปนั้น เขาก็หลับตาไปด้วย ไม่รู้ว่าทำไปเพราะเหตุใด

    ทันทีที่ปรีกระเด็นออกไป ยูยะก็ทำท่าคล้ายจะตามเข้าไปซ้ำ แต่แล้วก็ต้องหยุดนิ่ง ไม่ยอมขยับต่อ

    เพราะตอนนี้ที่โรงยิมสี่เกิดเหตุบางอย่างขึ้น

    ไฟดับนั่นเอง เสนาธิการ เจขยับตัวไปที่เบรกเกอร์ระบบไฟฟ้าแล้วสับสวิตช์ลง ทำให้ไฟในโรงยิมแห่งนี้ดับมืดทันที

    หลายคนต่างตกใจวูบ ไม่คาดคิดว่าเจจะทำเช่นนี้ ยูยะก็เช่นกัน เขารอคอยให้สายตาชินกับความมืดก่อน แต่ก็ยังขยับตัวไปมา เตรียมพร้อมรับมือปรีที่อาจเข้ามาโจมตีตอนนี้ด้วย

    ความมืดเข้าปกคลุมในโรงยิม แม้ตอนนี้จะยังไม่มืดค่ำ แต่ก็ทำให้ทุกคนต้องมองอะไรไม่เห็นไปชั่วขณะ ต้องนิ่งรอให้สายตาเคยชินกับความมืดก่อน

    แต่ก็มีผู้หนึ่งล่วงรู้การที่เจจะดับไฟครั้งนี้

    ปรีนั่นเอง ที่เขาหลับตาลงก็เพื่อต้องการให้เคยชินกับความมืดก่อน จะได้กระทำการหนึ่งได้โดยเร็ว

    สักพักหลายคนเริ่มชินกับความมืด ยูยะเริ่มมองเห็นอย่างไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งพอมองเห็นก็พบว่าปรีได้ทำการหนึ่งไปแล้ว

    ปรีกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นของแอล โดยเก้าอี้รถเข็นตอนนี้สามารถเคลื่อนที่ได้ตามปกติแล้ว

    ยูยะพบเห็นก็ประหลาดใจ พูดขึ้นว่า

    “หึ.. ที่ให้ดับไฟนี่ ก็เพราะจะใช้รถเข็นสู้กับฉันหรือ?”

    ซึ่งพอมองเห็นถุงมือเงินอีกข้างที่ปรีกำลังสวมใส่อยู่ก็พูดขึ้นต่อ

    “โอ.. ถุงมือเงินด้วย เก็บมาใส่จนครบสองข้างเชียว ...แต่คิดว่าจะชนะฉันได้หรือไง?”

    “คงเป็นอย่างนั้น” ปรียิ้มรับ ท่าทางพอใจกับการที่ตนเองได้ถุงมือเงินและเก้าอี้รถเข็นมา

    “หึ นายคิดงั้นเหรอ...” ยูยะยิ้มยียวน “ถึงดับไฟไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะอย่างไรก็ยังมองเห็นอยู่ดี แม้ไม่ชัดเจนเหมือนเดิมก็ตาม ถุงมือนั่นอีก จะทำอะไรได้ แถมเก้าอี้รถเข็น นายก็ใช่ว่าจะใช้มันได้คล่อง จะสู้ฉันได้อย่างไร”

    ปรียิ้มกว้างอีก พูดตอบว่า “ไม่ลองไม่รู้..”

    ว่าแล้วปรีก็บังคับเก้าอี้รถเข็นพุ่งเข้าหายูยะ แต่ถ้าดูจากการบังคับของปรีแล้ว เห็นชัดเลยว่ายังใช้ได้ไม่คล่องแคล่วเท่าที่ควร ไม่สามารถเทียบเท่าแอลหรือภูมินที่บังคับมาก่อนเลย

    อย่างนี้จะได้เปรียบยูยะหรือ..

    ยูยะพุ่งเข้าหาปรีที่บังคับรถเข็นเข้ามา แล้วพุ่งดีดตัวขึ้นก่อนที่เก้าอี้รถเข็นจะพุ่งชน เขาข้ามเก้าอี้รถเข็นอย่างสบาย ซึ่งพอลอยข้ามหัวปรียังฝากลูกเตะเข้าใส่ไปหนึ่งที จนปรีเซถลาทั้งเก้าอี้รถเข็นไป

    “หนอย..” ปรีขบฟันกรอด บังคับเก้าอี้รถเข็นหมุนกลับมา แล้วเคลื่อนที่ตามเข้าหายูยะ

    ยูยะหันหน้ากลับ พุ่งเข้าหาปรีที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา พอประจันหน้าก็ขยับฉากไปด้านข้างพร้อมเตะเข้าใส่ปรี

    ปรีหลบหลีกไม่ทันถูกยูยะเตะเข้าใส่ ซึ่งลูกเตะของยูยะช่างแม่นยำนัก สามารถเตะเข้าหาลำตัวปรี โดยไม่โดนส่วนต่าง ๆ ของเก้าอี้รถเข็นที่บังอยู่เลย

    ดูเหมือนปรีจะไม่สามารถใช้เก้าอี้รถเข็นได้อย่างเต็มที่ เขาไม่สามารถเรียกกลไกออกมาใช้ในการต่อสู้กับยูยะแม้แต่ครั้งเดียว

    ซึ่งพอเตะเสร็จแล้ว ยูยะก็หันตัวกลับมองดูผลงานของตน พร้อมพูดขึ้นว่า

    “ปรี.. นายสู้ฉันไม่ได้หรอก รถเข็นนั่นไม่ได้ช่วยอะไรนายเลย”

    ปรีและเก้าอี้รถเข็นกระเด็นออกไปช่วงหนึ่ง สักพักพอบังคับได้ที่แล้ว จึงหันกลับมาพร้อมตอบอย่างเคร่งเครียดว่า

    “ไม่หรอก ฉันไม่ยอมแพ้ และฉันจะใช้รถเข็นต่อไป”

    ปรีพูดเสร็จทำหน้าแน่วแน่ แล้วบังคับเก้าอี้รถเข็นเข้าหายูยะ

    “ไม่หลาบจำ..” ยูยะพูดขึ้น แล้วพุ่งเข้าหาปรีทันที

    แต่ครั้งนี้ปรีไม่เพียงบังคับเก้าอี้รถเข็นอย่างเดียว เขาใช้มือข้างหนึ่งบังคับรถเข็น ส่วนมืออีกข้างง้างหมัดหมายชกใส่ยูยะ

    ยูยะที่พุ่งเข้ามาหา แค่นี้ไยไม่ล่วงรู้ จึงขยับเข้าหาด้วยความเร็วสูง พร้อมขยับตัวเลี่ยงหลบหมัดนั้น

    แต่ทว่าปรีไม่ยอมชกออกมา กลับใช้ขาที่วางอยู่ถีบเข้าใส่แทน

    แน่นอนว่ายูยะคิดไม่ถึง เพราะว่าปรีตอนนี้อยู่บนเก้าอี้รถเข็นที่ปกติผู้นั่งอยู่จะใช้ขาไม่ได้ ทำให้ยูยะลืมคาดการณ์ไป

    แต่ถึงคาดไม่ถึงก็ไม่ใช่ปัญหาของยูยะ เขาขยับตัวได้รวดเร็วยิ่งอยู่แล้ว จึงหลบลูกเตะของปรีได้อย่างไม่ยากเย็น

    ซึ่งทันทีที่ฉากหลบลูกเตะของปรีได้ เขาก็สวนเตะออกด้วยลูกเตะหนึ่ง

    ปรียกมือที่ห่อหุ้มด้วยถุงมือเงินขึ้นมาปัดป้องลูกเตะนี้ได้ทันราวกับว่าเป็นลูกเตะธรรมดา

    แต่ลูกเตะของยูยะย่อมไม่ใช่ลูกเตะธรรมดาอยู่แล้ว ซึ่งพอปรีไปปัดป้องลูกเตะนี้ไปก็เรียกได้ว่าพลั้งพลาดไปแล้ว

    เพราะลูกเตะนี้คือ ลูกเตะม่านฟ้าที่ใช้ปิดบัง

    จึงไม่จำเป็นต้องโจมตีโดน

    ซึ่งในจังหวะที่ลูกเตะม่านฟ้าปิดบังนั้น ยูยะก็เคลื่อนมืออย่างรวดเร็ว ถอดชิ้นส่วนน๊อตของเก้าอี้รถเข็นอย่างแม่นยำ แม้จะมีแสงสว่างน้อยลงก็ตาม

    พอน๊อตหลุดออก ล้อทั้งสองข้างก็หลุดออกตาม ทำให้เก้าอี้รถเข็นนี้ใช้ต่อไปไม่ได้แล้ว

        ต่อจากนั้นยูยะก็ถีบเข้าใส่ปรีอีกหนึ่งครั้ง ลูกถีบนี้รวดเร็วยิ่งกว่าลูกเตะม่านฟ้าหลายเท่า ปรีจึงโดนถีบกระเด็นติดผนักพิงเก้าอี้รถเข็นพุ่งออกไป




(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่