เราจะมาแชร์ประสบการณ์ผ่าตัดมดลูก จากมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
เราอายุ 30 ปี น้ำหนัก 110 กก.
เล่าไปถึงว่าเรามาผ่าตัดครั้งนี้ได้ยังไง คือเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว เรามีประจำเดือนออกมากทุกวันพร้อมลิ่มเลือดที่ใหญ่มาก เป็นเวลา 8 วัน ก่อนหน้านี้ไม่มีอาการอะไรนอกจาก ประจำเดือนเรามาช้าบ้าง ไม่มาบ้าง แต่รอบนี้มันมาแบบเราตกใจมากแต่เราก็ยังไม่ชะล่าใจ เพียงแต่ค้นหาในเน็ต จนเลยมาถึงวันที่ 8 ของการมีเลือดออกเราถึงจะไปหาหมอ พอไปถึงหมอก็จับเราแอดมิทพร้อมขูดมดลูกเร่งด่วน เพราะหมอแจ้งว่าผนังมดลูกเราหนามาก 1 ซม.กว่า ๆ หลังจากนั้นเราก็รอฟังผลอีก 1 อาทิตย์ถัดมา ภายในหนึ่งอาทิตย์นี้เราก็ลุ้นกลัวว่าผลออกมาเป็นยังไง กลัวเป็นมะเร็ง กลัวไปหมดแต่เราก็ยังทำตัวปกตินะ เพราะเราก็คิดว่าคงไม่เป็นเราเพิ่งมีอาการครั้งนี้ครั้งเดียวเอง คงไม่เป็นง่ายๆอีกใจก็คิดว่าถ้าเป็นเราจะต้องทำตัวยังไง
แล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึง หมอนัดเราฟังผล 31 ธันวาพอดี ผลออกมาเราทำตัวไม่ถูกจะร้องก็ร้องไม่ได้เพราะคราวนี้แม่เราไปฟังผลกับเราด้วย หมอบอกจากผลแล็บเราเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก grad 2 แต่ระยะไหนหมอบอกไม่ได้เพราะมะเร็งประเภทนี้รู้ก็คือต้องผ่าออกมาดูตอนผ่าเท่านั้น วันนั้นเราเบลอมากอะไรก็รวดเร็วไปหมด หมอส่งเราไปตรวจค่าเลือด เอ็กซ์เรย์ และให้เรามา ct อีกครั้งวันที่ 2 มกรา พร้อมส่งเราต่อให้กับหมออีกท่านที่เชี่ยวชาญเรื่องมะเร็งในสูตินรีเวช และเราอาจจะต้องผ่าภายในวันที่ 4-5 มกรา
วันที่ 3 มกรา วันที่เราเจอหมอท่านที่ผ่าตัดให้เรา พร้อมฟังผล ผลออกมาคือเรายังไม่สามารถผ่าได้ เพราะเบาหวานเราขึ้นสูง 211 หมอให้เราลดน้ำหนักแล้วส่งตัวให้หมออายุรกรรมดูแลเรื่องน้ำตาลของเราก่อนผ่าตัด เพราะหมอกลัวภาวะแทรกซ้อนของเราจะมีผลต่อการผ่าตัด ในวันที่ 7 มกรา เรามีเวลาจากวันที่ 3-7 มกรา ในการลดน้ำตาลด้วยตัวเอง เราพยายามมากเพราะเราไม่อยากกินยาเบาหวาน เราควบคุมอาหาร โดยการลดแป้ง และการปรุง เรากินผัก ปลาและไก่อบทุกมื้อ จนเรามาหาหมอทำการวัดน้ำตาล น้ำตาลเราเหลือ 154 หมออายุรกรรมเลยนัดเราดูค่าน้ำตาลหลังจากนี้อีก 4 เดือนและลงความเห็นให้เราผ่าตัดได้ เราจึงกลับมาหาหมอที่ทำการผ่าเราอีกครั้ง และเราก็ได้วันผ่ามาเรียบร้อย คือวันที่ 13 มกรา ที่ผ่านมา
วันผ่าตัดมาถึงเราต้องแอดมิท ในวันที่ 12 เพื่อเตรียมตัวผ่าตัดในวันที่ 13 มาถึงรพ.บ่าย 3 หมอให้เรากินอาหารเหลวใส พอ 2 ทุ่ม พยาบาลก็มาพร้อมยาถ่าย 2 เหยือก ให้เรากินให้หมด ภายใน 3 ทุ่มครึ่ง เพื่อที่เราจะได้นอนให้พอ ไม่ต้องถ่ายตอนดึกๆ พอ 4 ทุ่มพยาบาลก็มียาคลายเครียดเพื่อให้เราหลับเพียงพอ มาให้เรากิน ช่วง 8 โมงของวันที่ 13 พยาบาลก็มาจัดการโกนขน และใส่สายปัสวะก่อนที่ เกือบๆ 10 โมงพนักงานเปลจากห้องผ่าตัดก็มารับเราไปที่ห้องผ่าตัด
พอถึงห้องผ่าตัดหมอก็ซักประวัติถามชื่อ ถามว่ามาผ่าอะไร เสร็จหมอที่ห้องผ่าตัดก็แจ้งว่าเคสเราบล็อคหลังไม่ได้คงต้องดมยาและอธิบายเอาสายที่ต้องใส่คอเรามาให้เราดู เอายามารมให้เราสูดลึกๆ แล้วเราก็ไม่รู้สึกตัวเลย มาฟื้นอีกที่ ตอนบ่าย 2 กว่าๆ หมอและพยาบาลในห้องผ่าตัดบอกให้เราขยับพลิกตัวบ่อยๆจะได้ไม่เป็นผังผืด พอช่วง 1 ทุ่ม หมอที่ผ่าเราก็มาเยี่ยม บอกว่าวันรุ่งขึ้นให้เราเดินเยอะๆ แม่เราถามหมอว่าผลเป็นไงบ้าง หมอบอกว่ารอฟังผลแล็บ และหมอตัดมดลูกของเราออกหมดพร้อมท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้าง (หมอไม่บอกเพราะหลังจากฟังผลหมอบอกเราว่า มดลูกเราบวมมาก เลยอยากให้ฟังจากผลแล็บ) เราอยู่รพ. ทั้งหมด 4 วัน เราก็พยายามเดินให้มากตามที่หมอและพยาบาลบอก วันออกจากรพ.หมอบอกว่ากลับบ้านพยายามอย่าเดินเยอะ และนัดเรามาดูแผล ในวันที่ 19
วันที่ 19 เรามาฟังผลพร้อมเอาแม็กที่เย็บแผลไว้ออก ผลที่ออกมาคือเราเป็นมะเร็งจริง เป็นในระยะเริ่มต้นยังไม่ลามไปต่อมน้ำเหลือง ไม่เข้าท่อนำไข่ และยังไม่กินเนื้อมดลูก เป็นเพียงแค่เยื่อบุเท่านั้น ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม และนัดให้มาดูอาการอีกครั้ง 3 เดือน เราถามหมอให้มั่นใจ และถามถึงวิธีดูแลตัวเองหมอบอกว่าเราต้องลดน้ำหนักให้อยู่ที่ 60 กก. ตามเกณฑ์ที่ควรจะเป็นเพราะเราอ้วน แบบเสี่ยงตายมาก ให้ระวังจะเป็นมะเร็งเต้านมในอนาคตถ้าเรายังไม่ดูแลตัวเอง และ เรื่องยาที่ต้องกินเสริมหมอบอกเราอายุยังน้อย 3 เดือนให้ดูอาการและจะมาคุยกันหลังจากอัพเดทอาการก่อนว่าเราควรกินอะไร ส่วนยาทาหมอบอกเบิกไม่ได้เพราะว่าเราใช่สิทธิ์ประกันสังคม ยาไม่ได้เข้าร่วมในบัญชี และหมอแนะนำให้ไปปรึกษาเภสัชที่ร้านขายยา ทาแผลพร้อมอาบน้ำได้ในวันรุ่งขึ้นตอนเย็น
ตอนนี้ก็ 3 อาทิตย์แล้วหลังจากเราผ่าตัด เราอยากแชร์ประสบการ์ณของเราให้ทุกคน ว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิดและโรคร้ายก็ไม่ไกลตัวเราเลย เราถือว่าโชคดีมากที่เราเจอเร็ว เราอยากขอบคุณคุณหมอทั้ง 3 คนมากที่ทำให้เราได้รับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว
ขอแถมหน่อยเรื่องแผลเราอ้วนมาก แผลเราจึงผ่ายาก เราผ่าแนวขวางในแนวบิกกินี่ แต่ความยาวมันยาวจนน่ากลัวมากเพราเแผลเรายาว เกือบ 10 นิ้ว เรื่องยาที่ทาเราใช้ เดอร์มาติกซ์ อัลตร้า แต่แผลเราก็ยังบอกอะไรไม่ได้ ว่ามันจะนูนอย่างที่กลัวรึป่าว เราไม่ได้ถ่ายตอนก่อนมาถอดแม็กไว้ เราเลยเอารูปมาฝากแค่แผลที่ถอดแม็กซ์ออกวันแรกและแผลปัจจุบัน
ของเราหลังจากถอดแม็ก หมอไม่ได้ติดพลาสเตอร์ไว้เพราะเราแพ้พลาสเตอร์ เราอยากบอกว่าแผลที่แพ้พลาสเตอร์ทำเราร้องไห้และเจ็บกว่าแผลผ่าตัดมาก
อีกอย่างคือพยาบาลแนะนำว่าเวลา ไอ หรือจาม ให้หาหมอนมากดไว้ที่แผล จะได้ไม่เจ็บมาก พยายามกินน้ำเยอะเพราะรมยา ต้องใส่ท่อช่วย ผลคือมันจะมีเสมหะในคอหลังจากนั้นมันจะทำให้เราเจ็บแผลมากเวลาไอหรือจามวิธีนี้ช่วยได้จริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดมดลูก
เราอายุ 30 ปี น้ำหนัก 110 กก.
เล่าไปถึงว่าเรามาผ่าตัดครั้งนี้ได้ยังไง คือเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว เรามีประจำเดือนออกมากทุกวันพร้อมลิ่มเลือดที่ใหญ่มาก เป็นเวลา 8 วัน ก่อนหน้านี้ไม่มีอาการอะไรนอกจาก ประจำเดือนเรามาช้าบ้าง ไม่มาบ้าง แต่รอบนี้มันมาแบบเราตกใจมากแต่เราก็ยังไม่ชะล่าใจ เพียงแต่ค้นหาในเน็ต จนเลยมาถึงวันที่ 8 ของการมีเลือดออกเราถึงจะไปหาหมอ พอไปถึงหมอก็จับเราแอดมิทพร้อมขูดมดลูกเร่งด่วน เพราะหมอแจ้งว่าผนังมดลูกเราหนามาก 1 ซม.กว่า ๆ หลังจากนั้นเราก็รอฟังผลอีก 1 อาทิตย์ถัดมา ภายในหนึ่งอาทิตย์นี้เราก็ลุ้นกลัวว่าผลออกมาเป็นยังไง กลัวเป็นมะเร็ง กลัวไปหมดแต่เราก็ยังทำตัวปกตินะ เพราะเราก็คิดว่าคงไม่เป็นเราเพิ่งมีอาการครั้งนี้ครั้งเดียวเอง คงไม่เป็นง่ายๆอีกใจก็คิดว่าถ้าเป็นเราจะต้องทำตัวยังไง
แล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึง หมอนัดเราฟังผล 31 ธันวาพอดี ผลออกมาเราทำตัวไม่ถูกจะร้องก็ร้องไม่ได้เพราะคราวนี้แม่เราไปฟังผลกับเราด้วย หมอบอกจากผลแล็บเราเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก grad 2 แต่ระยะไหนหมอบอกไม่ได้เพราะมะเร็งประเภทนี้รู้ก็คือต้องผ่าออกมาดูตอนผ่าเท่านั้น วันนั้นเราเบลอมากอะไรก็รวดเร็วไปหมด หมอส่งเราไปตรวจค่าเลือด เอ็กซ์เรย์ และให้เรามา ct อีกครั้งวันที่ 2 มกรา พร้อมส่งเราต่อให้กับหมออีกท่านที่เชี่ยวชาญเรื่องมะเร็งในสูตินรีเวช และเราอาจจะต้องผ่าภายในวันที่ 4-5 มกรา
วันที่ 3 มกรา วันที่เราเจอหมอท่านที่ผ่าตัดให้เรา พร้อมฟังผล ผลออกมาคือเรายังไม่สามารถผ่าได้ เพราะเบาหวานเราขึ้นสูง 211 หมอให้เราลดน้ำหนักแล้วส่งตัวให้หมออายุรกรรมดูแลเรื่องน้ำตาลของเราก่อนผ่าตัด เพราะหมอกลัวภาวะแทรกซ้อนของเราจะมีผลต่อการผ่าตัด ในวันที่ 7 มกรา เรามีเวลาจากวันที่ 3-7 มกรา ในการลดน้ำตาลด้วยตัวเอง เราพยายามมากเพราะเราไม่อยากกินยาเบาหวาน เราควบคุมอาหาร โดยการลดแป้ง และการปรุง เรากินผัก ปลาและไก่อบทุกมื้อ จนเรามาหาหมอทำการวัดน้ำตาล น้ำตาลเราเหลือ 154 หมออายุรกรรมเลยนัดเราดูค่าน้ำตาลหลังจากนี้อีก 4 เดือนและลงความเห็นให้เราผ่าตัดได้ เราจึงกลับมาหาหมอที่ทำการผ่าเราอีกครั้ง และเราก็ได้วันผ่ามาเรียบร้อย คือวันที่ 13 มกรา ที่ผ่านมา
วันผ่าตัดมาถึงเราต้องแอดมิท ในวันที่ 12 เพื่อเตรียมตัวผ่าตัดในวันที่ 13 มาถึงรพ.บ่าย 3 หมอให้เรากินอาหารเหลวใส พอ 2 ทุ่ม พยาบาลก็มาพร้อมยาถ่าย 2 เหยือก ให้เรากินให้หมด ภายใน 3 ทุ่มครึ่ง เพื่อที่เราจะได้นอนให้พอ ไม่ต้องถ่ายตอนดึกๆ พอ 4 ทุ่มพยาบาลก็มียาคลายเครียดเพื่อให้เราหลับเพียงพอ มาให้เรากิน ช่วง 8 โมงของวันที่ 13 พยาบาลก็มาจัดการโกนขน และใส่สายปัสวะก่อนที่ เกือบๆ 10 โมงพนักงานเปลจากห้องผ่าตัดก็มารับเราไปที่ห้องผ่าตัด
พอถึงห้องผ่าตัดหมอก็ซักประวัติถามชื่อ ถามว่ามาผ่าอะไร เสร็จหมอที่ห้องผ่าตัดก็แจ้งว่าเคสเราบล็อคหลังไม่ได้คงต้องดมยาและอธิบายเอาสายที่ต้องใส่คอเรามาให้เราดู เอายามารมให้เราสูดลึกๆ แล้วเราก็ไม่รู้สึกตัวเลย มาฟื้นอีกที่ ตอนบ่าย 2 กว่าๆ หมอและพยาบาลในห้องผ่าตัดบอกให้เราขยับพลิกตัวบ่อยๆจะได้ไม่เป็นผังผืด พอช่วง 1 ทุ่ม หมอที่ผ่าเราก็มาเยี่ยม บอกว่าวันรุ่งขึ้นให้เราเดินเยอะๆ แม่เราถามหมอว่าผลเป็นไงบ้าง หมอบอกว่ารอฟังผลแล็บ และหมอตัดมดลูกของเราออกหมดพร้อมท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้าง (หมอไม่บอกเพราะหลังจากฟังผลหมอบอกเราว่า มดลูกเราบวมมาก เลยอยากให้ฟังจากผลแล็บ) เราอยู่รพ. ทั้งหมด 4 วัน เราก็พยายามเดินให้มากตามที่หมอและพยาบาลบอก วันออกจากรพ.หมอบอกว่ากลับบ้านพยายามอย่าเดินเยอะ และนัดเรามาดูแผล ในวันที่ 19
วันที่ 19 เรามาฟังผลพร้อมเอาแม็กที่เย็บแผลไว้ออก ผลที่ออกมาคือเราเป็นมะเร็งจริง เป็นในระยะเริ่มต้นยังไม่ลามไปต่อมน้ำเหลือง ไม่เข้าท่อนำไข่ และยังไม่กินเนื้อมดลูก เป็นเพียงแค่เยื่อบุเท่านั้น ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม และนัดให้มาดูอาการอีกครั้ง 3 เดือน เราถามหมอให้มั่นใจ และถามถึงวิธีดูแลตัวเองหมอบอกว่าเราต้องลดน้ำหนักให้อยู่ที่ 60 กก. ตามเกณฑ์ที่ควรจะเป็นเพราะเราอ้วน แบบเสี่ยงตายมาก ให้ระวังจะเป็นมะเร็งเต้านมในอนาคตถ้าเรายังไม่ดูแลตัวเอง และ เรื่องยาที่ต้องกินเสริมหมอบอกเราอายุยังน้อย 3 เดือนให้ดูอาการและจะมาคุยกันหลังจากอัพเดทอาการก่อนว่าเราควรกินอะไร ส่วนยาทาหมอบอกเบิกไม่ได้เพราะว่าเราใช่สิทธิ์ประกันสังคม ยาไม่ได้เข้าร่วมในบัญชี และหมอแนะนำให้ไปปรึกษาเภสัชที่ร้านขายยา ทาแผลพร้อมอาบน้ำได้ในวันรุ่งขึ้นตอนเย็น
ตอนนี้ก็ 3 อาทิตย์แล้วหลังจากเราผ่าตัด เราอยากแชร์ประสบการ์ณของเราให้ทุกคน ว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิดและโรคร้ายก็ไม่ไกลตัวเราเลย เราถือว่าโชคดีมากที่เราเจอเร็ว เราอยากขอบคุณคุณหมอทั้ง 3 คนมากที่ทำให้เราได้รับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว
ขอแถมหน่อยเรื่องแผลเราอ้วนมาก แผลเราจึงผ่ายาก เราผ่าแนวขวางในแนวบิกกินี่ แต่ความยาวมันยาวจนน่ากลัวมากเพราเแผลเรายาว เกือบ 10 นิ้ว เรื่องยาที่ทาเราใช้ เดอร์มาติกซ์ อัลตร้า แต่แผลเราก็ยังบอกอะไรไม่ได้ ว่ามันจะนูนอย่างที่กลัวรึป่าว เราไม่ได้ถ่ายตอนก่อนมาถอดแม็กไว้ เราเลยเอารูปมาฝากแค่แผลที่ถอดแม็กซ์ออกวันแรกและแผลปัจจุบัน
ของเราหลังจากถอดแม็ก หมอไม่ได้ติดพลาสเตอร์ไว้เพราะเราแพ้พลาสเตอร์ เราอยากบอกว่าแผลที่แพ้พลาสเตอร์ทำเราร้องไห้และเจ็บกว่าแผลผ่าตัดมาก
อีกอย่างคือพยาบาลแนะนำว่าเวลา ไอ หรือจาม ให้หาหมอนมากดไว้ที่แผล จะได้ไม่เจ็บมาก พยายามกินน้ำเยอะเพราะรมยา ต้องใส่ท่อช่วย ผลคือมันจะมีเสมหะในคอหลังจากนั้นมันจะทำให้เราเจ็บแผลมากเวลาไอหรือจามวิธีนี้ช่วยได้จริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้