What's not down, mate?!
กระทู้นี้มาดู "
13 สูตรเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้เริ่มต้น"
แต่เห็นผลเร็วช้าขึ้นอยู่กับความขยัน เพียงแค่หยิบไปใช้สักข้อสองข้อ หรือเอาไปหมดเลยยิ่งดี!
Let's roll!
_____
1.
หาหนังสือแกรมมาร์สักเล่ม
ไปซื้อมาเก็บไว้เลย ผมแนะนำชุดหนังสือแกรมมาร์ของ Cambridge และ Oxford เพราะมันมีทั้งเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษและภาษาไทย ซื้อมาทั้งสองเวอร์ชั่นและอ่านวันละบททั้งไทยและอังกฤษ (อ่านเรื่องเดียวกันเริ่มโดยเริ่มจากภาษาไทย) และทำแบบฝึกหัดด้วย แบบนี้จะทำให้เราเข้าใจแกรมมาร์ได้ง่ายและลึกซึ้งขึ้น
_____
2.
โหลดแอป Dictionary
สำหรับ IPhone คือแอป ThaiFastDict ส่วน Dict Eng-Eng ผมแนะนำ Merriam-Webster หรือจะเข้าไปในเว็บไซต์ก็ได้ Eng-Thai คือเว็บ Longdo, Sanook etc. ส่วน Eng-Eng คือเว็บ Cambridge, Oxford, Collins, Longman, Macmillian etc.
_____
3.
หาซีรีส์ดูหนึ่งเรื่อง
เริ่มต้นจากเรื่องง่าย ๆ เช่น Stranger Things, How I Met Your Mother, Sick Notes, The End of The F**king World, The Punisher etc. ดูไปวันละตอน แบบซับไทยหรือซับ Eng ก็ได้ (รอโพสต์แนะนำซีรีส์เดี๋ยวผมทำมาให้) เจอประโยคดี ๆ ก็จดเก็บไว้บ้าง
_____
4.
ฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษจาก Youtube
เข้าไปยูทูปแล้วพิมพ์ไปว่า English Conversation, Everyday Conversation, Conversation at work etc. อะไรก็ว่าไป แล้วเลือกฟังที่เราสนใจ (จริง ๆก็ลองฟังไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ ถูกใจคลิปไหนค่อยดูจนจบ) ส่วนมากวิดีโอพวกนี้จะยาว แบ่งฟังวันละ 20 - 30 นาทีก็พอ
_____
5.
เรียนจากแอป BBC Learning English
ไปโหลดมาเก็บไว้เลย หรือใครไม่สะดวกโหลดแอปก็ไปที่เว็ปของเขาก็ได้ อย่างน้อยต้องฟังวันละ 2 - 3 บทและจดคำศัพท์หรือความรู้แกรมมาร์ใหม่ ๆ เก็บไว้เสมอ มีกระทู้สอนใช้งานอยู่ลองไปหาอ่านดู (ชื่อกระทู้ว่า 'แอปเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในโลก') หรือถ้าไม่สะดวกโหลดแอปก็ไปที่เว็บไซต์ของเขาก็ได้
_____
6.
หาแบบฝึกหัดทำใน google ทุกวัน (ตามเรื่องที่เราเรียนจากข้อ 1)
สมมติว่าวันนี้เราอ่านแกรมมาร์เรื่อง Present Tense นอกจากจะทำแบบฝึกหัดในหนังสือแล้ว อย่าลืมเข้าไปกูเกิ้ลแล้วพิมพ์ว่า 'present simple tests' 'quiz for present simple' หรือ 'present simple exercise' ก็ได้ ทำสัก 1 - 2 เว็บต่อวัน (ส่วนจะทำเว็บไหนก็เลือกเอาตามที่ชอบเลย ดูเอาว่าเว็บไหนเข้าท่า)
_____
7.
รู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษของสิ่งของทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา
เริ่มจากห้องนอนไปจนถึงห้องเรียน/ห้องทำงาน เอาง่าย ๆ คือ ไม่ว่าเราจะอยู่ห้องไหนบนโลกนี้ มองหาสิ่งของต่าง ๆ ในห้องนั้นและหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้มันเสมอ! อย่าลืมจดเก็บไว้ด้วย (นี่แหละเป็นเหตุผลที่ต้องมีแอป dictionary)
_____
8.
ทำความเข้าใจหนังสือจัดหมวดคำศัพท์ (2 วัน/บท)
'หนังสือจัดหมวดคำศัพท์' ในที่นี้หมายถึงพวกหนังสือที่มีคำศัพท์กับรูปภาพให้เรา ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงแรม, ห้องนอน, สวนสัตว์ อะไรประมาณนี้ ส่วนมากจะชอบใช้หนังสือว่า "4500 คำศัพท์ที่ควรรู้" หรือ "3000 คำศัพท์ตามหมวดหมู่" แบบนี้ ซื้อมาเก็บไว้สักเล่มสองเล่มและอ่านทบทวนให้เป็นนิสัย
_____
9.
ศึกษา 'Phonetics'
มันคือสัญลักษณ์แทนเสียง ที่จะช่วยให้เราออกเสียงภาษาอังกฤษได้ชัดขึ้น และช่วยในการฟังด้วย เราจะเจอมันอยู่ใน dictionary อยู่เครื่องหมาย "/ /" ถ้าเราอ่านมันออกจะดีมากเพราะเราจะออกเสียงคำนั้นได้ถูกต้องโดยที่ไม่ต้องไปฟังจากเจ้าของภาษาเลย ประหยัดเวลาได้เยอะ หรือบางทีเราไม่แน่ใจว่าเราได้ยินเสียง/ออกเสียงคำนี้ถูกไหม ก็มาเชคกับตัวโฟเนติคก็ได้ (ผมมีกระทู้ชื่อว่า 'an introduction to phonetics')
_____
10.
เริ่มอ่านพ็อคเก็ตบุ๊คที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ (2 อาทิตย์/เล่ม)
ลองไปเดินร้านหนังสือแล้วหาซื้อมาอ่านดู พวกหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออธิบายสำนวน สอนรากศัพท์ บทสนทนา หรือคอนเซปต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เริ่มอ่านหนังสือพวกนี้บ้าง หนึ่งคือการเรียนภาษาอังกฤษจะได้สนุกขึ้น และสองคือวงการพ็อคเก็ตบุ๊คเกี่ยวกับภาษาอังกฤษจะได้บูมกว่านี้!
_____
11.
หาวงดนตรีอังกฤษ/อเมริกันที่ชอบ
โหลดอัลบั้มเขามาเก็บไว้ในโทรศัพท์ ฟังและทำความเข้าใจให้หมดทุกคำศัพท์และประโยคภายใน 1 เดือน จะได้เข้าใจภาษาเพลง และการแต่งประโยคสวย ๆ รวมไปถึงแรงบันดาลใจในการฝึกภาษาด้วย พอจบนักร้องคนนี้ก็หาคนใหม่ หรือจะศึกษาอัลบั้มต่อ ๆ ไปของเขาก็ได้
_____
12.
ฝึกท่องสคริปต์นักข่าวจากรายการ Words in the news ใน Youtube
จดสคริปต์ เปิดคลิปฟัง และฝึกพูดตาม เน้นเรื่องการขึ้นเรื่องสูงต่ำ (intonation) และการเน้นพยางค์ (word stress) พูดง่าย ๆ คือก็อปเขาให้เหมือนเลย พยายามทำ ไม่มีใครเหมือน 100 เปอร์เซนต์ แต่คนเรามันก็ต้องพัฒนาอยู่แล้วถ้าฝึกแบบไม่ขาดช่วง แล้วสำเนียงจะเป๊ะขึ้นแน่!
_____
13.
ท่องศัพท์ Oxford 3000 Keywords
วันละ 10 - 15 คำ เริ่มจาก verb, adjective, noun, adverb, preposition และจบที่ conjunction แบ่งท่องเป็นหมวดหมู่จะได้ง่ายต่อการทบทวนและนำไปใช้ สามพันคำฟังดูเหมือนเยอะแต่เอาจริงไม่เยอะเลย เพราะหลายคำก็ความหมายใกล้เคียงหรืออยู่ในตระกูลศัพท์เดียวกัน ท่องและทบทวนไปจนครบนั่นแหละ (กระทู้ 'วิธีท่องศัพท์แบบชาญฉลาด')
_____
และไม่ต้องกลัวจะลืมเรื่องที่เรียนมาในแต่ละวัน เราเรียนเพื่อลืมนี่แหละ แต่ลืมแล้วต้องกลับมาทบทวน ไม่มีใครจำได้หมดด้วยการอ่านเพียงครั้งสองครั้งหรอกน่า!
หวังว่าจะพอทำให้เกิดไอเดียหรือมีแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาได้บ้างนะ ไม่ยากไม่ง่าย ทุกคนทำได้แน่นอน
'
ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่:
https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/ (Page:
พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay knowledge-hungry
JGC.
13 สูตรเรียนภาษาอังกฤษสำหรับ Beginner!
กระทู้นี้มาดู "13 สูตรเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้เริ่มต้น"
แต่เห็นผลเร็วช้าขึ้นอยู่กับความขยัน เพียงแค่หยิบไปใช้สักข้อสองข้อ หรือเอาไปหมดเลยยิ่งดี!
Let's roll!
_____
1. หาหนังสือแกรมมาร์สักเล่ม
ไปซื้อมาเก็บไว้เลย ผมแนะนำชุดหนังสือแกรมมาร์ของ Cambridge และ Oxford เพราะมันมีทั้งเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษและภาษาไทย ซื้อมาทั้งสองเวอร์ชั่นและอ่านวันละบททั้งไทยและอังกฤษ (อ่านเรื่องเดียวกันเริ่มโดยเริ่มจากภาษาไทย) และทำแบบฝึกหัดด้วย แบบนี้จะทำให้เราเข้าใจแกรมมาร์ได้ง่ายและลึกซึ้งขึ้น
_____
2. โหลดแอป Dictionary
สำหรับ IPhone คือแอป ThaiFastDict ส่วน Dict Eng-Eng ผมแนะนำ Merriam-Webster หรือจะเข้าไปในเว็บไซต์ก็ได้ Eng-Thai คือเว็บ Longdo, Sanook etc. ส่วน Eng-Eng คือเว็บ Cambridge, Oxford, Collins, Longman, Macmillian etc.
_____
3. หาซีรีส์ดูหนึ่งเรื่อง
เริ่มต้นจากเรื่องง่าย ๆ เช่น Stranger Things, How I Met Your Mother, Sick Notes, The End of The F**king World, The Punisher etc. ดูไปวันละตอน แบบซับไทยหรือซับ Eng ก็ได้ (รอโพสต์แนะนำซีรีส์เดี๋ยวผมทำมาให้) เจอประโยคดี ๆ ก็จดเก็บไว้บ้าง
_____
4. ฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษจาก Youtube
เข้าไปยูทูปแล้วพิมพ์ไปว่า English Conversation, Everyday Conversation, Conversation at work etc. อะไรก็ว่าไป แล้วเลือกฟังที่เราสนใจ (จริง ๆก็ลองฟังไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ ถูกใจคลิปไหนค่อยดูจนจบ) ส่วนมากวิดีโอพวกนี้จะยาว แบ่งฟังวันละ 20 - 30 นาทีก็พอ
_____
5. เรียนจากแอป BBC Learning English
ไปโหลดมาเก็บไว้เลย หรือใครไม่สะดวกโหลดแอปก็ไปที่เว็ปของเขาก็ได้ อย่างน้อยต้องฟังวันละ 2 - 3 บทและจดคำศัพท์หรือความรู้แกรมมาร์ใหม่ ๆ เก็บไว้เสมอ มีกระทู้สอนใช้งานอยู่ลองไปหาอ่านดู (ชื่อกระทู้ว่า 'แอปเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในโลก') หรือถ้าไม่สะดวกโหลดแอปก็ไปที่เว็บไซต์ของเขาก็ได้
_____
6. หาแบบฝึกหัดทำใน google ทุกวัน (ตามเรื่องที่เราเรียนจากข้อ 1)
สมมติว่าวันนี้เราอ่านแกรมมาร์เรื่อง Present Tense นอกจากจะทำแบบฝึกหัดในหนังสือแล้ว อย่าลืมเข้าไปกูเกิ้ลแล้วพิมพ์ว่า 'present simple tests' 'quiz for present simple' หรือ 'present simple exercise' ก็ได้ ทำสัก 1 - 2 เว็บต่อวัน (ส่วนจะทำเว็บไหนก็เลือกเอาตามที่ชอบเลย ดูเอาว่าเว็บไหนเข้าท่า)
_____
7. รู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษของสิ่งของทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา
เริ่มจากห้องนอนไปจนถึงห้องเรียน/ห้องทำงาน เอาง่าย ๆ คือ ไม่ว่าเราจะอยู่ห้องไหนบนโลกนี้ มองหาสิ่งของต่าง ๆ ในห้องนั้นและหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้มันเสมอ! อย่าลืมจดเก็บไว้ด้วย (นี่แหละเป็นเหตุผลที่ต้องมีแอป dictionary)
_____
8. ทำความเข้าใจหนังสือจัดหมวดคำศัพท์ (2 วัน/บท)
'หนังสือจัดหมวดคำศัพท์' ในที่นี้หมายถึงพวกหนังสือที่มีคำศัพท์กับรูปภาพให้เรา ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงแรม, ห้องนอน, สวนสัตว์ อะไรประมาณนี้ ส่วนมากจะชอบใช้หนังสือว่า "4500 คำศัพท์ที่ควรรู้" หรือ "3000 คำศัพท์ตามหมวดหมู่" แบบนี้ ซื้อมาเก็บไว้สักเล่มสองเล่มและอ่านทบทวนให้เป็นนิสัย
_____
9. ศึกษา 'Phonetics'
มันคือสัญลักษณ์แทนเสียง ที่จะช่วยให้เราออกเสียงภาษาอังกฤษได้ชัดขึ้น และช่วยในการฟังด้วย เราจะเจอมันอยู่ใน dictionary อยู่เครื่องหมาย "/ /" ถ้าเราอ่านมันออกจะดีมากเพราะเราจะออกเสียงคำนั้นได้ถูกต้องโดยที่ไม่ต้องไปฟังจากเจ้าของภาษาเลย ประหยัดเวลาได้เยอะ หรือบางทีเราไม่แน่ใจว่าเราได้ยินเสียง/ออกเสียงคำนี้ถูกไหม ก็มาเชคกับตัวโฟเนติคก็ได้ (ผมมีกระทู้ชื่อว่า 'an introduction to phonetics')
_____
10. เริ่มอ่านพ็อคเก็ตบุ๊คที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ (2 อาทิตย์/เล่ม)
ลองไปเดินร้านหนังสือแล้วหาซื้อมาอ่านดู พวกหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออธิบายสำนวน สอนรากศัพท์ บทสนทนา หรือคอนเซปต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เริ่มอ่านหนังสือพวกนี้บ้าง หนึ่งคือการเรียนภาษาอังกฤษจะได้สนุกขึ้น และสองคือวงการพ็อคเก็ตบุ๊คเกี่ยวกับภาษาอังกฤษจะได้บูมกว่านี้!
_____
11. หาวงดนตรีอังกฤษ/อเมริกันที่ชอบ
โหลดอัลบั้มเขามาเก็บไว้ในโทรศัพท์ ฟังและทำความเข้าใจให้หมดทุกคำศัพท์และประโยคภายใน 1 เดือน จะได้เข้าใจภาษาเพลง และการแต่งประโยคสวย ๆ รวมไปถึงแรงบันดาลใจในการฝึกภาษาด้วย พอจบนักร้องคนนี้ก็หาคนใหม่ หรือจะศึกษาอัลบั้มต่อ ๆ ไปของเขาก็ได้
_____
12. ฝึกท่องสคริปต์นักข่าวจากรายการ Words in the news ใน Youtube
จดสคริปต์ เปิดคลิปฟัง และฝึกพูดตาม เน้นเรื่องการขึ้นเรื่องสูงต่ำ (intonation) และการเน้นพยางค์ (word stress) พูดง่าย ๆ คือก็อปเขาให้เหมือนเลย พยายามทำ ไม่มีใครเหมือน 100 เปอร์เซนต์ แต่คนเรามันก็ต้องพัฒนาอยู่แล้วถ้าฝึกแบบไม่ขาดช่วง แล้วสำเนียงจะเป๊ะขึ้นแน่!
_____
13. ท่องศัพท์ Oxford 3000 Keywords
วันละ 10 - 15 คำ เริ่มจาก verb, adjective, noun, adverb, preposition และจบที่ conjunction แบ่งท่องเป็นหมวดหมู่จะได้ง่ายต่อการทบทวนและนำไปใช้ สามพันคำฟังดูเหมือนเยอะแต่เอาจริงไม่เยอะเลย เพราะหลายคำก็ความหมายใกล้เคียงหรืออยู่ในตระกูลศัพท์เดียวกัน ท่องและทบทวนไปจนครบนั่นแหละ (กระทู้ 'วิธีท่องศัพท์แบบชาญฉลาด')
_____
และไม่ต้องกลัวจะลืมเรื่องที่เรียนมาในแต่ละวัน เราเรียนเพื่อลืมนี่แหละ แต่ลืมแล้วต้องกลับมาทบทวน ไม่มีใครจำได้หมดด้วยการอ่านเพียงครั้งสองครั้งหรอกน่า!
หวังว่าจะพอทำให้เกิดไอเดียหรือมีแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาได้บ้างนะ ไม่ยากไม่ง่าย ทุกคนทำได้แน่นอน
'ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่: https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/ (Page: พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay knowledge-hungry
JGC.