จ๋าBNK48​ กับความสามารถทางการแสดงจาก​ระดับ F-​ สู่ A+

จ๋า​ BNK48​ ชื่อนี้สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามวงอาจจะไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่นัก​ แต่ถ่าเอ่ยถึงปัทมาวัยเด็ก​ เวอร์ชั่นล่าสุดจากช่อง​ 7​ อาจทำให้แฟนละครร้อง​อ๋อออกันได้บ้าง

น้องจ๋าเคยเป็นเด็กขี้อายที่ไม่ยอมคุยกับใครนอกจากพ่อแม่ของตัวเองถึงขนาดแม่ต้องส่งไปเรียนการแสดงเพื่อให้จ๋ากล้าแสดงออกมากขึ้น

นิสัยชอบเก็บตัว ไม่อยากคุยกับคนอื่นของจ๋าเริ่มหายไปตั้งแต่เมื่อไร
พอนิสัยของจ๋าไม่หายสักที ช่วงอายุประมาณ 7 ขวบ แม่ก็เลยมีความคิดว่าอยากส่งให้ไปเรียนการแสดง ให้เรากล้าแสดงออก กล้าพูดกับคนอื่นมากขึ้น ตอนแรกจ๋าก็งอแงไม่อยากไปเหมือนเดิม ทะเลาะกับแม่ตั้งแต่อยู่บนรถ บอกว่าทำไมต้องส่งเรามาเรียนด้วย แต่แม่ไม่สนใจแล้ว พอไปถึงลากเข้าห้องไปเลย (หัวเราะ) แล้วพอไปถึงคุณครูก็ดุมาก ก็ร้องไห้ตั้งแต่ไปถึง แต่พอเริ่มคลาส สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องแสดง 4 อารมณ์คือ ดีใจ โกรธ เศร้า แล้วก็ร้องไห้ ซึ่งจ๋าทำไม่ได้สักอย่างเลย ขนาดร้องไห้หนักๆ อยู่ แต่พอครูบอกให้ร้องไห้ น้ำตามันดันหยุดไหลขึ้นมา เหมือนมีความรู้สึกต่อต้านอยู่ในใจ แล้วเป็นแบบนั้นอยู่หลายครั้งเลยนะ
จนครั้งหนึ่งโดนครูเรียกไปว่าหน้าชั้นเรียน บอกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ถ้าให้เกรดของจ๋าจะได้ F- ซึ่งน้อยกว่ามาตรฐานที่ต่ำสุดอีก (หัวเราะ) เพราะเราทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ทำแบบนี้พ่อแม่ไม่เสียใจเหรอที่เสียเงินส่งเรามาเรียน ทำไมไม่ตั้งใจให้มากกว่านี้ แล้วครูก็ว่าไปเรื่อยๆ จนร้องไห้จนได้ แล้วเขาก็ชมเราทันทีเลย บอกว่าจำอารมณ์นี้เอาไว้ให้ดีๆ นะ หลังจากนั้นเหมือนปลดล็อกความรู้สึกในตัว กลายเป็นไม่ว่าจะให้ทำอารมณ์ไหน หัวเราะ ดีใจ ร้องไห้ โกรธ จ๋าก็ทำได้หมดเลย เริ่มมีความกล้าแสดงออกมากขึ้น จนเริ่มมีคนทาบทามให้ไปเล่นละคร และเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการ  

จากเด็กที่ได้เกรด F- กลายเป็นเกรดอะไรในเวลาต่อมา
A+ ทุกครั้งเลยค่ะ แต่ถามว่าชอบการแสดงตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือเปล่า ก็ยังไม่แน่ใจนะ เอาจริงๆ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันสนุกจริงๆ หรือเปล่า แต่เหมือนพอได้เรียนไปเรื่อยๆ กลายเป็นซึมซับสิ่งเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในตัว พอรู้ตัวอีกทีก็ไม่ได้เกลียด ไม่ได้รู้สึกยี้ว่าจะต้องไปเรียนการแสดงอีกแล้ว
พอเริ่มแสดงละคร นิสัยชอบเก็บตัวก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องรู้จักปรับตัวที่จะคุยกับคนอื่น เพราะแม่ไม่ได้มาคอยดูแลเราได้ตลอดเวลา เวลาไม่รู้เรื่องตรงไหนก็ต้องถามพี่ๆ ในกองถ่าย กินข้าวร่วมกับคนอื่น ได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เริ่มสนิทกัน ทำให้จ๋าเริ่มมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมากขึ้น

เท่าที่ไปตามดูผลงานเก่าๆ ของจ๋ามา จะเห็นว่ามีแต่บทโหดๆ ต้องร้องไห้ หรือเป็นเด็กมีปัญหาทั้งนั้นเลย
สงสัยเพราะการร้องไห้ที่ครูสอนในวันนั้นล่ะค่ะ (หัวเราะ) เลยทำให้จ๋าเป็นเด็กไม่กี่คนที่ร้องไห้แบบสั่งได้ ตั้งแต่บทเด็กป่วยเป็นธาลัสซีเมียในเรื่องแรก จนมาเป็นคนบ้าในละครเรื่อง ขุนเดช ที่ต้องร้องไห้ทุกฉาก กรี๊ดทุกฉาก หรือบทปัทมาในเรื่อง ขมิ้นกับปูน ก็มีแต่ซีนดราม่า เหวี่ยงอารมณ์ทั้งนั้น จนอายุประมาณ 11 ขวบที่เลิกเล่นละคร น่าจะผ่านละครมาประมาณ 10 เรื่อง ก็มีแต่บทร้องไห้ทั้งนั้น ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เพราะบางทีจ๋าก็อยากเล่นเป็นเด็กๆ ที่มีความสุขกับเขาบ้างเหมือนกันนะ (หัวเราะ)

ผลงานที่ผ่านมา
พ.ศ.2554 รักนี้... ไม่มีวันจาง​ (ช่อง​ 9)​
พ.ศ.2555​ ขุนเดช​ (ช่อง​ 7)
พ.ศ.2556 หน้าต่างสีรุ้ง​ (Thai​ PBS)​
พ.ศ.2557 บ้านของเรา​ (ช่อง​ 7)
                  พราว​ (ช่อง​ 7)
                  ลีลาวดีสีเพลิง​ (ช่อง​ 7)
พ.ศ.2558 แหวนทองเหลือง​ (ช่อง​ 8)
พ.ศ.2559 กำไลมาศ​ (ช่อง​ 3)
                 ขมิ้นกับปูน​ (ช่อง​ 7)

รักนี้... ไม่มีวันจาง

ขุนเดช

พราว

ลีลาวดีสีเพลิง

กำไลมาศ

ขมิ้นกับปูน


จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เริ่มปีแรกของการแสดงน้องจ๋ามีผลงานต่อเนื่องมาตลอดทุกปีจนมาถึงเรื่องปีล่าสุด​ เรื่องขมิ้นกับปูนเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นผลงานของน้องที่ถูกพูดถึงมากที่สุด​
ในงานประกาสผลของ​ Nine​ ​Entertain​ awards​ ปี2560 เรื่องขมิ้นกับปูนได้เข้าชิงละครแห่งปี​ ซึ่งในตัวอย่างละครที่ได้เข้าชิงก็มีฉากของน้องจ๋ารวมอยู่ด้วย

และ​ในปีนั้นน้องจ๋าที่เริ่มต้นในเส้นทางไอดอลก็ได้เข้าร่วมงานในฐานะของสมาชิกวง​ BNK48
หลังจากเข้าวงมาน้องก็ไม่มีผลงานทางการแสดงอีกเลยเพราะต้องทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมและการแสดงในฐานะสมาชิกBNK48

แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าทางวงจะเริ่มให้ความสำคัญกับผลงานเกี่ยวกับการแสดงมากขึ้น
ตัวน้องเองเรียนการแสดงมาตั้งแต่อายุ 7​ ขวบตอนนี้น้องอายุ​ 16​ เรียกได้ว่ามากกว่าครึ่งชีวิตของน้องเลย​ อยากให้น้องได้แสดงศักยภาพ​ที่มี

ก็หวังว่าในอนาคตเราจะได้เห็น​น้องจ๋าBNK48​ ในฐานะนักแสดงอีกครั้งนึง

ขอบคุณบทสัมภาษณ์​จาก​ Thestandard
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่