"มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค" เผย รพ.เอกชนโขกค่ายาแพง 400 เท่า! เสนอคุมค่ารักษาให้อ้างอิงราคา "สิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉิน"

... " มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค" เผย รพ.เอกชนโขกค่ายาแพง 400 เท่า! เสนอคุมค่ารักษาให้อ้างอิงราคา "สิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉิน "...

          ที่มา     :     https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000009777
                          เผยแพร่: 29 ม.ค. 2562 02:37   โดย: ผู้จัดการออนไลน์
_______________________________________________________________________________________________________

"เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค" เผยข้อมูลโรงพยาบาลเอกชนโขกค่ายาแพงกว่ารัฐ 70 - 400 เท่า กรณีต้อกระจก 11.7 เท่า ไส้ติ่ง 8.3 เท่า เสนอควบคุมค่ารักษาโดยอ้างอิงราคาจาก "สิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉิน" ซึ่งทุกโรงพยาบาลเอกชนเสนอมาเอง เพื่อใช้ในการรักษาคนไข้ภาวะวิกฤตแล้วไปเบิกกับรัฐ มั่นใจไม่ขาดทุนแน่นอนเพราะคนจะเข้าใช้บริการมากขึ้น 

วันที่ 28 ม.ค. 62 น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอาอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง "นิวส์วัน" ภายใต้หัวข้อ "เปิดสูตร คุมค่ายา-ค่ารักษาฯ รพ.เอกชน" โดยกล่าวว่า ค่ารักษาพยาบาลที่แพงเกินจริงสำหรับโรงพยาบาลเอกชน ทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงบริการ และทำให้ได้รับการรักษาเกินพอดี ยกตัวอย่างมีกรณีถูกมีดบาดมือ 1 เซ็นติเมตร ถูกเข้าห้องผ่าตัดหมดเงินไป 6 หมื่นกว่าบาท ล่าสุดพบเคสผ่าตัดสมองค่าใช้จ่าย 8 แสนบาท บางรายพุ่งไปถึง 40 ล้านบาท นี่คือข้อมูลที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้รับร้องเรียนมา แต่ทำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะไม่มีหลักเกณฑ์ พอร้องมาก็ให้โรงพยาบาลไปตรวจสอบแล้วก็เงียบไป และที่หนักสุดคือคนไข้พอไม่มีเงินจ่ายก็ถูกโรงพยาบาลฟ้องคดี

น.ส.สารี กล่าวอีกว่า โรงพยาบาลเอกชนอยากทำเพียงแค่แจ้งราคา ซึ่งราคามันเป็นเรื่องของแต่ละโรงพยาบาล เช่นผ่าตัดสมองจากเส้นเลือดในสมองแตก กรณีฉุกเฉินจ่ายผ่านระบบยูเซป (UCEP) เอกชนจะสามารถเบิกได้ 2 แสนนิด ๆ โดยคนไข้ไม่ต้องเสียเงิน แต่กรณีที่โดน 8 แสนบาทถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอื่น ก็ต้องมาดูว่าเป็นธรรมหรือไม่เมื่อเทียบเคียงกับราคา 2 แสนกว่า หรือบัตรทองจ่ายอยุ่ที่ 5 หมื่น - 1 แสนบาทเท่านั้นเอง ซึ่งเราอยากเห็นการกำกับค่ารักษาพยาบาลโดยมีราคาอ้างอิง เทียบกับสิงคโปร์ก็ได้ โรงพยาบาลเอกชนต่างกับรัฐบาล 2.5 เท่า เท่านั้นเอง ซึ่งราคา 2 แสนนี้โรงพยาบาลไม่ขาดทุน เพราะเป็นราคาที่โรงพยาบาลเอกชนทุกโรงพยาบาลร่วมกันคิด 

ถ้าโรงพยาบาลเอกชนมีเป้าหมายเพื่อลดความหนาแน่นของโรงพยาบาลรัฐ มันไม่ควรแพงถึงขั้นค่ายาต่างกัน 70 -400 เท่า กรณีต้อกระจก 11.7 เท่า กรณีไส้ติ่ง 8.3 เท่า 

น.ส.สารี กล่าวด้วยว่า เสนอควรใช้แนวทางที่เอกชนยอมรับในทางการแพทย์ฉุกเฉินเป็นต้นแบบ แล้วมาดูกันว่าในภาวะปกติจะให้คิดแพงกว่ากี่เท่า แต่ต้องเป็นธรรม ซึ่งมีลิสต์อยู่แล้ว 2,000 รายการ ว่ากรณีฉุกเฉินนี้ราคาเท่าไหร่ แล้วไม่ควรแพงถึงขั้นที่ชนชั้นกลางยังไม่สามารถใช้ได้ แล้วที่ผ่านมาขึ้นราคาแบบไม่เคยสอดคล้องดัชนีผู้บริโภคเลย 

เลขาฯมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า หมอในโรงพยาบาลเอกชนทุกคนก็ใช้เงินประเทศ เพราะมีระบบงบประมาณสนับสนุนในการผลิตแพทย์ สิ่งเหล่านี้ต้องมีส่วนเข้ามาช่วยผ่อนปรนภาระให้โรงพยาบาลรัฐ แล้วที่อ้างว่าประชาชนมีตัวเลือก ให้ไปใช้บัตรทอง อันนี้ไม่จริงเลย เพราะเมื่อไหร่ที่เอกชนแพง ก็จะเกี่ยงไม่รับบัตรทอง ขอลาออก มันก็กระทบงบทุกส่วนของแผ่นดิน ตนไม่เชื่อว่าโรงพยาบาลเอกชนจะขาดทุน เพราะหากค่าบริการลด คนเข้าใช้มากขึ้น กำไรก็ไม่ได้ลดลง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่