จดหมายถึง BNK48 ขอบคุณนะที่อยู่ร่วมกันมาจนถึงวันนี้

กระทู้สนทนา
จบไปแล้วกับการเลือกตั้งครั้งแรก มันก็มีความรู้สึกที่หลากหลายมากเลยนะ เรื่องผมอยากให้เมมเบอร์หรือโอตะทุกคนได้อ่าน

ผมเริ่มตามBNK48 ครั้งแรกเมื่อตอนที่ช่อง28 (ช่อง3SD) เริ่มมีBNK48sempaiมาฉาย ตอนนั้นคิดว่า วงอะไรวะคนตั้งเยอะแยะ ในระหว่างนั้นก็เริ่มมีข่าวการไป Roadshow ตามที่ต่างๆ บรรยากาศในแต่ละที่ก็ตามภาพในอดีตที่เห็นๆ กัน คนดูมีนิดเดียวราวๆ ร้อยคนได้มั้ง เวลาจะยิงมิกซ์ก็จะเขินๆ อายๆ หน่อย คนก็น้อย

น้องคนแรกที่เป็นหน้าต่างของวง 'เฌอปราง' มันเป็นสิ่งแรกที่คนคิดถึงวงคิด ผมมักจะพูดเสมอว่า BNK48โชคดีมากที่มี 'เฌอปราง' ในวง หลีงจากนั้นไม่นานเมมเบอร์คนอื่นๆ ก็จะตกเราได้ในที่สุดและนั่นก็จะเป็นก้าวแรกสู้เมมเบอร์คนอื่นๆ ในตอนที่เริ่มเข้าไปมีกิจกรรมร่วมกับวง ก็ร่วมสร้างด้อมกับเพื่อนโอตะด้วยกัน มันก็ตลกดีนะที่ในไลน์กลุ่มแต่ละด้อมมันคุยกันเป็นหมื่นเป็นแสนเมนท์ ฟลัดรูปมีม รูปเมมเบอร์กันรัวๆ ทั้งที่มีกันแค่หลังสิบไม่เกินร้อยคน แต่ไลน์มันเด้งกันทั้งวันทั้งคืนแบบไม่หลับไม่นอน ยิ่งอยู่หลายด้อมแค่1วัน รวมดันก็แสนคอมเมนต์แล้ว

เริ่มแรกผมอยู่ในด้อมหนึ่งในกลุ่มชลาไลน์ มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยๆ กันทำ เริ่มกันจากแค่นั้น ตั้งแต่ริสแบนด์ สติ๊กเกอร์ ที่อยากทำไปให้เมมเบอร์วันจับมือครั้งแรก แล้วหลังจากนั้นก็มีมาอีกสารพัด ทั้งปิ๊กกีต้าร์ เสื้อ นี่นั่นโน่นสารพัด โดยทีมงานเริ่มต้นมีแค่ห้าคน สิบคน คอยดูแลกลุ่มคนที่ค่อยๆ มีมากขึ้นเรื่อยๆ จากซิงเกิ้ลที่หนึ่ง และเริ่มรู้จักคนในด้อมข้างเคียงทั้งจากชราไลน์ด้วยกัน จากกลุ่มสารพัดสวนสัตว์BNK จากแค่เริ่มไปทักไปดูรูป ดูดรูป ตกเป็นเหยื่อ และก็กลายเป็นกลุ่มบุคคลอันทรงคุณค่าในการ 'บด' เป็นครั้งแรกแห่งประวัติศาสตร์

เชื่อไหมว่าวงนี้มีดราม่าทุกวันตั้งแต่แรกๆ แล้ว ไม่เป็นเรื่องนั้นก็จะเป็นเรื่องนี้อยู่ดี มีมันได้ทุกวันทั้งจากความเข้าใจผิด จากโอตะด้วยกันเอง จากคนที่ไม่รู้จัก บางครั้งก็ตามมาจากไลฟ์ของเมมเบอร์อีกที คนยิ่งมากปัญหาก็เยอะตาม จากร้อยคนในด้อมเป็นสองร้อย สามร้อย ห้าร้อย กลายเป็นห้องหนึ่ง ห้องสอง สาม สี่ เป็นแสควร์ในที่สุด

ตู้ปลาในช่วงแรกๆ มันโล่ง มันยืนสบาย ไปสี่ห้าโมงก็มองเห็นเมมเบอร์ชัดๆ ถนัดตามากๆ ไม่เบียดเสียดต้องแย่งชิงเหมือนสมัยนี้ แล้วน้องก็มาไลฟ์กันทุกวัน ก็ดูมันทุกวัน ดูจากแค่จำชื่อเมมเบอร์ได้แค่ไม่กี่คน จนจำได้ทุกคนเมื่อไรก็ไม่รู้ ถ้ามองในมุมของเมมเบอร์ มันคือคนกลุ่มเล็กๆ มาดูคนกลุ่มเล็กๆ อีกกลุ่มหนึ่ง สำหรับใครที่เคยอยู่ตรงนั้นจะเข้าใจดีถึงความใกล้ชิดและความรู้สึกอยากอยู่เป็นกำลังใจให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในการไปตู้ปลาครั้งแรกของผมก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วง คือ แกรดของเมมเบอร์ มันก็ออกจะแปลกๆ หน่อย แต่มันก็มีข่าวแว็บๆ มาตามด้อมเป็นระยะๆ แล้ว จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ทำได้แค่ใจหาย และหวังว่ามันจะยังไม่เกิดกับเมมเบอร์ของตัวเอง

ในช่วงซิงเกิ้ลที่สองนั้น สำหรับผมนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในBNKเลยก็ว่าได้ เพราะมันเหมือนฝันที่สุดแล้ว จากความฝันที่อยากให้BNKได้แมสในตลาดสื่อ ฝันนี่นั่นโน่น ตั้งแต่เริ่มประกาศเซมฯ เปิดพรีออเดอร์ รอดูวิดีโอจากยูนิตต่างๆ มันสนุกมากจริงๆ นะ แม้มันจะเล็กแต่โคตรอบอุ่นเลย ถึงแม้ว่าในใจจะมีความกลัวลึกๆ ว่าวงจะไปได้แค่ไหนกันนะ เหมือนที่ไข่มุกบอกใน GDC ว่ามันรู้สึกได้ว่า มีการลดต้นทุน มันอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว โอตะทุกคนก็รู้เช่นกัน ว่ามันอึดอัดขนาดไหน แค่MVออกมาก็ตั้งหน้าตั้งตาเปิดวนกันรัวๆ หาสารพัดวิธีที่จะทำให้ยอดวิวสูงที่สุด ยางครั้งสะดุ้งตื่นมาตีสองตีสามเพื่อมาดูว่ามันยังเล่นอยู่ไหมยอดวิว มันเท่าไรแล้ว

เชื่อไหมว่าช่วงนั้น ดู BNKshow แล้วลุ้นว่าจะมีโฆษณากี่ตัวตลอด เพราะอยากให้รายการอยู่นานๆ จะได้เห็นช็อตเด็ดๆ ฮาๆ อีกไหม มันโคตรสนุกอ่ะที่ทุกเสาร์-อาทิตย์ ตอนเช้าไปงานมินิคอน ตกบ่ายแก่ๆ ต่อรถต่อเรือไปตู้ปลาระหว่างนั้นก็ดู BNK Showทางมืถือ ก่อนน้องๆ จะมาไลฟ์ ชีวิตผมวนลูปแบบนั้นอยู่พักหนึ่งใหญ่ๆ แต่วงก็ยังไม่ดังสักที ใจก็ลุ้นว่าจะมีเธียเตอร์เมื่อไร มันตั้งที่ไหน จะไปยังไง มันจะเป็นยังไงต่อ

แล้วอยู่ๆ ก็เริ่มมีการคัฟเวอร์เพลงจากดาราคนนั้นทีคนนี้ทีจากหลายกระแสเล็กๆ ที่อยู่ๆ ก็กลายเป็น ทอร์คออฟเดอทาน์ว เต้นกันทั่วบ้านทั่วเมืองเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้ววงก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น มันเป็นเหมือนฝันสำหรับเมมเบอร์ สำหรับโอตะเริ่มแรก สำหรับวงการเพลงไทย

จากยอดพรีออเดอร์ 13500+ ไปสู่ 35000+ แล้วก็ไปที่ 135000+ แล้วก็กระโดดไป300000 มิวสิคการ์ดอีกหลายแสน

จากงานที่มีคนดูแค่หลักไม่ถึงร้อยคน ไปยังMVที่มีคนเข้าร่วมมากที่สุด แล้วก็ไปงานระดับพี่เบิร์ด แล้วก็มีคอนเสิร์ตที่แม้แต่จะฝันยังไม่เคยฝันถึงได้

จนมาถึงงานเลือกตั้งที่ร้องไห้ตั้งแต่คนแรกยันคนสุดท้ายที่ประกาศชื่อ เพราะเหมือนเราไม่ใช่แค่รู้จักกัน แต่เรา "สู้ร่วมกันมา อดทนร่วมกันมา" มันคือครอบครัวที่จำหน้ากันได้ไม่หมด เรารู้ว่าแต่ละคนเก่งตรงไหน ไม่เก่งตรงไหน แต่ก็ยังจับมือกันไม่ปล่อย

ขอบคุณที่พวกคุณทุกคนได้พยายามมาจนถึงวันนี้ ไม่ใช่แค่เมมเบอร์ แต่ทุกด้อมหย่อมหญ้าจริงๆ ที่ช่วยกันมาถึงวันนี้

ขอบคุณมากจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่