คุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้ของคุณแม่ กับลูกสาวของคนไข้
หลังจากคุณแม่รักษาที่ รพ. แห่งนี้มาแล้ว 3-4 เดือน อาการของทั้งคู่ก็เริ่มแสดงออกให้พอมีลุ้น
จากที่แรกๆ คุยกันแค่อาการของคุณแม่ แล้วก็แยกย้าย หน้านี่แทบจะไม่มองเราก็เลยก็ว่าได้
เราเองก็เพิ่งจะโสด จากที่ไม่คิด พอเห็นคุณหมอเอาใจใส่คุณแม่ดีมากๆ เก่ง อาการหนักก็เอาอยู่
ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างที่คุณแม่ทำการรักษา รวมไปถึงความนิ่งเฉยของคุณหมอ ทำให้เริ่มรู้สึกชอบ
ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่รู้อีกที เจอหน้าก็ใจสั่นไปซะและ
หลังจากคุณแม่ออกจาก รพ. เลยถือโอกาสส่งเค้กไปขอบคุณคุณหมอที่ดูแลแม่เป็นอย่างดี (แอบไปสืบมา)
เพราะคิดว่าคุณหมอจะประทับใจมากกว่าการได้กระเช้าผลไม้ทั่วไปตอนเทศกาลปีใหม่
หลังจากนั้นอาการคุณหมอก็ค่อยๆเปลี่ยนไป คุยด้วยมากขึ้น ยิ้มให้ มองหน้าสบตาตลอด
จนบางครั้งทำให้เราแอบคิด ว่าคุณหมอทำตามหน้าที่ หรือมีอะไรที่พิเศษกว่านั้น
มันเหมือนมีกำแพงกั้นอยู่ ทำให้เวลาเจอกัน ต่างคนก็จะคุยนอกเรื่องไม่ได้ เพราะคุณพยาบาล
ตามติดตัวตลอดเวลา แต่ถ้าคุณหมอคิด รู้เบอร์มือถือเราแต่ทำไมแอดไลน์
เวลาโทรหา ผ่านเบอร์ รพ. ตลอด หรือว่าจริงๆแล้ว คุณหมอไม่ได้คิดอะไรเลย??
อาการที่ทำให้เริ่มรู้สึกว่าคุณหมอมีใจ
1. คุณแม่ย้ายไปรักษา รพ. อื่นใกล้บ้าน ได้ประมาณ 1 อาทิตย์ คุณหมอโทรถามว่าอาการคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง หมอรู้สึกกังวล ...
จริงๆ แล้วการที่คุณหมอโทรมา คือเป็นเรื่องปกติของคุณหมอที่เป็นห่วงคนไข้จริงๆใช่มั๊ย ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
2. คุณหมอชอบวนเวียน เวลาที่พาคุณแม่ไปหาหมอ หันไปทางไหนก็เจอเธอตลอด
3. ตอนทำอัลตราซาวด์คุณแม่ พอเราเดินออกไป ก็ให้พยาบาลมาตามว่าญาติอยู่ดูได้ครับ
4. เวลาเราไม่ได้ไป รพ. พี่ชายเป็นคนพาคุณแม่ไปแทน ชอบถามว่าน้องสาวไม่มาหรอครับ
5. พยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกให้ ดูเป็นกังวลแทนเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะ รพ. ที่ย้ายไปรักษาเป็น รพ.รัฐบาล
เนื่องจากคุณแม่อาการโคม่ามาก เกือบเสียชีวิตจากรพ.เอกชนที่รักษาเป็นประจำแห่งหนึ่ง ย้ายมา รพ.ที่หมอรักษาอยู่
คุณแม่แอดมิดเป็นเดือน หมดไปเกือบสองล้านบาท พอหลังจากออกจาก รพ. ทางญาติเลยให้ไปติดตามอาการที่ รพ.รัฐบาลแทน
แต่วิธีการรักษาก็ไม่มีคุณภาพเท่ารักษากับคุณหมอ เลยต้องวนกลับมาหาคุณหมออีกจนได้
6. เวลาเรียกคุยอาการคุณแม่ ตาคุณหมอจ้องตาเราตลอด จนเราเองต้องเป็นฝ่ายหลบตา เพราะลึกๆ เราคิด แต่แค่กลัว
ว่าเค้าจะมีตัวจริงอยู่แล้ว เลยไม่อยากออกตัวแรง
7. เราซื้อของขวัญปีใหม่ให้เป็นสมุดบันทึก ล่าสุดก็อยู่บนโต๊ะคุณหมอ แต่มีเอกสารกองทับๆ อยู่ หรืออาจจะใช้ของแต่ไม่ได้คิดอะไรก็เป็นไปได้
8. ครั้งล่าสุดเริ่มยิ้มให้หลายรอบ เราก็เขิน พอยิ้มให้ก็เลยทำหน้ามึนใส่ แล้วค่อยมาคิดได้ก็ไม่ทันละ
9. อัปเดตแผนการรักษาตลอดเวลา แค่ให้พยาบาลไปถาม ซักพักคุณหมอเดินมาอธิบายเองเลย จริงๆ คนไข้คุณหมอก็เยอะ ไม่ต้องมาเองก็ได้
หรือหมอคนนี้ ดีแบบนี้กับทุกคนนน ก็ไม่รู้ เพราะจะรู้ได้ยังไงหละ???
คร่าวๆ นึกได้แค่นี้ จริงๆเรา ก็ควรจะเก็บความรู้สึกดีๆ แบบนี้เอาไว้ดีกว่ารึเปล่า เพราะถ้าเค้าชอบเราจริงๆ คงจะชัดเจนจนเราไม่ต้องสงสัย
หรือว่าอาจจะแค่ชอบ แต่ไม่ได้คิดจะจีบ หรือแค่อยากเป็นมิตรด้วยยย คือสับสนนนนนคะ
คุณหมอ กับญาติคนไข้ อาการแบบไหนที่เรียกว่าดูแลมากกว่าหน้าที่
หลังจากคุณแม่รักษาที่ รพ. แห่งนี้มาแล้ว 3-4 เดือน อาการของทั้งคู่ก็เริ่มแสดงออกให้พอมีลุ้น
จากที่แรกๆ คุยกันแค่อาการของคุณแม่ แล้วก็แยกย้าย หน้านี่แทบจะไม่มองเราก็เลยก็ว่าได้
เราเองก็เพิ่งจะโสด จากที่ไม่คิด พอเห็นคุณหมอเอาใจใส่คุณแม่ดีมากๆ เก่ง อาการหนักก็เอาอยู่
ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างที่คุณแม่ทำการรักษา รวมไปถึงความนิ่งเฉยของคุณหมอ ทำให้เริ่มรู้สึกชอบ
ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่รู้อีกที เจอหน้าก็ใจสั่นไปซะและ
หลังจากคุณแม่ออกจาก รพ. เลยถือโอกาสส่งเค้กไปขอบคุณคุณหมอที่ดูแลแม่เป็นอย่างดี (แอบไปสืบมา)
เพราะคิดว่าคุณหมอจะประทับใจมากกว่าการได้กระเช้าผลไม้ทั่วไปตอนเทศกาลปีใหม่
หลังจากนั้นอาการคุณหมอก็ค่อยๆเปลี่ยนไป คุยด้วยมากขึ้น ยิ้มให้ มองหน้าสบตาตลอด
จนบางครั้งทำให้เราแอบคิด ว่าคุณหมอทำตามหน้าที่ หรือมีอะไรที่พิเศษกว่านั้น
มันเหมือนมีกำแพงกั้นอยู่ ทำให้เวลาเจอกัน ต่างคนก็จะคุยนอกเรื่องไม่ได้ เพราะคุณพยาบาล
ตามติดตัวตลอดเวลา แต่ถ้าคุณหมอคิด รู้เบอร์มือถือเราแต่ทำไมแอดไลน์
เวลาโทรหา ผ่านเบอร์ รพ. ตลอด หรือว่าจริงๆแล้ว คุณหมอไม่ได้คิดอะไรเลย??
อาการที่ทำให้เริ่มรู้สึกว่าคุณหมอมีใจ
1. คุณแม่ย้ายไปรักษา รพ. อื่นใกล้บ้าน ได้ประมาณ 1 อาทิตย์ คุณหมอโทรถามว่าอาการคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง หมอรู้สึกกังวล ...
จริงๆ แล้วการที่คุณหมอโทรมา คือเป็นเรื่องปกติของคุณหมอที่เป็นห่วงคนไข้จริงๆใช่มั๊ย ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
2. คุณหมอชอบวนเวียน เวลาที่พาคุณแม่ไปหาหมอ หันไปทางไหนก็เจอเธอตลอด
3. ตอนทำอัลตราซาวด์คุณแม่ พอเราเดินออกไป ก็ให้พยาบาลมาตามว่าญาติอยู่ดูได้ครับ
4. เวลาเราไม่ได้ไป รพ. พี่ชายเป็นคนพาคุณแม่ไปแทน ชอบถามว่าน้องสาวไม่มาหรอครับ
5. พยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกให้ ดูเป็นกังวลแทนเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะ รพ. ที่ย้ายไปรักษาเป็น รพ.รัฐบาล
เนื่องจากคุณแม่อาการโคม่ามาก เกือบเสียชีวิตจากรพ.เอกชนที่รักษาเป็นประจำแห่งหนึ่ง ย้ายมา รพ.ที่หมอรักษาอยู่
คุณแม่แอดมิดเป็นเดือน หมดไปเกือบสองล้านบาท พอหลังจากออกจาก รพ. ทางญาติเลยให้ไปติดตามอาการที่ รพ.รัฐบาลแทน
แต่วิธีการรักษาก็ไม่มีคุณภาพเท่ารักษากับคุณหมอ เลยต้องวนกลับมาหาคุณหมออีกจนได้
6. เวลาเรียกคุยอาการคุณแม่ ตาคุณหมอจ้องตาเราตลอด จนเราเองต้องเป็นฝ่ายหลบตา เพราะลึกๆ เราคิด แต่แค่กลัว
ว่าเค้าจะมีตัวจริงอยู่แล้ว เลยไม่อยากออกตัวแรง
7. เราซื้อของขวัญปีใหม่ให้เป็นสมุดบันทึก ล่าสุดก็อยู่บนโต๊ะคุณหมอ แต่มีเอกสารกองทับๆ อยู่ หรืออาจจะใช้ของแต่ไม่ได้คิดอะไรก็เป็นไปได้
8. ครั้งล่าสุดเริ่มยิ้มให้หลายรอบ เราก็เขิน พอยิ้มให้ก็เลยทำหน้ามึนใส่ แล้วค่อยมาคิดได้ก็ไม่ทันละ
9. อัปเดตแผนการรักษาตลอดเวลา แค่ให้พยาบาลไปถาม ซักพักคุณหมอเดินมาอธิบายเองเลย จริงๆ คนไข้คุณหมอก็เยอะ ไม่ต้องมาเองก็ได้
หรือหมอคนนี้ ดีแบบนี้กับทุกคนนน ก็ไม่รู้ เพราะจะรู้ได้ยังไงหละ???
คร่าวๆ นึกได้แค่นี้ จริงๆเรา ก็ควรจะเก็บความรู้สึกดีๆ แบบนี้เอาไว้ดีกว่ารึเปล่า เพราะถ้าเค้าชอบเราจริงๆ คงจะชัดเจนจนเราไม่ต้องสงสัย
หรือว่าอาจจะแค่ชอบ แต่ไม่ได้คิดจะจีบ หรือแค่อยากเป็นมิตรด้วยยย คือสับสนนนนนคะ