สภาธุรกิจตลาดทุนไทย"มั่นใจหลังการเลือกตั้งต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย 1 แสนลบ. ดันดัชนีสิ้นปีแตะ 1,800 จุด พร้อมฝากการบ้านรัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญตลาดทุน ด้านพรรคการเมืองแห่ขายฝัน เอาใจมนุษย์เงินเดือนประสานเสียงต่ออายุ LTF หากได้เป็นรัฐบาล ลั่นจะกระตุ้นตลาดหุ้น เปิดตลาดเงินดิจิทัล เดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกระตุ้นศก. หวังเห็น SET แตะ 2,500 จุด ใน 4 ปี
*** 7 พรรคประสานเสียง ต่อ LTF
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา เปิดเผยว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะต่ออายุกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) อย่างแน่นอน เพราะเห็นว่า การออมเงิน เป็นเรื่องสำคัญ และถือเป็นฐานในการขยายตัวของเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงยังเป็นตัวสำคัญในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดทุนไทยด้วย ดังนั้นจึงมองว่า การต่ออายุ LTF ไม่มีปัญหา
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี กรรมการคณะนโยบายพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ถือเป็นแกนหลักที่ทำให้เกิดกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ดังนั้น จึงมองว่า เรื่องการออมเป็นเรื่องสำคัญ หากเป็นรัฐบาลได้ก็พร้อมที่จะอายุแน่นอน รวมถึงการพิจารณาแนวทางกองทุนอื่นๆ เช่น กองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนให้ได้รับประโยชน์ทางภาษีได้ด้วย
นางสาวนฤมล สอาดโฉม กรรมการบริหารพรรค พลังประชารัฐ กล่าวว่า ยืนยันว่า หากเป็นรัฐบาลจะต่ออายุเรื่องดังกล่าวแน่นอน และประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้ รวมถึงจะผลักดันกองทุนบำนาญแห่งชาติให้เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงอะไรที่เป็นอุปสรรคที่ตลาดทุนไทยต้องการ ก็พร้อมจะรับฟังและนำไปพิจารณา โดยพรรคพลังประชารัฐยินดีที่จะทำเต็มที่ เพื่อตลาดทุนไทย
*** "ประชาธิปัตย์" ตั้งเป้า 4 ปีดันหุ้นไทยแตะ 2,500 จุด เปิดตลาดเงินดิจิทัล
นายกรณ์ จาติกวณิช ประธานกรรมการคณะนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยในงานสัมมนา นโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย จัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทยว่า ใน 4 ปีข้างหน้า อยากเห็นดัชนีในตลาดหุ้นไทยแตะที่ระดับ 2,500 จุด นอกจากนี้ยังอยากเห็นการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (ตลท.) แห่งที่ 2 โดยจะเน้นการซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทคริปโตเคอเรนซี่ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปเข้าถึงการลงทุน และระดมทุนในรูปแบบที่แตกต่างจากปัจจุบัน ในยุคที่เทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ปัจจุบัน พบว่า บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมีบริษัทที่ค้าขายด้านเทคโนโลยีค่อนข้างน้อย หรือมีสัดส่วนไม่ถึง 7% ขณะที่สหรัฐสัดส่วนหุ้นที่ซื้อขายด้านเทคโนโลยีเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาด ดังนั้นจึงอยากให้สัดส่วนการซื้อขายหุ้น หรือ บริษัทที่เป็นเทคโนโลยีเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มมากขึ้นในตลาด ซึ่งหากเป็นไปได้ จะถือว่าตลาดทุนไทยประสบความสำเร็จในเรื่องของการปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ขณะเดียวกัน ในปัจจุบัน พบว่า รายชื่อบริษัทที่มีมูลค่าสูง และจำนวนมาก หรือ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นของบริษัทที่มีอำนาจผูกขาด หุ้นสัมปทาน หรืออาศัยใบอนุญาต และส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นสิ่งที่อยากเห็น คือ มีบริษัทที่ไม่ต้องอาศัยความได้เปรียบจากเรื่องดังกล่าวมาสร้างรายได้ หรือ อยากเห็นบริษัทที่สร้างรายได้ด้วยมูลค่าของตัวเองเพิ่มมากขึ้นในตลาดหุ้นไทย
https://www.efinancethai.com/hotnews/hotnewsmain.aspx?release=y&name=RTA0VXA4QlE4VzhCOXBlUlRHSU14QT09
"สภาธุรกิจตลาดทุนไทย" มั่นใจหลังการเลือกตั้งต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย 1 แสนลบ. ดันดัชนีสิ้นปีแตะ 1,800 จุด !!
*** 7 พรรคประสานเสียง ต่อ LTF
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา เปิดเผยว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะต่ออายุกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) อย่างแน่นอน เพราะเห็นว่า การออมเงิน เป็นเรื่องสำคัญ และถือเป็นฐานในการขยายตัวของเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงยังเป็นตัวสำคัญในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดทุนไทยด้วย ดังนั้นจึงมองว่า การต่ออายุ LTF ไม่มีปัญหา
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี กรรมการคณะนโยบายพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ถือเป็นแกนหลักที่ทำให้เกิดกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ดังนั้น จึงมองว่า เรื่องการออมเป็นเรื่องสำคัญ หากเป็นรัฐบาลได้ก็พร้อมที่จะอายุแน่นอน รวมถึงการพิจารณาแนวทางกองทุนอื่นๆ เช่น กองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนให้ได้รับประโยชน์ทางภาษีได้ด้วย
นางสาวนฤมล สอาดโฉม กรรมการบริหารพรรค พลังประชารัฐ กล่าวว่า ยืนยันว่า หากเป็นรัฐบาลจะต่ออายุเรื่องดังกล่าวแน่นอน และประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้ รวมถึงจะผลักดันกองทุนบำนาญแห่งชาติให้เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงอะไรที่เป็นอุปสรรคที่ตลาดทุนไทยต้องการ ก็พร้อมจะรับฟังและนำไปพิจารณา โดยพรรคพลังประชารัฐยินดีที่จะทำเต็มที่ เพื่อตลาดทุนไทย
*** "ประชาธิปัตย์" ตั้งเป้า 4 ปีดันหุ้นไทยแตะ 2,500 จุด เปิดตลาดเงินดิจิทัล
นายกรณ์ จาติกวณิช ประธานกรรมการคณะนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยในงานสัมมนา นโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย จัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทยว่า ใน 4 ปีข้างหน้า อยากเห็นดัชนีในตลาดหุ้นไทยแตะที่ระดับ 2,500 จุด นอกจากนี้ยังอยากเห็นการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (ตลท.) แห่งที่ 2 โดยจะเน้นการซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทคริปโตเคอเรนซี่ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปเข้าถึงการลงทุน และระดมทุนในรูปแบบที่แตกต่างจากปัจจุบัน ในยุคที่เทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ปัจจุบัน พบว่า บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมีบริษัทที่ค้าขายด้านเทคโนโลยีค่อนข้างน้อย หรือมีสัดส่วนไม่ถึง 7% ขณะที่สหรัฐสัดส่วนหุ้นที่ซื้อขายด้านเทคโนโลยีเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาด ดังนั้นจึงอยากให้สัดส่วนการซื้อขายหุ้น หรือ บริษัทที่เป็นเทคโนโลยีเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มมากขึ้นในตลาด ซึ่งหากเป็นไปได้ จะถือว่าตลาดทุนไทยประสบความสำเร็จในเรื่องของการปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ขณะเดียวกัน ในปัจจุบัน พบว่า รายชื่อบริษัทที่มีมูลค่าสูง และจำนวนมาก หรือ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นของบริษัทที่มีอำนาจผูกขาด หุ้นสัมปทาน หรืออาศัยใบอนุญาต และส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นสิ่งที่อยากเห็น คือ มีบริษัทที่ไม่ต้องอาศัยความได้เปรียบจากเรื่องดังกล่าวมาสร้างรายได้ หรือ อยากเห็นบริษัทที่สร้างรายได้ด้วยมูลค่าของตัวเองเพิ่มมากขึ้นในตลาดหุ้นไทย
https://www.efinancethai.com/hotnews/hotnewsmain.aspx?release=y&name=RTA0VXA4QlE4VzhCOXBlUlRHSU14QT09