เห็นประกาศตรวจ ตามกฎหมายต่างๆของดินแดนแห่งความลับ
ไม่มีกระดาษชิงโชคขายเกิน 80
ค่าไม่ของก็อปที่ MKB
ไม่มีอาหารแพงที่สนามบินร้าง
และอื่นๆอีกเต็มไปหมด
ทำให้นึกถึงตอนไปดูนกกับอาจารย์ที่แหล่งดูนกอพยพระดับโลก จ.เพชรบุรี. (เดาว่าหลายคนไม่รู้ถึงความสำคัญของพื้นที่แบบนี้ และไม่คิดว่ามีในประเทศไทย)
วันนั้นเราตระเวณหานกกันหลายที่ ตื่นกันตั้งแต่ตี 5 มาทำธุระส่วนตัว พอฟ้าเริ่มสาง จึงเริ่มออกไปตามหมายต่างๆ ชั่วโมงครึ่งผ่านไป ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรไม่มีนกเลยในจุดที่ควรจะมี ในพื้นที่ที่ถือว่าเป็นแหล่งประจำของมัน แดดก็เริ่มร้อนขึ้นๆ นกที่เจอก็มีแต่พื้นๆ เราสามคน มีอาจารย์ ผม และรุ่นน้อง เดินสะพายกล้องถ่ายรูปที่ติดเลนส์กระบอกข้าวหลามความยาวรวมกล้องประมาณไม้เทนนิสหรืออาจจะยาวกว่านิดหน่อย 3 ตัว พร้อมด้วยขาตั้งกล้องที่หนักไม่ต่างกัน และห้อยคอด้วย Binocular คนละ 1 อัน ในเป้สะพายมีน้ำและขนมนิดหน่อย เราสามคนล้าจากการเดินเท้าในช่วงเช้า ประมาณ 7 km เราสูญเสียแรงมากกว่าปกติจากความหยุ่นตัวของพื้นที่เพราะเราเดินเลียบหาดทราย จึงตัดสินใจเปลี่ยนที่หมาย ก่อนที่รังสียูวีจะทำร้ายเรามากไปกว่านี้ “นาเกลือ” คือเป้าหมายสุดท้ายของคณะเราในเช้านี้ (สิบโมงไม่รู้เรียกได้เช้ามั้ย) อาจารย์ขับรถพาเราไปพื้นที่ทำนาเกลือที่มีน้ำขัง เพียงแค่รถเข้ามาใกล้เราเห็นฝูงนกน้ำเยอะมากๆ อยู่กันเป็น Colony น่าจะหลักหลายๆพันตัว!!
นกพวกนี้คงคุ้นชินกับเสียงรถที่มักจะมีผู้ทำนาเกลือขับรถเจ้าไปขนเกลือบ่อยๆ หรือนักดูนกที่เข้ามาศึกษาพื้นที่ ตอนนั้นอาจารย์บอกว่าให้พวกเราเตรียมตัวให้พร้อม มองตำแหน่งวางกล้อง ใครจะจดบันทึก ใครจะจำแนกชื่อนก แผนถูกว่าไว้หมดในหัวเรียบร้อย หันไปที่รุ่นน้องข้างหลังกำลังหลับ คงเพลียจากการเดินเท้ากลางแดดเป็นเวลานาน ผมส่งเสียงปลุกรุ่นน้องเพื่อให้เตรียมตัว ตามแพลนที่วางไว้ “ไอ้จูน ตื่น นกเยอะมากก เตรียมตัวเลย”
ไอ้จูนเห็นนกเยอะมากๆ จึงตกใจ เปิดประตูออกไป อุธาน ออกมาว่า หูวววววววววว!!!!!!!!!!!!
สิ้นเสียง หูวววววแค่นั้นแหละ นกทั้งหมด บินหนี
จูน
กาลครั้งหนึ่ง ที่นาเกลือ
ไม่มีกระดาษชิงโชคขายเกิน 80
ค่าไม่ของก็อปที่ MKB
ไม่มีอาหารแพงที่สนามบินร้าง
และอื่นๆอีกเต็มไปหมด
ทำให้นึกถึงตอนไปดูนกกับอาจารย์ที่แหล่งดูนกอพยพระดับโลก จ.เพชรบุรี. (เดาว่าหลายคนไม่รู้ถึงความสำคัญของพื้นที่แบบนี้ และไม่คิดว่ามีในประเทศไทย)
วันนั้นเราตระเวณหานกกันหลายที่ ตื่นกันตั้งแต่ตี 5 มาทำธุระส่วนตัว พอฟ้าเริ่มสาง จึงเริ่มออกไปตามหมายต่างๆ ชั่วโมงครึ่งผ่านไป ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรไม่มีนกเลยในจุดที่ควรจะมี ในพื้นที่ที่ถือว่าเป็นแหล่งประจำของมัน แดดก็เริ่มร้อนขึ้นๆ นกที่เจอก็มีแต่พื้นๆ เราสามคน มีอาจารย์ ผม และรุ่นน้อง เดินสะพายกล้องถ่ายรูปที่ติดเลนส์กระบอกข้าวหลามความยาวรวมกล้องประมาณไม้เทนนิสหรืออาจจะยาวกว่านิดหน่อย 3 ตัว พร้อมด้วยขาตั้งกล้องที่หนักไม่ต่างกัน และห้อยคอด้วย Binocular คนละ 1 อัน ในเป้สะพายมีน้ำและขนมนิดหน่อย เราสามคนล้าจากการเดินเท้าในช่วงเช้า ประมาณ 7 km เราสูญเสียแรงมากกว่าปกติจากความหยุ่นตัวของพื้นที่เพราะเราเดินเลียบหาดทราย จึงตัดสินใจเปลี่ยนที่หมาย ก่อนที่รังสียูวีจะทำร้ายเรามากไปกว่านี้ “นาเกลือ” คือเป้าหมายสุดท้ายของคณะเราในเช้านี้ (สิบโมงไม่รู้เรียกได้เช้ามั้ย) อาจารย์ขับรถพาเราไปพื้นที่ทำนาเกลือที่มีน้ำขัง เพียงแค่รถเข้ามาใกล้เราเห็นฝูงนกน้ำเยอะมากๆ อยู่กันเป็น Colony น่าจะหลักหลายๆพันตัว!!
นกพวกนี้คงคุ้นชินกับเสียงรถที่มักจะมีผู้ทำนาเกลือขับรถเจ้าไปขนเกลือบ่อยๆ หรือนักดูนกที่เข้ามาศึกษาพื้นที่ ตอนนั้นอาจารย์บอกว่าให้พวกเราเตรียมตัวให้พร้อม มองตำแหน่งวางกล้อง ใครจะจดบันทึก ใครจะจำแนกชื่อนก แผนถูกว่าไว้หมดในหัวเรียบร้อย หันไปที่รุ่นน้องข้างหลังกำลังหลับ คงเพลียจากการเดินเท้ากลางแดดเป็นเวลานาน ผมส่งเสียงปลุกรุ่นน้องเพื่อให้เตรียมตัว ตามแพลนที่วางไว้ “ไอ้จูน ตื่น นกเยอะมากก เตรียมตัวเลย”
ไอ้จูนเห็นนกเยอะมากๆ จึงตกใจ เปิดประตูออกไป อุธาน ออกมาว่า หูวววววววววว!!!!!!!!!!!!
สิ้นเสียง หูวววววแค่นั้นแหละ นกทั้งหมด บินหนี
จูน