ขอบคุณความใจสู้จากนักเตะทั้งหมดของทีมชาติไทย ฟุตบอลแพ้ชนะคือเรื่องปกติ วันหน้าสู้กันใหม่

คำวิจารณ์ ความกดดัน ทั้งหมดจะเป็นแรงผลักดันให้ต้องมุ่งมั่นซ้อม พัฒนาตนเอง ทุกอาชีพเป็นเช่นนั้น ฟุตบอลไทยเดินมาไกลขึ้นทุกที แม้ว่าจะมีช่วงสะดุด ดูเหมือนถอยหลังไปบ้าง แต่ทั้งหมดมันก็คือสิ่งที่หล่อหลอมจนมีวันนี้ และเชื่อว่าจะยังพัฒนาต่อไปได้อีก


จากที่เคยดูทีมชาติไทย นักฟุตบอลไทย เตะกับพวกอาหรับ แทบจะไม่มีลุ้น แพ้เรื่องสรีระ เทคนิค ความเร็ว ตอนนี้ก็สามารถบดบี้ได้ดีขึ้น มีลุ้นเสมอ ลุ้นชนะ ไม่ใช่มาเล่นเพื่อรอวันโดนถล่มอีกแล้ว


ส่วนเรื่องฟอร์มส่วนบุคคล ทีมเวิร์ค แท็คติค และอื่น ๆ ก็กลับมาพัฒนา สู้กันต่อไป อย่างน้อยสิ่งที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยทำให้เห็นในทัวร์นาเม้นท์ Asian Cup 2019 ก็คือลูกบ้า การวิ่งสู้ฟัด ถึงฝีเท้า รูปร่าง แท็คติค คลาสบอล ทักษะ ทุกอย่างจะเป็นรอง แต่แล้วยังไง ถ้ามุ่งมั่นจะสู้ คนเรามันก็สู้ได้เหมือนกัน


วันนี้แพ้ก็แพ้ด้วยกัน ชนะก็ชนะด้วยกัน เรื่องวิจารณ์ เรื่องด่ากัน สำหรับคนที่ทำผิดพลาด ยังไงมันก็มีอยู่แล้ว เลี่ยงไมไ่ด้ ทุกคนต้องรับผิดชอบ แต่คนที่ถึงขั้นไปตามด่านักบอลในโซเชียลจนเหมือนกับว่าเขาไปเผาบ้านหรือทำผิดต่อประเทศชาติ นั่นก็ขอให้พึงนึกถึงตัวเองหน่อยว่า ชีวิตนี้คุณไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลยหรือ คุณใช้ชีวิตได้แสนวิเศษขนาดนั้นเลยหรือ แล้วเวลาคุณทำพลาด คุณอยากโดนสังคมกระหน่ำซ้ำเติมอีกไหม  


กระทู้นี้ขอขอบคุณนักกีฬาที่มอบความสนุกตื่นเต้นในการดูฟุตบอลไทย และทำให้เห็นอีกครั้งว่า เราสู้ได้ในระดับทวีป แต่ยังมีสิ่งที่ต้องทำ ต้องปรับปรุงอีกเยอะ กลับมาแก้กันใหม่ แล้วค่อยไปสู้ใหม่













อันนี้ ความเห็นส่วนตัวเรื่องผู้เล่น

บางตำแหน่ง อาจจะต้องมองหาคนทดแทนเพิ่มเติม ในขณะที่บางตำแหน่ง มีอนาคตไปอีกหลายปี

คนที่เล่นได้โดดเด่นที่สุดในศึกนี้ มองว่าคือ ชนาธิป โด ฐิติพันท์ ศิวลักษณ์
ในขณะที่กลุ่มแผงหลังก็ทำงานได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะ อดิศร พรรษา สุพรรณ

ธีรศิลป์ ฟอร์มไม่โดดเด่น แต่ก็ยังจำเป็นในแดนหน้า ยังคงเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งของประเทศ
ธีรทร ฟอร์มน่าผิดหวังที่สุดในกลุ่มตัวเก๋า แต่ก็ยังหวังว่าจะเรียกฟอร์มกลับมาได้อีก และยังมีประโยชน์อยู่
ศุภชัย คือตัวเล่นสำหรับอนาคตที่หาได้ยาก บุรีรัมย์เยี่ยมมากที่ปั้นขึ้นมาได้
อดิศักดิ์ ยังต้องพัฒนาอีก แต่ก็ถือว่ายังมีประโยชน์
ธนบูรณ์ ยังไม่คืนฟอร์มที่เคยทำได้ แต่ก็ยังหาคนแทนที่ลำบาก
ปกเกล้า ยังมีประโยชน์ในการโรเตชั่น
สรรวัช ฝึเท้าอาจจะยังไม่เหมาะตัวจริงทีมชาติในระดับเอเชีย แต่เหมาะเป็นตัวสำรองครึ่งหลังเพื่อทำให้บอลนิ่งขึ้น
เฉลิมพงษ์ อาจจะหมดเวลาในทีมชาติแล้ว
กรกรช ยังมีดีได้อีก และพอจะโรเตชั่นได้ เสียดายว่าอายุก็ไม่น้อยแล้ว
มิก้า ติดทีมชาติน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับอายุ แต่ยังพอเอามาใช้ได้อีก 2-3 ปี
ชนานันท์ ถ้าอยากจะติดทีมชาติต่อ คงต้องกลับไปพัฒนาตนเองอีกเยอะมาก
สุมัญญา น่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้งาน
ศศลักษณ์ ไม่ได้ลงเลย แต่ยังมีอนาคตรออยู่
สิโรจน์ เจ้าตัวต้องสู้พัฒนาตัวเองอีก โอกาสต่อไปยังมี
ฉัตรชัย กลับไปซ้อมให้หนักอย่างเดียวเท่านั้น
สรานนท์ รอโอกาสต่อไป


โค้ชโต่ย และ โค้ชโชค มาเจอคู่ต่อสู้ระดับลิปปี้ที่ทำทีมได้แชมป์มากมาย ทรัพยากรก็สู้ไม่ได้ อย่างน้อยการเปลี่ยนตัวผิดพลาดก็จะเป็นบทเรียนราคาแพงต่อไปอีก คงจะไม่ได้คุมทีมชาติไทยต่อ แต่หวังว่าทั้งสองคนยังพัฒนาความสามารถในการคุมทีมได้อีก


ทิศทางต่อไป อยากได้โค้ชที่เข้ามาทำทีมไทย ที่สามารถจะยกระดับเกมรับ การครองเกม และการทำเกมรุกรวดเร็ว ไม่ได้บ้าปรัชญาเกมรับยุคโบราณแบบที่ได้มา ควรเป็นโค้ชยุคใหม่ที่มาพร้อมกับการอัพเดทแท็คติคยุคใหม่ เพราะยุคสมัยนี้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหมือนเทคโนโลยี อะไรที่ทำแล้วเคยได้ผลเมื่อ 2-3 ปีก่อน มาตอนนี้อาจจะไม่เวิร์คแล้ว เพราะงั้นต้องหมั่นอัพเดทกันตลอดเวลา ของเก่าของใหม่มันรวมกันได้ อะไรดีก็เก็บไว้ ไม่ดีก็เปลี่ยน


ปล. ช่วงกลางปีนี้ มีฟุตบอลโลกหญิง ที่ไทยสามารถเข้ารอบสุดท้ายแล้วไปอยู่กลุ่มเดียวกับ สหรัฐ สวีเดน ชิลี ทีมแกร่งทั้งหมด รอลุ้นกันต่อครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่