เมื่อวานนี้ผมอ่านข่าวโตโยต้าเปิดตัวอแวนซ่าไมเนอร์เชนจ์โฉมเวลไฟร์ ซึ่งหน้าตาใช้ได้
ทำให้ผมเริ่มคิดๆ ว่าโตโยต้าอาจมองว่ารถ 1.5 ควรเป็นรถใหญ่ๆ แบบมินิแวนไปเลย ส่วน
พวกเก๋งก็ลงมาอยู่เป็นอีโคคาร์ เพราะขนาดเล็กกว่า เหมาะสมกับเครื่องเบนซิน 1.2 - 1.3
ส่วนฮอนด้าก็เหมือนจะเอาแจ้ส/ซิตี้ลงเครื่อง 1.1 เทอร์โบขายเป็นอีโคคาร์เช่นเดียวกัน
แม้ว่าราคาคงจะไม่ถูกเหมือนอีโคคาร์ 1.2 ทั่วไป แต่ก็เป็นการขยับลง ซึ่งถ้าจะขายดีก็ต้อง
ราคาต่ำกว่าสมัยใช้เครื่อง 1.5 ในระดับหนึ่ง
เพราะรถเก๋งที่ต่ำกว่า B เซกเม้นต์เดิม ค่าวิจัยพัฒนามันไม่คุ้มที่จะผลิต ยกตัวอย่างเช่น
บริโอ บริโออเมส เซเรริโอ้ ไม่งั้นก็ต้องทำเล็กๆ ไปเลยอย่าง มิราจ แอททราจ
อย่าทำซ้ำซ้อนแบบฮอนด้า และซูซุกิ
ซึ่งนี่จะเป็นวิธีคิดเฉพาะตลาดไทยเท่านั้น เพราะในตลาดอื่นบ้านเรายังส่ง
B เซกเม้นต์ใส่เครื่อง 1.5 ขายปกติ เช่นวีออส ยาริส
ตอนนี้ฮอนด้ามี BR-V, mobilio ใช้เครื่อง 1.5 และมีราคาอยู่ในช่วง
600,000 - 820,000 ซึ่งก็เป็นย่านราคาเดียวกับ B car 1500
ซึ่งมีการขับขี่ ช่วงล่าง และสมรรถนะไม่แพ้ซิตี้ แจ้สเลย แถมเอนกประสงค์มาก
และอาจมีศักยภาพในการทำตลาดมากขึ้น ถ้าไมเนอร์หน้าตาและออฟชั่นให้
ตรงใจตลาดมากขึ้น
ส่วนโตโยต้าปัจจุบันมีอแวนซ่าราคาเริ่มต้นเท่ากับวีออสตอนนี้มากๆ
605,000 vs 609,000 บาท ส่วนรุ่นท็อป 729,000 vs 789,000 วีออสแพงกว่า 60,000
ถ้าเทียบกับคู่ BR-V, โมบิลิโอ้
โตโยต้ายังมี RUSH ที่จะมาเสียบที่ว่างต่อจากรุ่นท็อปอแวนซ่า
ประมาณ 7.5 แสน ถึง 8 แสนกว่าๆ แบบ BR-V !
ถ้าออกมาตามนี้จริง ก็เป็นการจัดลำดับราคาที่เหมือนกันมาก!
ความแตกต่างมีแค่ ฮอนด้าจะมีช่วงล่างที่ดีกว่าเพราะมาจากพื้นฐานเก๋ง แต่
โตโยต้าจะเสียเปรียบเพราะใช้ช่วงล่างของอแวนซ่าที่มีอายุอานามร่วม 15 ปีแล้ว
กำลังเข้าปีที่ 16!
ทางแก้มีทางเดียวคือ ต้องปรับปรุงช่วงล่างอย่างหนัก ด้วยโช้คหรือสปริง
หรือปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไรก็แล้วแต่ให้ driving comfort มันมากขึ้นกว่าที่
เป็นอยู่ ก็อาจจะทำให้คนซื้อพอใจขึ้นบ้าง
ในส่วนของออลนิววีออสที่คิดว่าจะทำมาขายคู่กับยาริส เอทิฟ ตามคอนเซ็ปท์ คาร์ของ
ไดฮัทสุ เรื่องนี้ก็เหมือนคิดกันไปเอง เพราะถ้าจะทำจริงๆ ก็ต้องมั่นใจว่าทำออกมาแล้ว
โกยยอดขายร่วมกับเอทิฟได้ แต่ถ้าโตโยต้ามองว่าไม่คุ้ม แค่นี้มันก็ไม่เกิดแล้ว
แล้วไดฮัทสุมาลงเงินกับทีแมปไทยแลนด์ทำไม
เป็นไปได้ว่าคงมีโมเดลใหม่อะไรสักอย่าง แต่น่าจะเป็นยาริส เอทิฟรุ่นถัดไปมากกว่า
ที่อาจจะขยายบอดี้ต่อไปเป็น อแวนซ่า กับรัช พื้นฐานรถเก๋ง แบบที่ฮอนด้าทำ BR-V, โมบิลิโอ้
อย่าเชื่อผม เพราะผมมโนเอง!
แต่ถ้าโตโยต้าคิดว่า โมเดล BR-V, โมบิลิโอ้ ของฮอนด้าดูแล้วพอเป็นไปได้
ก็จะมีรถอีโค่คาร์ ที่แชร์ชิ้นส่วนกับมินิแวน 1.5 กับ SUV 1.5 ทำให้เกิดการลดคอสท์
ได้เป็นอย่างดี
เพราะตอนนี้ไทยแลนด์ รถอีโคคาร์คือโปรดักท์หัวใจหลักรองลงมาจากกระบะ!
การแชร์ชิ้นส่วนคือสิ่งสำคัญอย่างมาก
อีกอย่างกระแสตลาด SUV ทำให้โตโยต้า ฮอนด้าต้องทำ C-HR กับ HR-V ออกมาก็จริง
แต่พวกเขาไม่มีแผนที่จะทำโกลบอล SUV ที่ขนาดเล็กกว่านั้น! โดยเฉพาะสำหรับ
ตลาดอาเซียน
แต่ถ้าเป็นการแปลงจากมินิแวน ก็อาจจะเป็นไปได้! ยกตัวอย่างที่ทำสำเร็จมาแล้ว
อย่าง เอ็กซแพนเดอร์ ที่เป็นมินิแวนที่มีทรงคล้าย SUV มาก และเอ็กซแพนเดอร์
ก็มีศักยภาพในการทำยอดขายในระดับเดียวกับ B car 1500 สมัยก่อนได้สบายๆ
ดังนั้นเมื่อมองแผนในตลาดไทยแล้ว ยังไงๆ ก็ดูเหมือนค่ายรถจะยกตลาด
รถเก๋ง 1500cc ให้กับรถที่มีบอดี้ใหญ่กว่าอย่างมินิแวน หรือ SUV เล็กที่ดัดแปลงจากมินิแวนอีกที
ซึ่งอาจจะเป็นความคิดแบบญี่ปุ่นๆ
และอีกอย่าง
คงยากที่จะมีใครตั้งใจทำเครื่องดีเซล 1500 มาให้เก๋งเล็กอย่างค่ายอินดี้แบบมาสด้า
เพราะต้นทุนสูง และมาสด้าก็พิสูจน์มาให้เห็นแล้วว่า "น้ำดัน" และปัญหาอะไรต่อมิอะไร
ก็จะทำให้ยอดขายหดตัวเสียเปล่าๆ
กว่าที่จะถึงตอนนั้น ที่มีผู้เล่นในตลาดครบๆ ตามสูตรการแชร์ อีโคคาร์+มินิแวน+SUV
ตอนนี้ก็หวังเห็นแค่คู่อแวนซ่าใหม่จับคู่มากับ RUSH ไปก่อน
ส่วนวีออสปัจจุบันยังถือว่าสามารถทำตลาดไปได้อีก 1 - 2 ปี แม้จะไม่มากเหมือนเมื่อก่อน
แต่ก็ทำยอดพอได้
ลองมาดูอแวนซ่าไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งเป็นความพยายามต่ออายุครั้งที่สี่ แต่ถ้าทำไมเนอร์เชนจ์
เล็กๆ ก็ถือเป็นครั้งที่ห้า! ในปีที่ 15 ของพื้นฐานวิศวกรรมตัวนี้ ด้วยหน้าเวลไฟร์ และมีการปรับปรุง
ช่วงล่างมาด้วยเล็กน้อย ซึ่งการปรับน่าจะเป็นการปรับเพื่อให้เด้งดีดดิ้นน้อยลง ซึ่งก็คือทำให้โช้คหนืดขึ้น
ขับแล้วรู้สึกแข็งขึ้น ส่วนนุ่มหนึบอย่าไปหวัง เพราะตัวถังอแวนซ่ามันเบา
การปรับปรุงโฉมในครั้งนี้ ไม่ได้ไปยุ่งกับตัวถังใดๆ เลย แต่ก็ทำออกมาได้โดดเด่นดี
ไฟหน้า 2 ชั้นก็คือสไตล์ของเวลไฟร์ ส่วนกระจังหน้าในรุ่นเวลอสหรือรุ่นท็อปของอแวนซ่าเป็นสไตล์
ที่คล้ายกับแคมรี่สปอร์ตตัวใหมล่าสุด
การตกแต่งภายในทำให้รู้ว่า ยังคงเป็นมินิแวนราคาประหยัดเหมือนเดิม จึงไม่น่าที่จะเพิ่มราคาไปจาก
รุ่นเดิมมากนักสำหรับในไทย หวังว่า..
อย่างที่หลายคนพูด หมดยุคของเก๋ง B 1500 เข้าไปทุกที
ซึ่งที่จริงในญี่ปุ่นขายเป็นเครื่อง 1300 มานานแล้ว ส่วนเก๋ง B 1500 ก็จะเป็นรุ่นท๊อปสปอร์ต
ที่มียอดขายน้อยกว่า การมาของอีโคคาร์ในไทยก็จะทำให้ตลาดเก๋งเล็กของบ้านเราใกล้เคียง
กับญี่ปุ่นมากขึ้น
แต่การที่จะปรับให้ตลาดไทยเป็นไปตามตลาดอินโดที่นิยมในมินิแวน 1500 คงต้องมี
การปรับปรุงหน้าตา และออฟชั่นภายในกันครั้งใหญ่ เอ็กซแพนเดอร์เป็นตัวอย่างที่ดี
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เพื่อนผู้หญิงรอบตัวผมถามถึงเอ็กซแพนเดอร์ จากปกติที่ผู้หญิงจะมองแต่
รถเก๋ง 1500
สำหรับโตโยต้า อาจใช้แค่อแวนซ่ากับเซียนต้าสำหรับตลาด 1500 เมืองไทยก็ได้
ส่วนการมาของ RUSH ก็ยังต้องลุ้นต่อไป แต่ในภาพรวม โปรดักส์ไม่ได้มาชนกับ
เซียนต้า C-HR และฟอร์จูนเนอร์อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าพวกเขาจะเห็นว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
หรือไม่ในการสต๊อกอะไหล่ กับการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ สำหรับการเพิ่ม RUSH เข้ามาในตลาด
RUSH นั้นเคยตกรอบไม่ได้เข้ามาขายตั้งแต่สมัยที่เลือกเอาอแวนซ่าเจนแรกเข้ามาขายแล้ว
ซึ่งในตอนนั้น รูปโบรชัวร์สวยมาก แต่โตโยต้าก็ไม่มีแผนที่เอามาในตอนนั้น ซึ่ง
ในตอนนั้นราคาฟอร์จูนเนอร์รุ่นล่างน่าจะยังไม่ถึงล้านถ้าจำไม่ผิด แต่ในปัจจุบัน
ฟอร์จูนเนอร์ถูกอัพราคาขึ้นไปไกลแล้ว การที่ RUSH จะไม่ได้มา ก็อาจเป็นเพราะยังมี
C-HR ที่ราคา 9 แสนปลายๆ ขายอยู่นี่แหล่ะ เหมือนสมัยโน้นไม่มีผิด
ในการตลาดของฮอนด้า พวกเขาทำง่ายๆ เพียงแค่ "การตั้งชื่อ" จนกลายเป็นกลุ่ม "V"
ก็คือ BR-V, HR-V, CR-V ทำให้การทำตลาดสามารถแบ่งตามขนาดตัวถังได้ง่ายไม่สับสน
แต่ของโตโยต้าอาจยากกว่าถ้าเขาจะมีทั้ง RUSH, C-HR, ฟอร์จูนเนอร์ เพราะชื่อเหมือนไป
คนละทางกัน และ RUSH ก็จะทำให้ C-HR ดูเป็น SUV ที่แคบยิ่งขึ้นไปอีก จากเดิมที่
มี BR-V, HR-V ที่ทำให้มันดูแคบมากอยู่แล้วในเรื่องของทัศนวิสัยของคนนั่งหลัง
แต่ถ้า C-HR ทำได้แบบ HR-V ไม่ว่าจะเป็นหลังคาพาโนรามิก ลายล้อแม็กที่งดงามกว่าที่เป็นอยู่
ออฟชั่นที่ไม่บังคับว่าต้องเป็นไฮบริด ก็จะทำให้เรื่องความอึดอัดดูดีขึ้น ไม่ต้องกังวลว่า
RUSH จะมาแย้งซีน
ดังนั้น RUSH จะมาได้มั้ยในตอนนี้ คิดว่าดูโอกาสน้อยเต็มที
โตโยต้า ฮอนด้า คิดว่าอนาคตรถ 1.5 ของพวกเขาควรเป็นมินิแวนรึเปล่าครับ ส่วนเก๋ง 1.5 เดิมโยกไปอยู่อีโค่คาร์ ?
ทำให้ผมเริ่มคิดๆ ว่าโตโยต้าอาจมองว่ารถ 1.5 ควรเป็นรถใหญ่ๆ แบบมินิแวนไปเลย ส่วน
พวกเก๋งก็ลงมาอยู่เป็นอีโคคาร์ เพราะขนาดเล็กกว่า เหมาะสมกับเครื่องเบนซิน 1.2 - 1.3
ส่วนฮอนด้าก็เหมือนจะเอาแจ้ส/ซิตี้ลงเครื่อง 1.1 เทอร์โบขายเป็นอีโคคาร์เช่นเดียวกัน
แม้ว่าราคาคงจะไม่ถูกเหมือนอีโคคาร์ 1.2 ทั่วไป แต่ก็เป็นการขยับลง ซึ่งถ้าจะขายดีก็ต้อง
ราคาต่ำกว่าสมัยใช้เครื่อง 1.5 ในระดับหนึ่ง
เพราะรถเก๋งที่ต่ำกว่า B เซกเม้นต์เดิม ค่าวิจัยพัฒนามันไม่คุ้มที่จะผลิต ยกตัวอย่างเช่น
บริโอ บริโออเมส เซเรริโอ้ ไม่งั้นก็ต้องทำเล็กๆ ไปเลยอย่าง มิราจ แอททราจ
อย่าทำซ้ำซ้อนแบบฮอนด้า และซูซุกิ
ซึ่งนี่จะเป็นวิธีคิดเฉพาะตลาดไทยเท่านั้น เพราะในตลาดอื่นบ้านเรายังส่ง
B เซกเม้นต์ใส่เครื่อง 1.5 ขายปกติ เช่นวีออส ยาริส
ตอนนี้ฮอนด้ามี BR-V, mobilio ใช้เครื่อง 1.5 และมีราคาอยู่ในช่วง
600,000 - 820,000 ซึ่งก็เป็นย่านราคาเดียวกับ B car 1500
ซึ่งมีการขับขี่ ช่วงล่าง และสมรรถนะไม่แพ้ซิตี้ แจ้สเลย แถมเอนกประสงค์มาก
และอาจมีศักยภาพในการทำตลาดมากขึ้น ถ้าไมเนอร์หน้าตาและออฟชั่นให้
ตรงใจตลาดมากขึ้น
ส่วนโตโยต้าปัจจุบันมีอแวนซ่าราคาเริ่มต้นเท่ากับวีออสตอนนี้มากๆ
605,000 vs 609,000 บาท ส่วนรุ่นท็อป 729,000 vs 789,000 วีออสแพงกว่า 60,000
ถ้าเทียบกับคู่ BR-V, โมบิลิโอ้
โตโยต้ายังมี RUSH ที่จะมาเสียบที่ว่างต่อจากรุ่นท็อปอแวนซ่า
ประมาณ 7.5 แสน ถึง 8 แสนกว่าๆ แบบ BR-V !
ถ้าออกมาตามนี้จริง ก็เป็นการจัดลำดับราคาที่เหมือนกันมาก!
ความแตกต่างมีแค่ ฮอนด้าจะมีช่วงล่างที่ดีกว่าเพราะมาจากพื้นฐานเก๋ง แต่
โตโยต้าจะเสียเปรียบเพราะใช้ช่วงล่างของอแวนซ่าที่มีอายุอานามร่วม 15 ปีแล้ว
กำลังเข้าปีที่ 16!
ทางแก้มีทางเดียวคือ ต้องปรับปรุงช่วงล่างอย่างหนัก ด้วยโช้คหรือสปริง
หรือปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไรก็แล้วแต่ให้ driving comfort มันมากขึ้นกว่าที่
เป็นอยู่ ก็อาจจะทำให้คนซื้อพอใจขึ้นบ้าง
ในส่วนของออลนิววีออสที่คิดว่าจะทำมาขายคู่กับยาริส เอทิฟ ตามคอนเซ็ปท์ คาร์ของ
ไดฮัทสุ เรื่องนี้ก็เหมือนคิดกันไปเอง เพราะถ้าจะทำจริงๆ ก็ต้องมั่นใจว่าทำออกมาแล้ว
โกยยอดขายร่วมกับเอทิฟได้ แต่ถ้าโตโยต้ามองว่าไม่คุ้ม แค่นี้มันก็ไม่เกิดแล้ว
แล้วไดฮัทสุมาลงเงินกับทีแมปไทยแลนด์ทำไม
เป็นไปได้ว่าคงมีโมเดลใหม่อะไรสักอย่าง แต่น่าจะเป็นยาริส เอทิฟรุ่นถัดไปมากกว่า
ที่อาจจะขยายบอดี้ต่อไปเป็น อแวนซ่า กับรัช พื้นฐานรถเก๋ง แบบที่ฮอนด้าทำ BR-V, โมบิลิโอ้
อย่าเชื่อผม เพราะผมมโนเอง!
แต่ถ้าโตโยต้าคิดว่า โมเดล BR-V, โมบิลิโอ้ ของฮอนด้าดูแล้วพอเป็นไปได้
ก็จะมีรถอีโค่คาร์ ที่แชร์ชิ้นส่วนกับมินิแวน 1.5 กับ SUV 1.5 ทำให้เกิดการลดคอสท์
ได้เป็นอย่างดี
เพราะตอนนี้ไทยแลนด์ รถอีโคคาร์คือโปรดักท์หัวใจหลักรองลงมาจากกระบะ!
การแชร์ชิ้นส่วนคือสิ่งสำคัญอย่างมาก
อีกอย่างกระแสตลาด SUV ทำให้โตโยต้า ฮอนด้าต้องทำ C-HR กับ HR-V ออกมาก็จริง
แต่พวกเขาไม่มีแผนที่จะทำโกลบอล SUV ที่ขนาดเล็กกว่านั้น! โดยเฉพาะสำหรับ
ตลาดอาเซียน
แต่ถ้าเป็นการแปลงจากมินิแวน ก็อาจจะเป็นไปได้! ยกตัวอย่างที่ทำสำเร็จมาแล้ว
อย่าง เอ็กซแพนเดอร์ ที่เป็นมินิแวนที่มีทรงคล้าย SUV มาก และเอ็กซแพนเดอร์
ก็มีศักยภาพในการทำยอดขายในระดับเดียวกับ B car 1500 สมัยก่อนได้สบายๆ
ดังนั้นเมื่อมองแผนในตลาดไทยแล้ว ยังไงๆ ก็ดูเหมือนค่ายรถจะยกตลาด
รถเก๋ง 1500cc ให้กับรถที่มีบอดี้ใหญ่กว่าอย่างมินิแวน หรือ SUV เล็กที่ดัดแปลงจากมินิแวนอีกที
ซึ่งอาจจะเป็นความคิดแบบญี่ปุ่นๆ
และอีกอย่าง
คงยากที่จะมีใครตั้งใจทำเครื่องดีเซล 1500 มาให้เก๋งเล็กอย่างค่ายอินดี้แบบมาสด้า
เพราะต้นทุนสูง และมาสด้าก็พิสูจน์มาให้เห็นแล้วว่า "น้ำดัน" และปัญหาอะไรต่อมิอะไร
ก็จะทำให้ยอดขายหดตัวเสียเปล่าๆ
กว่าที่จะถึงตอนนั้น ที่มีผู้เล่นในตลาดครบๆ ตามสูตรการแชร์ อีโคคาร์+มินิแวน+SUV
ตอนนี้ก็หวังเห็นแค่คู่อแวนซ่าใหม่จับคู่มากับ RUSH ไปก่อน
ส่วนวีออสปัจจุบันยังถือว่าสามารถทำตลาดไปได้อีก 1 - 2 ปี แม้จะไม่มากเหมือนเมื่อก่อน
แต่ก็ทำยอดพอได้
ลองมาดูอแวนซ่าไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งเป็นความพยายามต่ออายุครั้งที่สี่ แต่ถ้าทำไมเนอร์เชนจ์
เล็กๆ ก็ถือเป็นครั้งที่ห้า! ในปีที่ 15 ของพื้นฐานวิศวกรรมตัวนี้ ด้วยหน้าเวลไฟร์ และมีการปรับปรุง
ช่วงล่างมาด้วยเล็กน้อย ซึ่งการปรับน่าจะเป็นการปรับเพื่อให้เด้งดีดดิ้นน้อยลง ซึ่งก็คือทำให้โช้คหนืดขึ้น
ขับแล้วรู้สึกแข็งขึ้น ส่วนนุ่มหนึบอย่าไปหวัง เพราะตัวถังอแวนซ่ามันเบา
การปรับปรุงโฉมในครั้งนี้ ไม่ได้ไปยุ่งกับตัวถังใดๆ เลย แต่ก็ทำออกมาได้โดดเด่นดี
ไฟหน้า 2 ชั้นก็คือสไตล์ของเวลไฟร์ ส่วนกระจังหน้าในรุ่นเวลอสหรือรุ่นท็อปของอแวนซ่าเป็นสไตล์
ที่คล้ายกับแคมรี่สปอร์ตตัวใหมล่าสุด
การตกแต่งภายในทำให้รู้ว่า ยังคงเป็นมินิแวนราคาประหยัดเหมือนเดิม จึงไม่น่าที่จะเพิ่มราคาไปจาก
รุ่นเดิมมากนักสำหรับในไทย หวังว่า..
อย่างที่หลายคนพูด หมดยุคของเก๋ง B 1500 เข้าไปทุกที
ซึ่งที่จริงในญี่ปุ่นขายเป็นเครื่อง 1300 มานานแล้ว ส่วนเก๋ง B 1500 ก็จะเป็นรุ่นท๊อปสปอร์ต
ที่มียอดขายน้อยกว่า การมาของอีโคคาร์ในไทยก็จะทำให้ตลาดเก๋งเล็กของบ้านเราใกล้เคียง
กับญี่ปุ่นมากขึ้น
แต่การที่จะปรับให้ตลาดไทยเป็นไปตามตลาดอินโดที่นิยมในมินิแวน 1500 คงต้องมี
การปรับปรุงหน้าตา และออฟชั่นภายในกันครั้งใหญ่ เอ็กซแพนเดอร์เป็นตัวอย่างที่ดี
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เพื่อนผู้หญิงรอบตัวผมถามถึงเอ็กซแพนเดอร์ จากปกติที่ผู้หญิงจะมองแต่
รถเก๋ง 1500
สำหรับโตโยต้า อาจใช้แค่อแวนซ่ากับเซียนต้าสำหรับตลาด 1500 เมืองไทยก็ได้
ส่วนการมาของ RUSH ก็ยังต้องลุ้นต่อไป แต่ในภาพรวม โปรดักส์ไม่ได้มาชนกับ
เซียนต้า C-HR และฟอร์จูนเนอร์อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าพวกเขาจะเห็นว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
หรือไม่ในการสต๊อกอะไหล่ กับการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ สำหรับการเพิ่ม RUSH เข้ามาในตลาด
RUSH นั้นเคยตกรอบไม่ได้เข้ามาขายตั้งแต่สมัยที่เลือกเอาอแวนซ่าเจนแรกเข้ามาขายแล้ว
ซึ่งในตอนนั้น รูปโบรชัวร์สวยมาก แต่โตโยต้าก็ไม่มีแผนที่เอามาในตอนนั้น ซึ่ง
ในตอนนั้นราคาฟอร์จูนเนอร์รุ่นล่างน่าจะยังไม่ถึงล้านถ้าจำไม่ผิด แต่ในปัจจุบัน
ฟอร์จูนเนอร์ถูกอัพราคาขึ้นไปไกลแล้ว การที่ RUSH จะไม่ได้มา ก็อาจเป็นเพราะยังมี
C-HR ที่ราคา 9 แสนปลายๆ ขายอยู่นี่แหล่ะ เหมือนสมัยโน้นไม่มีผิด
ในการตลาดของฮอนด้า พวกเขาทำง่ายๆ เพียงแค่ "การตั้งชื่อ" จนกลายเป็นกลุ่ม "V"
ก็คือ BR-V, HR-V, CR-V ทำให้การทำตลาดสามารถแบ่งตามขนาดตัวถังได้ง่ายไม่สับสน
แต่ของโตโยต้าอาจยากกว่าถ้าเขาจะมีทั้ง RUSH, C-HR, ฟอร์จูนเนอร์ เพราะชื่อเหมือนไป
คนละทางกัน และ RUSH ก็จะทำให้ C-HR ดูเป็น SUV ที่แคบยิ่งขึ้นไปอีก จากเดิมที่
มี BR-V, HR-V ที่ทำให้มันดูแคบมากอยู่แล้วในเรื่องของทัศนวิสัยของคนนั่งหลัง
แต่ถ้า C-HR ทำได้แบบ HR-V ไม่ว่าจะเป็นหลังคาพาโนรามิก ลายล้อแม็กที่งดงามกว่าที่เป็นอยู่
ออฟชั่นที่ไม่บังคับว่าต้องเป็นไฮบริด ก็จะทำให้เรื่องความอึดอัดดูดีขึ้น ไม่ต้องกังวลว่า
RUSH จะมาแย้งซีน
ดังนั้น RUSH จะมาได้มั้ยในตอนนี้ คิดว่าดูโอกาสน้อยเต็มที