'Queen's English'

วันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จัก '
Queen's English' หรืออีกคือ '
RP accent' พร้อมประวัติคร่าว ๆ ของมันว่ามีความเป็นมาอย่างไร และทำไมคนถึงยกให้มันเป็น '
สำเนียงอังกฤษแบบมาตรฐาน'
บอกเลยคำพูดที่ว่า '
สำเนียงเปลี่ยนชีวิต' มันเป็นความจริง!
Let's roll!
_______________
ขอเริ่มที่คำถามง่าย ๆ ที่อาจคาใจหลายคนมานาน
'
เราสามารถมีสำเนียงภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษาได้ไหม?'
(Is it possible to eliminate an accent?)
คำตอบคือ
ได้!
แต่ทุกคนต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า "
ยิ่งเราฝึกออกเสียงให้ถูกตั้งแต่เนิ่น ๆ เราจะสามารถปรับสำเนียงให้เหมือนเจ้าของภาษาได้ง่ายขึ้น"
(The earlier you practice your English pronunciation, the better!)
หมายความว่า หากฝึกออกเสียงให้ถูกต้องมาตั้งแต่ตอนเริ่มเรียนเลย สำเนียงแบบไทย ๆ ก็จะหายไปเร็ว หากฝึกช้าหน่อย มันก็หายยาก แต่ก็ยังเป็นไปได้อยู่!
(As you grow older, It becomes harder, but still possible, to get rid of your Thai accent.)
ดังนั้นประโยคที่บอกว่า '
เด็กจะเรียนออกเสียงได้เร็วกว่าผู้ใหญ่' เป็นความจริง! เพราะเขาไม่ต้องมาคุ้นเคยกับสำเนียงอังกฤษแบบไทย ๆ (หรือสำเนียงแบบ Tinglish) แต่สำหรับผู้ใหญ่ก็อาจจะยากหน่อย เพราะชินกับสำเนียงทิงลิชมาสักพักละ
(Children can pick up the language much faster than adults.)
ดังนั้น ถ้าเป้าหมายเราคือ '
อยากสำเนียงดี' ควรเริ่มฝึก pronunciation ตั้งแต่เนิ่น ๆ (วันนี้เลย!)
ท่องให้ขึ้นใจ The earlier, the better!
_______________
ในปัจจุบัน เราแบ่ง '
สำเนียงภาษาอังกฤษแบบเจ้าของภาษา' ออกเป็นสี่สำเนียงหลัก แต่แบ่งเป็นสองกลุ่มที่ใกล้เคียงกันคือ
1. สำเนียงอังกฤษ (British accents) คู่กับสำเนียงออสซี่ (Australian accents) สองสำเนียงนี้มีความเป็น British ทั้งคู่
2. สำเนียงอเมริกัน (American accents) คู่กับ สำเนียงแคนาดา (Canadian accents) สองสำเนียงนี้มีความเป็น American ทั้งคู่
สังเกตว่าผมเติม s ให้กับคำว่า accent ด้วย เพราะว่าแม้เราจะแบ่งกลุ่มมันออกเป็นสี่กลุ่ม แต่ในสี่กลุ่มนี้ก็ยังมีสำเนียงย่อยลงไปอีก ตามภูมิภาคบ้าง ตามระดับการศึกษาบ้าง ตามสภาพสังคมบ้าง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น 'ปัจจัย' (factor) ที่ทำให้เกิดสำเนียงที่ต่างกัน
ลองนับดูแค่ใน UK อย่างเดียวก็มีไม่ต่ำกว่า 20 สำเนียงแล้วเนี่ย! แล้วเราจะฝึกสำเนียงไหนดี?
_______________
ทีนี้มาพูดถึง '
สำเนียงอังกฤษแบบมาตรฐาน' (standard English)
ใน UK สำเนียงที่ถูกยกให้เป็นมาตรฐานคือ "
RP accent" หรือที่หลายคนอาจจะเรียกมันว่า '
สำเนียง BBC'
RP ย่อมาจาก '
Received Pronunciation' แปลว่า '
สำเนียงที่ได้รับมา'
แล้วได้รับมาจากใคร?
ไม่ได้รับมาจากใครทั้งนั้นครับ 'Received' มีอีกหนึ่งความหมายคือ '
เป็นที่ยอมรับว่าถูกต้อง' (accepted to be right) ดังนั้น RP accent จึงแปลว่า '
สำเนียงที่เป็นที่ยอมรับในทุก ๆ ภาค' หรือเป็น Standard English นั่นเอง
คำถามต่อมาเลยกลายเป็น
'ทำไมผู้คนถึงยอมรับให้สำเนียงนี้เป็นสำเนียงมาตรฐาน?'
_______________
เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มในช่วงปี 1922 เมื่อ BBC ก่อตั้งขึ้นมา 'จอห์น รีธ' (หรือ Lord Reith) ถูกดึงตัวมาเป็นผู้อำนวยการคนแรกของสำนักข่าว BBC ในปี 1927
อย่างที่ทราบกันดีในช่วงนั้นผู้มีอำนาจทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา รวมไปถึงผู้ร่ำรวยในสังคมล้วนแล้วเป็นชนชั้นสูงทั้งนั้น และแน่นอนว่าคนเหล่านี้พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียง Queen's English!
ทำให้กฎเหล็กข้อแรกของการเข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าวของสำนักข่าวนี้คือ '
คุณต้องพูดอังกฤษด้วยสำเนียงมาตรฐาน' ซึ่งก็ไม่ใช่มาตรฐานของใคร มันคือมาตรฐานของจอห์น รีธนั่นเอง! (ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลย)
เพราะหากจะให้นักข่าวพูดสำเนียง Cockney หรือ Irish accent คนดูคงจะหัวเราะท้องแข็งตายก่อนข่าวจบ
ไม่ได้หมายความสำเนียงมันน่าขำขนาดนั้นนะ แต่มันเป็นธรรมชาติของภาษา อย่าลืมว่าภาษามันเป็นเรื่องของ '
ความคุ้นเคย' เราจึงไม่อาจห้ามความจริงที่ว่า '
คนทางตอนเหนือก็ย่อมรู้สึกประหลาดกับสำเนียงคนใต้ คนภาคกลางก็ย่อมรู้สึกแปลก ๆ กับสำเนียงของคนที่อยู่โซนตะวันออก' แบบนี้ไปเรื่อย ๆ
มันทำให้จอห์น รีธต้องตีโจทย์ข้อแรกให้แตกคือ '
เขาจะใช้สำเนียงไหนที่ จะทำให้ทุกคนรู้สึกคุ้นเคย และไม่รู้สึกประหลาดหรืออยากหัวเราะเวลาได้ยิน'
คำตอบมันไม่ยากเลย เริ่มจากความคิดที่ว่า 'ใครก็อยากรวย ใครก็อยากมีอำนาจ เป็นเหตุผลที่ใครก็อยาก '
พูด' เหมือนชนชั้นสูง'
ทำให้เขาติดสินใจเลือกสำเนียง RP มาเป็นมาตรฐาน เพราะนอกจากทุกคนจะคุ้นเคยแล้ว พวกเขายังเทิดทูนบูชาคนที่พูดสำเนียงนี้ด้วย! ไม่แปลกใจเลยที่ BBC พูดอะไรใครก็เชื่อ!

(John Reith (1889-1971), the founder of BBC)
_______________
เลยเกิดความคิดที่ว่า '
สำเนียงอังกฤษที่ดีคือสำเนียง RP' ยิ่งต่อมาคนเริ่มหันมาดูทีวีมากขึ้น สำเนียงนี้ยิ่งเป็นที่รู้จักกว้างขวางและยอมรับเพิ่มขึ้นไปอีก
จนถึงขั้นที่ว่า 'หากคุณไม่พูดสำเนียง RP คุณจะไม่ได้งานนี้!' เลย
เป็นสาเหตุที่ไม่ว่าจะมาจากชนชั้นไหน บ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ไหน เติบโตในเมืองอะไร หากอยากได้งานดี ๆ มีหน้ามีตาในสังคม คุณต้องฝึกพูดสำเนียง RP ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
หากใครอยากรู้ว่าสำเนียง RP เป็นแบบไหน เปิด Harry Potter หรือ Game of Thrones ดูเลย แล้วสังเกตว่าใครพูดภาษาอังกฤษชัดและไพเราะกว่าเพื่อน เช่น Emma Watson (เฮอร์ไมโอนี่), Daniel Radcliffe (แฮร์รี่ พอตเตอร์), คนในตระกูล Lannister เป็นต้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องบอกว่าสำเนียง RP ในปัจจุบัน กับเมื่อ 50 ปีก่อน มันก็ค่อนข้างต่างกันพอสมควร และอีก 50 ปีข้างหน้าก็คงไม่เหมือนวันนี้แน่นอน
Stay knowledge-hungry
JGC.
สำเนียงอังกฤษแบบมาตรฐาน
วันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จัก 'Queen's English' หรืออีกคือ 'RP accent' พร้อมประวัติคร่าว ๆ ของมันว่ามีความเป็นมาอย่างไร และทำไมคนถึงยกให้มันเป็น 'สำเนียงอังกฤษแบบมาตรฐาน'
บอกเลยคำพูดที่ว่า 'สำเนียงเปลี่ยนชีวิต' มันเป็นความจริง!
Let's roll!
_______________
ขอเริ่มที่คำถามง่าย ๆ ที่อาจคาใจหลายคนมานาน
'เราสามารถมีสำเนียงภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษาได้ไหม?'
(Is it possible to eliminate an accent?)
คำตอบคือ ได้!
แต่ทุกคนต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า "ยิ่งเราฝึกออกเสียงให้ถูกตั้งแต่เนิ่น ๆ เราจะสามารถปรับสำเนียงให้เหมือนเจ้าของภาษาได้ง่ายขึ้น"
(The earlier you practice your English pronunciation, the better!)
หมายความว่า หากฝึกออกเสียงให้ถูกต้องมาตั้งแต่ตอนเริ่มเรียนเลย สำเนียงแบบไทย ๆ ก็จะหายไปเร็ว หากฝึกช้าหน่อย มันก็หายยาก แต่ก็ยังเป็นไปได้อยู่!
(As you grow older, It becomes harder, but still possible, to get rid of your Thai accent.)
ดังนั้นประโยคที่บอกว่า 'เด็กจะเรียนออกเสียงได้เร็วกว่าผู้ใหญ่' เป็นความจริง! เพราะเขาไม่ต้องมาคุ้นเคยกับสำเนียงอังกฤษแบบไทย ๆ (หรือสำเนียงแบบ Tinglish) แต่สำหรับผู้ใหญ่ก็อาจจะยากหน่อย เพราะชินกับสำเนียงทิงลิชมาสักพักละ
(Children can pick up the language much faster than adults.)
ดังนั้น ถ้าเป้าหมายเราคือ 'อยากสำเนียงดี' ควรเริ่มฝึก pronunciation ตั้งแต่เนิ่น ๆ (วันนี้เลย!)
ท่องให้ขึ้นใจ The earlier, the better!
_______________
ในปัจจุบัน เราแบ่ง 'สำเนียงภาษาอังกฤษแบบเจ้าของภาษา' ออกเป็นสี่สำเนียงหลัก แต่แบ่งเป็นสองกลุ่มที่ใกล้เคียงกันคือ
1. สำเนียงอังกฤษ (British accents) คู่กับสำเนียงออสซี่ (Australian accents) สองสำเนียงนี้มีความเป็น British ทั้งคู่
2. สำเนียงอเมริกัน (American accents) คู่กับ สำเนียงแคนาดา (Canadian accents) สองสำเนียงนี้มีความเป็น American ทั้งคู่
สังเกตว่าผมเติม s ให้กับคำว่า accent ด้วย เพราะว่าแม้เราจะแบ่งกลุ่มมันออกเป็นสี่กลุ่ม แต่ในสี่กลุ่มนี้ก็ยังมีสำเนียงย่อยลงไปอีก ตามภูมิภาคบ้าง ตามระดับการศึกษาบ้าง ตามสภาพสังคมบ้าง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น 'ปัจจัย' (factor) ที่ทำให้เกิดสำเนียงที่ต่างกัน
ลองนับดูแค่ใน UK อย่างเดียวก็มีไม่ต่ำกว่า 20 สำเนียงแล้วเนี่ย! แล้วเราจะฝึกสำเนียงไหนดี?
_______________
ทีนี้มาพูดถึง 'สำเนียงอังกฤษแบบมาตรฐาน' (standard English)
ใน UK สำเนียงที่ถูกยกให้เป็นมาตรฐานคือ "RP accent" หรือที่หลายคนอาจจะเรียกมันว่า 'สำเนียง BBC'
RP ย่อมาจาก 'Received Pronunciation' แปลว่า 'สำเนียงที่ได้รับมา'
แล้วได้รับมาจากใคร?
ไม่ได้รับมาจากใครทั้งนั้นครับ 'Received' มีอีกหนึ่งความหมายคือ 'เป็นที่ยอมรับว่าถูกต้อง' (accepted to be right) ดังนั้น RP accent จึงแปลว่า 'สำเนียงที่เป็นที่ยอมรับในทุก ๆ ภาค' หรือเป็น Standard English นั่นเอง
คำถามต่อมาเลยกลายเป็น
'ทำไมผู้คนถึงยอมรับให้สำเนียงนี้เป็นสำเนียงมาตรฐาน?'
_______________
เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มในช่วงปี 1922 เมื่อ BBC ก่อตั้งขึ้นมา 'จอห์น รีธ' (หรือ Lord Reith) ถูกดึงตัวมาเป็นผู้อำนวยการคนแรกของสำนักข่าว BBC ในปี 1927
อย่างที่ทราบกันดีในช่วงนั้นผู้มีอำนาจทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา รวมไปถึงผู้ร่ำรวยในสังคมล้วนแล้วเป็นชนชั้นสูงทั้งนั้น และแน่นอนว่าคนเหล่านี้พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียง Queen's English!
ทำให้กฎเหล็กข้อแรกของการเข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าวของสำนักข่าวนี้คือ 'คุณต้องพูดอังกฤษด้วยสำเนียงมาตรฐาน' ซึ่งก็ไม่ใช่มาตรฐานของใคร มันคือมาตรฐานของจอห์น รีธนั่นเอง! (ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลย)
เพราะหากจะให้นักข่าวพูดสำเนียง Cockney หรือ Irish accent คนดูคงจะหัวเราะท้องแข็งตายก่อนข่าวจบ
ไม่ได้หมายความสำเนียงมันน่าขำขนาดนั้นนะ แต่มันเป็นธรรมชาติของภาษา อย่าลืมว่าภาษามันเป็นเรื่องของ 'ความคุ้นเคย' เราจึงไม่อาจห้ามความจริงที่ว่า 'คนทางตอนเหนือก็ย่อมรู้สึกประหลาดกับสำเนียงคนใต้ คนภาคกลางก็ย่อมรู้สึกแปลก ๆ กับสำเนียงของคนที่อยู่โซนตะวันออก' แบบนี้ไปเรื่อย ๆ
มันทำให้จอห์น รีธต้องตีโจทย์ข้อแรกให้แตกคือ 'เขาจะใช้สำเนียงไหนที่ จะทำให้ทุกคนรู้สึกคุ้นเคย และไม่รู้สึกประหลาดหรืออยากหัวเราะเวลาได้ยิน'
คำตอบมันไม่ยากเลย เริ่มจากความคิดที่ว่า 'ใครก็อยากรวย ใครก็อยากมีอำนาจ เป็นเหตุผลที่ใครก็อยาก 'พูด' เหมือนชนชั้นสูง'
ทำให้เขาติดสินใจเลือกสำเนียง RP มาเป็นมาตรฐาน เพราะนอกจากทุกคนจะคุ้นเคยแล้ว พวกเขายังเทิดทูนบูชาคนที่พูดสำเนียงนี้ด้วย! ไม่แปลกใจเลยที่ BBC พูดอะไรใครก็เชื่อ!
(John Reith (1889-1971), the founder of BBC)
_______________
เลยเกิดความคิดที่ว่า 'สำเนียงอังกฤษที่ดีคือสำเนียง RP' ยิ่งต่อมาคนเริ่มหันมาดูทีวีมากขึ้น สำเนียงนี้ยิ่งเป็นที่รู้จักกว้างขวางและยอมรับเพิ่มขึ้นไปอีก
จนถึงขั้นที่ว่า 'หากคุณไม่พูดสำเนียง RP คุณจะไม่ได้งานนี้!' เลย
เป็นสาเหตุที่ไม่ว่าจะมาจากชนชั้นไหน บ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ไหน เติบโตในเมืองอะไร หากอยากได้งานดี ๆ มีหน้ามีตาในสังคม คุณต้องฝึกพูดสำเนียง RP ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
หากใครอยากรู้ว่าสำเนียง RP เป็นแบบไหน เปิด Harry Potter หรือ Game of Thrones ดูเลย แล้วสังเกตว่าใครพูดภาษาอังกฤษชัดและไพเราะกว่าเพื่อน เช่น Emma Watson (เฮอร์ไมโอนี่), Daniel Radcliffe (แฮร์รี่ พอตเตอร์), คนในตระกูล Lannister เป็นต้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องบอกว่าสำเนียง RP ในปัจจุบัน กับเมื่อ 50 ปีก่อน มันก็ค่อนข้างต่างกันพอสมควร และอีก 50 ปีข้างหน้าก็คงไม่เหมือนวันนี้แน่นอน
Stay knowledge-hungry
JGC.