เมื่อผมเป็นไวรัสตับอักเสบ บี

เรื่องมีอยู่ว่า เริ่มจากการไปบริจาคเลือดเมื่อเดือนสิงหาคม 61 (บริจาคเลือดครั้งแรกของกาชาดครับ) และมีการบริจาคเลือดครั้งที่ 2 ต้นเดือนธันวาคม 61 ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าผลเลือดทีได้บริจาคครั้งที่ 1 ใช้ไม่ได้ครับเนื่องจากเลือกมีผลเป็นบวกให้ไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลอย่างละเอียดจึงได้เข้าโรงพยาลในอำเภอ ในวันที่ 14 ธันวาคม 2561 หมอจึงสั่งให้เจาะเลือดไปจำนวน 2 เข็มเพื่อเข้า lab เข็มแรกจะรู้ภายใน 1 เดือน และเข็มที่ 2 รู้ผลภายใน 1 วัน ในวันนั้นจึงรู้ผลว่าไม่ได้ติดเชื้อเอดส์ หรือ HIV และหมอได้นัดฟังผลอีกรอบในวันที่ 11 มกราคม 2562 วันนั้นไปฟังปรากฏว่าตนเองได้เป็นไวรัสตับอับเสบชนิด บี มีผลเป็นบวก (HBsAg +ve , HBeAg +ve)  ซึ่งหมายถึงได้รับเชื้อไวรัส และไวรัสอยู่ระหว่างการแบ่งตัว และมีค่าตับ AST=59 ค่า ALT=119 เป็นค่าการอักเสบของตับ คนปกติประมาณ 40 ครับและพบจำนวนไวรัสที่นับได้คือ 435 ล้าน copies และในวันนั้นหมอได้สั่งยาชื่อ ทีโนโฟเวียร์ 300 ให้ทาน (หมอบอกว่าต้องทานทุกวันเวลาเดิมห้ามลืมเด็ดขาด ทานเวลาใหนก็ได้แล้วแต่สะดวก ผมเลือกทานก่อนนอน เวลา 21.00 น. ทุกวันครับ) และมีการตรวจค่าไตว่าปกติไหม เพราะยานี้จะมีผลระยะยาวกับไต ปรากฏว่าไตปกติ และหมอได้สั่งให้ไปตรวจอัลตร้าซาวด์ตับและไตที่คลินิกแห่งหนึ่ง จึงได้ไปตรวจอัลตร้าซาวด์ในวันที่ 16 มกราคม 6562 ผลปรากฏว่า
“normal echogenicity of liver without focal. the portal and hepatic veins are patent. no bile duct dilatation is detected. the gallbladder, spleen, partially visualized portion of pancreas and both kidneys are unremarkable. no ascites or significant lymphadenopathy. unremarkable study.”
จากที่หมออัลตร้าซาวด์บอกว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ (โล่งใจไปเยอะครับ) ต้องมาต่อสู่กับไวรัสบี และจะต้องนำผลตรวจอัลตร้าซาวด์ให้กับหมออีกรอบในวันที่ 21 มกราคม 2562 นี้ครับเดียวผมการรักษาและวิธีการรักษาจะมาอัพเดทให้เรื่อย ๆ นะครับ สู้ๆกับคนที่เป็นไวรัสบีด้วยกันนะครับ ทำจิตให้สบาย คิดไว้ว่าเป็นได้ต้องหายได้ครับ ออกกำลังกายทานอาหารที่มีประโยชน์ สร้างภูมิต้านทาน งดแอลกอฮอล์ (ผมก็งดตั้งแต่วันที่รู้ผลไวรัสครับ)