อยากเล่าประสบการณ์ มะเร็งเต้านม ที่เกิดขึ้นกับแม่ผม หลังผ่าตัด
ก่อนอื่นขอเล่าท้าวความย้อนกลับไป ก่อนที่แม่ผมจะเป็นมะเร็งเต้านม แม่เป็นลูกชาวไร่ ชาวนา ทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นคนแข็งแรงและขยัน ผมเป็นคนที่สามของครอบครัว ผมพอเติบใหญ่ ก็ได้ศึกษา ปวช ที่สระบุรี และ ปวส ที่สุพรรณบุรี และ ปริญญาตรี ที่ กรุงเทพ ฯ ณ ตอนนี้ทำงาน อยู่ อยุธยา ทำให้ผมต้องอยู่ห่างแม่ตลอดเวลา เวลาจะกลับไปเรียนที่แม่ก็ชอบร้องไห้ น้ำตาซึมแบบคิดถึง
วันหนึ่ง ผมกลับบ้านไปช่วยงานในไร่ แม่ชอบบ่นว่าทำงานไม่ไหวเหนื่อยหอบ แม่มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน หัวใจ เพิ่งมาเป็นช่วงอายุประมาณ 55 ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ก็บ่นอยู่หลายเดือน เหนื่อยง่ายทำงานไม่ได้เหมือนเก่า แม่ผมอายุประมาณ 55 ตอนนั้นผมก็คิดว่าแม่น่าจะแก่แล้วเลยเหนื่อยทำงานไม่ไหว ซึ่งผมกับพวกพี่ๆมาคิดกันอีกทีอายุแม่ก็ไม่ได้เข้าวัยชราทำไหมถึงเป็นแบบนี้ จึงตัดสินใจพาแม่ไปตรวจหมอก็เจาะก่อนเนื้อไปตรวจ ผลสรุปว่าแม่ผมเป็นมะเร็งเต้านมด้านซ้าย ระยะเท่าไรจำไม่ได้ จึงได้ทำการผ่าตัดก้อนเนื้อ ต่อมน้ำเหลือง และ ตัดนมออก ที่ชัยนาทพักฟื้นเสร็จ ก็ทำเรื่องรักษามะเร็งต่อ ที่ลพบุรี ทำการให้คีโม และ ฉายแสง
จากนั้นก็กลับบ้าน โดยแม่ก็ได้รับคำแนะนำการใช้ชีวิตประจำวัน จากหมอ เอกสารคู่มือ และผู้คนที่เคยเป็นมะเร็งด้วยกัน ต่างๆ เช่น
ห้ามทำอะไรทั้งสิ้น ในช่วงเวลานั้นนี้ ห้ามทำงานหนัก ห้ามบีบ นวด แขนด้านที่ผ่าตัด คือด้านซ้าย ห้ามวัดความดัน เข็มเจาะ อะไรทั้งสินเกี่ยวกับแขนด้านซ้าย ไม่ว่าหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเราต้องบอกเข้าให้ทราบแล้วห้ามยุ่งกับแขนข้างนี้เลย (เพราะว่ากรณีเคยแม่ผม แก่บ่อยตามเลยคิดว่าหมอรู้หมอเรียนมา แต่ที่จริงหมอไม่ทราบทุกเรื่อง ก็เกิดเรื่องจนได้เช่น หมอจับแม่วัดความดัน และทำกายภาพด้วยการบีบนวด เดียวผมเล่าเรื่องกายภาพให้ฟังที่หลัง
หลังจากนั้นไม่ถึงปีแม่ก็เริ่มหยิบจับทำงานบ้าน ทำอาหาร ล้างจาน ซึ่งแม่ผมเริ่มทำเร็วมาก ต่างจากเพื่อนบ้านที่เป็นเหมือนกับแม่เขาไม่ทำอะไรเลยเป็นเวลา 2 ปี แม่ก็คิดว่าหายเป็นปกติ แต่ยังมีอาการปวดแขนอยู่ นิดๆ ไม่เหมือนเดิม ด้วยความขยันคนเคยทำแก่ก็ทำเหมือนเดิม ลั้นผมและพวกพี่บอกอย่าๆ ทำ แต่แก่เป็นคนปากพูดแล้วมือถึง ถ้าผมช้า แก่จะทำเอง ประมาณไม่ทันใจแม่
และเรื่องก็เกิดขึ้นแม่ผมเริ่มทำงานที่หนักขึ้น เช่น ขับรถมอเตอร์ไซค์ จักรยาน ไปซื้อกับข้าว แล้วเดินไปตลาดนัด อนามัย และไปไร่กับพ่อไปแอบ ใช้ขอเกี่ยวหญ้า แล้วไปคุมคนงานฉีดยา ทั้งปั่นจักรยานล้ม หลังจากนั้นแม่เริ่มปวด แล้วก็ไปหาหมอกระดูก ก็ก็ให้ยามากินไม่หาย หมอจึงแนะนำให้ลองทำกายภาพ ไฟฟ้ากระตุ้น อาการปวดก็คงยังไม่ดีขึ้นแม่ก็ไปหาหมอแถวบ้าน ด้วยคำว่ากาพภาพแล้วจะดีขึ้น ทางออก แม่ผมไปแอบทำแต่แม่ไปคราวนี้ไม่ใช่กายภาพด้วยไฟฟ้า แม่เป็นการบีบนวดเหมือนแผนไทย จากนั้นก็ทวีคูณความปวด เห็นไหมครับหมอไม่รู้ทุกเรื่อง ไม่ถงถามว่าแม่ผมเป็นโรคอะไรมา ทำไหมถึงมาให้ทำกายภาพ
แล้วความปวดก็ทำให้แม่ผมต้องกลับลพบุรี รอบที่สอง ให้คีโม แล้วอาการปวดก็บรรเทาลงก็กลับมาอยู่บ้านปกติคราวนี้แม่ผมรู้ตัวว่าตัวเอง ทำผิดพลาด ด้วยการทำอย่างโน้นนี้ทำให้ปวด แก่จึง ดรอปตัวเอง ไม่หยิบจับหรือทำงาน ที่ดูแล้วหนักเกินไปสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง แต่ก็อยากว่า แก่ไม่ชอบรอ คือใช้ไปไหนต้องไป แก่ไปเดินไปตลาด เพื่อซื้อกับข้าวให้พ่อ แม่รักพ่อมากอาหารการกินต้องหาให้อยากได้ขาด รอบที่สาม ให้คีโม แม่เดินกลับจากอนามัย แล้วเหวี่ยแขน เพื่อออกกำลังแขน ปรากฎว่าแขนบวมปวด พอให้คีโมเสร็จก็หยุดลงแต่อาการก็ไม่ค่อยดีเหมือนสะสม แต่ก็ยังอยู่ได้ จนอายุแม่ผม 59 แขน นิ้วมือ บวมใหญ่ ด้วยการตัดต่อมน้ำเหลืองทิ้ง บวมน้ำเหลืองมันคั่ง ไม่สามารถไหลวนเวียนกลับได้ จนได้ไปหาหมอ รอบที่ สี่ ให้คีโม ก็ไม่ทำให้แขนของแม่ไม่ยุบลง ปวดทรมานกินยา มอร์ฟีน 3-4 ต่อวัน ก็แค่บรรเทา รอบที่ ห้า หมอให้คีโมแบบเมล็ด มาให้กินที่บ้าน อาการก็ไม่ดีขึ้น ปวดบวมเหมือนเดิม แล้วหน้าอกด้านซ้ายเริ่มแข็งรอยแขนพับก็เริ่มแข็ง จึงเข้ารับการรักษา รอบที่ หก ให้คีโม อาการก็ไม่ดีขึ้นหมอก็ให้กลับบ้านมารักษาบ้าน พอถึงวันนัดก็ไปพบแพทย์ แพทย์สรุปว่า หมอหมดทางรักษาแล้ว มะเร็งได้กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ให้กลับมารักษารับยาโรงพบาลที่บ้าน แม่ผมกินได้น้อยลงมะเร็งลุกลามไปปอดลำคอ พูดเสียงเบาหาย แล้วแผลเปื่อยภายในและนอก มีน้ำเหลือง หนอง ซ้ำเลือด หน้าอกและหลังซี่ซ้ายมีแต่แผล ไม่สามารถลุกด้วยตนเองได้ อาการทรุดลงเรื่อยๆ
ซึ่งผมอยากจะบอกใครก็ตาม ที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม เหมือนแม่ผม
ว่า หลังจากผ่าตัดทำการรักษาด้วยคีโมฉายแสง ไม่ควรทำงานที่หนักภายในระยะ 5 ปี ควรกลับไปตรวจหาเชื่อมะเร็งว่าตายไปหมดแล้วหรือหลงเหลืออยู่ เพื่อเป็นการป้องกัน และไม่ควรทำแบบทำงานเคสแบบแม่ของผม
ควรดูแลใส่ใจดูแลท่าน อาหารการกิน กินผัก โปรตีนเกษตร เนื้อสัตว์บาง (แต่แม่ผมไม่กินเนื้อวัว) นมเสริมอาหารพวก Ensure , Glucerna SR ซึ่งยาหมอ ยาสมุนไพรเสริมต่างๆนานา ทั้งซื้อทั้งไปรับ ปราจีนบุรี ก็เคยไป ผมอยากจะบอกว่าพวกยาสมุนไพรเป็นแค่เสริม ให้คนกินมีกำลังใจ สิ่งสำคับคือการดูแล การกินอาหาร กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ
ผมอยากจะดูแลแม่อยากจะพาแม่เที่ยว แม่ไม่เคยเห็นทะเล ไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย พอผมการงานทำมีพอมีเงินแม่ก็มาเป็นมะเร็งเลยไม่ได้ไปตามฝันแม่ ผมอยากบอกว่าถ้าคุณมีโอกาสทำเพื่อแม่ก็ควรทำอย่าไปรอเวลาอนาคตไม่รู้อะไรจะเกิด ตอนนี้แม่ผมเสียไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคมก่อนสิ้นปี 2561
ด้วยแม่หายใจไม่ออก x-ray มาปอดแม่ดำหายไปฝั่งซ้าย ทำให้หายใจออกไม่รับ oxygen จากไปด้วยความสงบ ด้วยรักและอาลัยจากลูกหลาน คำพูดคำสอนแม่จะอยู่ในความทรงจำเสมอ
อยากเล่าประสบการณ์ โรคมะเร็งเต้านม ที่เกิดขึ้นกับคุณแม่
ก่อนอื่นขอเล่าท้าวความย้อนกลับไป ก่อนที่แม่ผมจะเป็นมะเร็งเต้านม แม่เป็นลูกชาวไร่ ชาวนา ทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นคนแข็งแรงและขยัน ผมเป็นคนที่สามของครอบครัว ผมพอเติบใหญ่ ก็ได้ศึกษา ปวช ที่สระบุรี และ ปวส ที่สุพรรณบุรี และ ปริญญาตรี ที่ กรุงเทพ ฯ ณ ตอนนี้ทำงาน อยู่ อยุธยา ทำให้ผมต้องอยู่ห่างแม่ตลอดเวลา เวลาจะกลับไปเรียนที่แม่ก็ชอบร้องไห้ น้ำตาซึมแบบคิดถึง
วันหนึ่ง ผมกลับบ้านไปช่วยงานในไร่ แม่ชอบบ่นว่าทำงานไม่ไหวเหนื่อยหอบ แม่มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน หัวใจ เพิ่งมาเป็นช่วงอายุประมาณ 55 ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ก็บ่นอยู่หลายเดือน เหนื่อยง่ายทำงานไม่ได้เหมือนเก่า แม่ผมอายุประมาณ 55 ตอนนั้นผมก็คิดว่าแม่น่าจะแก่แล้วเลยเหนื่อยทำงานไม่ไหว ซึ่งผมกับพวกพี่ๆมาคิดกันอีกทีอายุแม่ก็ไม่ได้เข้าวัยชราทำไหมถึงเป็นแบบนี้ จึงตัดสินใจพาแม่ไปตรวจหมอก็เจาะก่อนเนื้อไปตรวจ ผลสรุปว่าแม่ผมเป็นมะเร็งเต้านมด้านซ้าย ระยะเท่าไรจำไม่ได้ จึงได้ทำการผ่าตัดก้อนเนื้อ ต่อมน้ำเหลือง และ ตัดนมออก ที่ชัยนาทพักฟื้นเสร็จ ก็ทำเรื่องรักษามะเร็งต่อ ที่ลพบุรี ทำการให้คีโม และ ฉายแสง
จากนั้นก็กลับบ้าน โดยแม่ก็ได้รับคำแนะนำการใช้ชีวิตประจำวัน จากหมอ เอกสารคู่มือ และผู้คนที่เคยเป็นมะเร็งด้วยกัน ต่างๆ เช่น
ห้ามทำอะไรทั้งสิ้น ในช่วงเวลานั้นนี้ ห้ามทำงานหนัก ห้ามบีบ นวด แขนด้านที่ผ่าตัด คือด้านซ้าย ห้ามวัดความดัน เข็มเจาะ อะไรทั้งสินเกี่ยวกับแขนด้านซ้าย ไม่ว่าหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเราต้องบอกเข้าให้ทราบแล้วห้ามยุ่งกับแขนข้างนี้เลย (เพราะว่ากรณีเคยแม่ผม แก่บ่อยตามเลยคิดว่าหมอรู้หมอเรียนมา แต่ที่จริงหมอไม่ทราบทุกเรื่อง ก็เกิดเรื่องจนได้เช่น หมอจับแม่วัดความดัน และทำกายภาพด้วยการบีบนวด เดียวผมเล่าเรื่องกายภาพให้ฟังที่หลัง
หลังจากนั้นไม่ถึงปีแม่ก็เริ่มหยิบจับทำงานบ้าน ทำอาหาร ล้างจาน ซึ่งแม่ผมเริ่มทำเร็วมาก ต่างจากเพื่อนบ้านที่เป็นเหมือนกับแม่เขาไม่ทำอะไรเลยเป็นเวลา 2 ปี แม่ก็คิดว่าหายเป็นปกติ แต่ยังมีอาการปวดแขนอยู่ นิดๆ ไม่เหมือนเดิม ด้วยความขยันคนเคยทำแก่ก็ทำเหมือนเดิม ลั้นผมและพวกพี่บอกอย่าๆ ทำ แต่แก่เป็นคนปากพูดแล้วมือถึง ถ้าผมช้า แก่จะทำเอง ประมาณไม่ทันใจแม่
และเรื่องก็เกิดขึ้นแม่ผมเริ่มทำงานที่หนักขึ้น เช่น ขับรถมอเตอร์ไซค์ จักรยาน ไปซื้อกับข้าว แล้วเดินไปตลาดนัด อนามัย และไปไร่กับพ่อไปแอบ ใช้ขอเกี่ยวหญ้า แล้วไปคุมคนงานฉีดยา ทั้งปั่นจักรยานล้ม หลังจากนั้นแม่เริ่มปวด แล้วก็ไปหาหมอกระดูก ก็ก็ให้ยามากินไม่หาย หมอจึงแนะนำให้ลองทำกายภาพ ไฟฟ้ากระตุ้น อาการปวดก็คงยังไม่ดีขึ้นแม่ก็ไปหาหมอแถวบ้าน ด้วยคำว่ากาพภาพแล้วจะดีขึ้น ทางออก แม่ผมไปแอบทำแต่แม่ไปคราวนี้ไม่ใช่กายภาพด้วยไฟฟ้า แม่เป็นการบีบนวดเหมือนแผนไทย จากนั้นก็ทวีคูณความปวด เห็นไหมครับหมอไม่รู้ทุกเรื่อง ไม่ถงถามว่าแม่ผมเป็นโรคอะไรมา ทำไหมถึงมาให้ทำกายภาพ
แล้วความปวดก็ทำให้แม่ผมต้องกลับลพบุรี รอบที่สอง ให้คีโม แล้วอาการปวดก็บรรเทาลงก็กลับมาอยู่บ้านปกติคราวนี้แม่ผมรู้ตัวว่าตัวเอง ทำผิดพลาด ด้วยการทำอย่างโน้นนี้ทำให้ปวด แก่จึง ดรอปตัวเอง ไม่หยิบจับหรือทำงาน ที่ดูแล้วหนักเกินไปสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง แต่ก็อยากว่า แก่ไม่ชอบรอ คือใช้ไปไหนต้องไป แก่ไปเดินไปตลาด เพื่อซื้อกับข้าวให้พ่อ แม่รักพ่อมากอาหารการกินต้องหาให้อยากได้ขาด รอบที่สาม ให้คีโม แม่เดินกลับจากอนามัย แล้วเหวี่ยแขน เพื่อออกกำลังแขน ปรากฎว่าแขนบวมปวด พอให้คีโมเสร็จก็หยุดลงแต่อาการก็ไม่ค่อยดีเหมือนสะสม แต่ก็ยังอยู่ได้ จนอายุแม่ผม 59 แขน นิ้วมือ บวมใหญ่ ด้วยการตัดต่อมน้ำเหลืองทิ้ง บวมน้ำเหลืองมันคั่ง ไม่สามารถไหลวนเวียนกลับได้ จนได้ไปหาหมอ รอบที่ สี่ ให้คีโม ก็ไม่ทำให้แขนของแม่ไม่ยุบลง ปวดทรมานกินยา มอร์ฟีน 3-4 ต่อวัน ก็แค่บรรเทา รอบที่ ห้า หมอให้คีโมแบบเมล็ด มาให้กินที่บ้าน อาการก็ไม่ดีขึ้น ปวดบวมเหมือนเดิม แล้วหน้าอกด้านซ้ายเริ่มแข็งรอยแขนพับก็เริ่มแข็ง จึงเข้ารับการรักษา รอบที่ หก ให้คีโม อาการก็ไม่ดีขึ้นหมอก็ให้กลับบ้านมารักษาบ้าน พอถึงวันนัดก็ไปพบแพทย์ แพทย์สรุปว่า หมอหมดทางรักษาแล้ว มะเร็งได้กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ให้กลับมารักษารับยาโรงพบาลที่บ้าน แม่ผมกินได้น้อยลงมะเร็งลุกลามไปปอดลำคอ พูดเสียงเบาหาย แล้วแผลเปื่อยภายในและนอก มีน้ำเหลือง หนอง ซ้ำเลือด หน้าอกและหลังซี่ซ้ายมีแต่แผล ไม่สามารถลุกด้วยตนเองได้ อาการทรุดลงเรื่อยๆ
ซึ่งผมอยากจะบอกใครก็ตาม ที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม เหมือนแม่ผม
ว่า หลังจากผ่าตัดทำการรักษาด้วยคีโมฉายแสง ไม่ควรทำงานที่หนักภายในระยะ 5 ปี ควรกลับไปตรวจหาเชื่อมะเร็งว่าตายไปหมดแล้วหรือหลงเหลืออยู่ เพื่อเป็นการป้องกัน และไม่ควรทำแบบทำงานเคสแบบแม่ของผม
ควรดูแลใส่ใจดูแลท่าน อาหารการกิน กินผัก โปรตีนเกษตร เนื้อสัตว์บาง (แต่แม่ผมไม่กินเนื้อวัว) นมเสริมอาหารพวก Ensure , Glucerna SR ซึ่งยาหมอ ยาสมุนไพรเสริมต่างๆนานา ทั้งซื้อทั้งไปรับ ปราจีนบุรี ก็เคยไป ผมอยากจะบอกว่าพวกยาสมุนไพรเป็นแค่เสริม ให้คนกินมีกำลังใจ สิ่งสำคับคือการดูแล การกินอาหาร กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ
ผมอยากจะดูแลแม่อยากจะพาแม่เที่ยว แม่ไม่เคยเห็นทะเล ไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย พอผมการงานทำมีพอมีเงินแม่ก็มาเป็นมะเร็งเลยไม่ได้ไปตามฝันแม่ ผมอยากบอกว่าถ้าคุณมีโอกาสทำเพื่อแม่ก็ควรทำอย่าไปรอเวลาอนาคตไม่รู้อะไรจะเกิด ตอนนี้แม่ผมเสียไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคมก่อนสิ้นปี 2561
ด้วยแม่หายใจไม่ออก x-ray มาปอดแม่ดำหายไปฝั่งซ้าย ทำให้หายใจออกไม่รับ oxygen จากไปด้วยความสงบ ด้วยรักและอาลัยจากลูกหลาน คำพูดคำสอนแม่จะอยู่ในความทรงจำเสมอ