คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
# ทีมชัชชาติ
มารู้จัก อดีตรัฐมนตรี ผู้แข็งแกร่ง ในปฐพี กันต่อค่ะ

คนที่คุณอยากทำงานด้วยจะต้องมีลักษณะอย่างไร
“หัวใจสำคัญคือ ความไว้ใจ (Trust)
แล้วความไว้ใจมาจากไหน
ผมจะบอกเสมอว่ามาจาก 2 องค์ประกอบ
หนึ่งคือ ความเก่ง (Competent) คุณต้องมีความรู้ในเรื่องของคุณ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์พิสูจน์ให้เห็น
สองคือ ความเป็นตัวตน (Integrity) เช่น คนไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
สรุปสั้นๆ คือ เก่งและดี
ดังนั้น คนที่ไว้ใจได้คือคนที่เมื่อได้มอบหมายแล้วเรามั่นใจได้ว่า เขาจะเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้เราในกรอบเวลาที่กำหนด”
ความตั้งใจของคุณในการช่วยสังคมแบบนักธุรกิจและนักการเมือง เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
“สำหรับตัวผม ผมคิดว่าไม่แตกต่างกันนะ
ปรัชญาการทำงานของเรา เราอยากทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรา พนักงาน เจ้าหน้าที่ คนที่ใช้บริการมีชีวิตที่ดีขึ้นทุกคน มีค่าความสำคัญเหมือนกัน
ดังนั้นในคอนเซปต์นี้ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทภาครัฐหรือเอกชน สำหรับเราก็คือกรอบความคิดเดียวกัน
เราอยากเห็นคนเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกขึ้น กลับถึงบ้านอยู่กับลูกและครอบครัวเร็วขึ้น
หรืออยากเห็นลูกบ้านเราได้รับการแก้ปัญหา มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ดังนั้นการทำงานไม่แตกต่างกัน ลงไปดูไซต์ ลงพื้นที่ดูแลคนเหมือนกัน
ถามว่าแล้วสิ่งนี้ช่วยสังคมยังไง เมื่อชีวิตเขาดีขึ้น สังคมเราก็ดีขึ้นด้วย”
แล้วสิ่งที่แตกต่าง?
“หัวใจที่ทำให้แตกต่างกันคือเรื่องความไว้ใจ
การทำงานในภาครัฐไม่ค่อยมีความไว้ใจกัน
ถูกตั้งธงในใจว่าโกงไว้ก่อน
ในขณะที่ภาคเอกชนจะเชื่อใจและให้เกียรติในฐานะคนทำงานมากกว่า
แต่ประสบการณ์จากการทำงานในภาครัฐ ก็ทำให้เห็นมุมมองของการตรวจสอบที่เข้มข้นกว่า
ที่สำคัญ ความไว้ใจนั้นมีราคา หากมีน้อยเกินไปก็จำเป็นต้องพึ่งกระบวนการตรวจสอบที่ใช้เวลาและค่าใช้จ่าย
ขณะเดียวกันหากมีมากเกินไปก็อาจเป็นช่องทางให้เกิดทุจริต
วิธีการที่เหมาะสมคือหาสมดุลและนำวัฒนธรรมองค์กรเหล่านั้นมาปรับใช้บ้าง”
ที่มาของเนื้อหาและภาพ https://readthecloud.co/ceo-4/
มารู้จัก อดีตรัฐมนตรี ผู้แข็งแกร่ง ในปฐพี กันต่อค่ะ

คนที่คุณอยากทำงานด้วยจะต้องมีลักษณะอย่างไร
“หัวใจสำคัญคือ ความไว้ใจ (Trust)
แล้วความไว้ใจมาจากไหน
ผมจะบอกเสมอว่ามาจาก 2 องค์ประกอบ
หนึ่งคือ ความเก่ง (Competent) คุณต้องมีความรู้ในเรื่องของคุณ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์พิสูจน์ให้เห็น
สองคือ ความเป็นตัวตน (Integrity) เช่น คนไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
สรุปสั้นๆ คือ เก่งและดี
ดังนั้น คนที่ไว้ใจได้คือคนที่เมื่อได้มอบหมายแล้วเรามั่นใจได้ว่า เขาจะเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้เราในกรอบเวลาที่กำหนด”
ความตั้งใจของคุณในการช่วยสังคมแบบนักธุรกิจและนักการเมือง เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
“สำหรับตัวผม ผมคิดว่าไม่แตกต่างกันนะ
ปรัชญาการทำงานของเรา เราอยากทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรา พนักงาน เจ้าหน้าที่ คนที่ใช้บริการมีชีวิตที่ดีขึ้นทุกคน มีค่าความสำคัญเหมือนกัน
ดังนั้นในคอนเซปต์นี้ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทภาครัฐหรือเอกชน สำหรับเราก็คือกรอบความคิดเดียวกัน
เราอยากเห็นคนเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกขึ้น กลับถึงบ้านอยู่กับลูกและครอบครัวเร็วขึ้น
หรืออยากเห็นลูกบ้านเราได้รับการแก้ปัญหา มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ดังนั้นการทำงานไม่แตกต่างกัน ลงไปดูไซต์ ลงพื้นที่ดูแลคนเหมือนกัน
ถามว่าแล้วสิ่งนี้ช่วยสังคมยังไง เมื่อชีวิตเขาดีขึ้น สังคมเราก็ดีขึ้นด้วย”
แล้วสิ่งที่แตกต่าง?
“หัวใจที่ทำให้แตกต่างกันคือเรื่องความไว้ใจ
การทำงานในภาครัฐไม่ค่อยมีความไว้ใจกัน
ถูกตั้งธงในใจว่าโกงไว้ก่อน
ในขณะที่ภาคเอกชนจะเชื่อใจและให้เกียรติในฐานะคนทำงานมากกว่า
แต่ประสบการณ์จากการทำงานในภาครัฐ ก็ทำให้เห็นมุมมองของการตรวจสอบที่เข้มข้นกว่า
ที่สำคัญ ความไว้ใจนั้นมีราคา หากมีน้อยเกินไปก็จำเป็นต้องพึ่งกระบวนการตรวจสอบที่ใช้เวลาและค่าใช้จ่าย
ขณะเดียวกันหากมีมากเกินไปก็อาจเป็นช่องทางให้เกิดทุจริต
วิธีการที่เหมาะสมคือหาสมดุลและนำวัฒนธรรมองค์กรเหล่านั้นมาปรับใช้บ้าง”
ที่มาของเนื้อหาและภาพ https://readthecloud.co/ceo-4/
แสดงความคิดเห็น
#คุณชัชชาติเด้อจ้าาา ...เปิดใจ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มุมมองหลังลงสู้ศึกการเมือง - ไม่มีแล้วซูเปอร์แมนในอนาคต
หนีไม่พ้นชื่อของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งจากกระแสคะแนนนิยมที่ดูจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้เป็นที่คาดว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นตัวเต็งที่พรรคจะเสนอชื่อชิงนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งสมัยนี้